မျက်လုံး ကျန်းမာရေး

Sort
Dry eyes
Dry eyes Tears play a crucial role in keeping our eyes moist, ensuring clear vision by letting light effectively pass through the eye's lens, and supplying oxygen to nourish the eye. They also help fend off infections and keep foreign substances at bay.   Now, when it comes to dry eyes, it's a pretty common issue that can stem from abnormal tear production or tears evaporating too quickly. This can lead to discomfort, irritation, that feeling like there's something foreign in your eye, redness, pain, blurry vision that gets better with blinking, or even feeling like your eyes are tired and heavy. What causes dry eyes can vary—getting older, being a woman (yeah, we're more prone to it), certain allergy medications, spending loads of time on screens, being in places with dust and smoke, gusty winds, and bright lights, they can all have a hand in it.   But hey, the good news is there are ways to tackle dry eyes:   Keep away from things that can make it worse, like strong winds and dust, by popping on some sunglasses and protecting those peepers. Remember to take breaks or blink more often, especially when you're glued to screens for a while. You've got these cool eye drops called artificial tears. There's a type for daytime (more watery) and nighttime (a bit thicker). Which one to use depends on how serious your dry eye situation is. Sometimes your doc might suggest special eye drops that encourage your eyes to make more tears. Give your eyes a treat with warm, clean cloths over your closed eyelids to help them feel better. If the dry eye struggle is real and isn't improving, it's wise to chat with an eye doctor.   All in all, dry eyes can be a bother, but there are solutions out there. It's important to take good care of your eyes, especially when it's all dry outside. If you suspect you've got dry eyes, having a chat with an eye care expert is a smart move.      
Read More
Cataract Center
Retina Center
Laser Vision Lasik Center
Glaucoma Center
Cornea Center
Children's Eye Center
Oculoplastic
Neuroophthalmology
กระจกตาเป็นฝ้า : สาเหตุ วิธีการรักษา และทางเลือกที่ใช่สำหรับคุณ
  กระจกตาเป็นฝ้า สาเหตุ วิธีการรักษา และทางเลือกที่ใช่สำหรับคุณ ณ ศูนย์รักษาโรคกระจกตา โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ กระจกตาเปรียบเสมือนหน้าต่างบานแรกที่แสงจะผ่านเข้าสู่ดวงตา หาก "กระจกตา" เกิดขุ่นมัว การมองเห็นย่อมได้รับผลกระทบ "กระจกตาเป็นฝ้า" เป็นภาวะที่กระจกตาสูญเสียความใส ทำให้มองเห็นภาพมัว ไม่ชัดเจน หรือเห็นภาพซ้อน ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน สาเหตุของกระจกตาเป็นฝ้า กระจกตาเป็นฝ้าอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ได้แก่ การติดเชื้อ เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือไวรัส ซึ่งอาจเกิดจากการใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ หรือการบาดเจ็บที่กระจกตา แผลที่กระจกตา เกิดจากการบาดเจ็บ การระคายเคืองจากฝุ่นละออง สารเคมี หรือการติดเชื้อ โรคทางพันธุกรรม เช่น โรคกระจกตาโค้งผิดปกติ (Keratoconus) ทำให้กระจกตาบางและโป่งนูนผิดปกติ ภาวะแทรกซ้อนจากโรคตา เช่น โรคตาอักเสบ การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์หยอดตาเป็นเวลานาน การสัมผัสสารเคมี เช่น สารฟอกขาว กรด ด่าง การขาดวิตามินเอ อาการของกระจกตาเป็นฝ้า มองเห็นภาพมัว อาจเป็นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความขุ่นมัวของกระจกตา เห็นภาพซ้อน ตาแดง ปวดตา เคืองตา น้ำตาไหล แพ้แสง วิธีการรักษากระจกตาเป็นฝ้า การรักษากระจกตาเป็นฝ้าขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรง โดยทั่วไปมีวิธีการรักษาดังนี้ การใช้ยา เช่น ยาหยอดตา ยาป้ายตา เพื่อลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อ หรือรักษาตามสาเหตุ การผ่าตัด การปลูกถ่ายกระจกตา : ในกรณีที่กระจกตาเสียหายมาก การขัดกระจกตาด้วยเลเซอร์ : เช่น PTK การรักษาอื่นๆ เช่น การประคบอุ่น การใส่คอนแทคเลนส์ชนิดพิเศษ ศูนย์รักษาโรคกระจกตา โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ พร้อมดูแลรักษากระจกตาเป็นฝ้าอย่างครบวงจร ด้วย ทีมจักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตา : ประสบการณ์สูง เชี่ยวชาญ พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เทคโนโลยีที่ทันสมัย : เครื่องมือที่ได้มาตรฐานสากล ช่วยในการวินิจฉัยและรักษาอย่างแม่นยำ ปลอดภัย เครื่องตรวจวัดความโค้งของกระจกตา (Corneal Topography) เครื่องตรวจวัดความหนาของกระจกตา (Pachymetry) เลเซอร์ Excimer และ เลเซอร์ Femtosecond การดูแลอย่างครบวงจร : ตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย การรักษา การติดตามผล จนกระทั่งหายเป็นปกติ บริการที่สะดวกสบาย : บรรยากาศเป็นกันเอง ใส่ใจทุกขั้นตอน คืนความใสการมองเห็นที่คมชัดให้กับดวงตาที่ ศูนย์รักษาโรคกระจกตา โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่ 02-511-2111  
Laser Vision Lasik Center
ข้อควรรู้กับการทำเลสิกในผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุก็สามารถทำเลสิกได้เช่นเดียวกับคนหนุ่มสาว แต่มีบางประเด็นที่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องของสุขภาพตา ยาที่ใช้อยู่ และกระบวนการฟื้นตัวที่อาจช้ากว่าในกลุ่มอายุน้อยกว่า ดังนั้น มาดูข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำเลสิกสำหรับผู้สูงอายุกันดีกว่า   1. การใช้ยาและสุขภาพทั่วไป ผู้สูงอายุส่วนใหญ่อาจมีการใช้ยารักษาโรคประจำตัว เช่น ยาความดันโลหิต ยาละลายลิ่มเลือด หรือยาเบาหวาน ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำเลสิกได้ การแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่ใช้และสภาวะสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินว่าคุณสามารถทำเลสิกได้หรือไม่ 2. ผลลัพธ์และการปรับตัว แม้ว่าการทำเลสิกจะช่วยปรับแก้สายตาให้ดีขึ้น แต่ผู้สูงอายุอาจใช้เวลานานกว่าในการปรับตัวหลังการผ่าตัด การฟื้นตัวและการปรับการมองเห็นอาจไม่รวดเร็วเท่ากับคนหนุ่มสาว และบางครั้งอาจยังคงต้องใช้แว่นสายตาช่วยในการมองเห็นในบางสถานการณ์ เช่น การอ่านหนังสือ 3. เทคโนโลยีที่เหมาะสม สำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการทำเลสิก เทคโนโลยีที่แนะนำ ได้แก่ Femto LASIK หรือ NanoRelex เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่มีความแม่นยำสูง ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และเหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงจากสภาวะต่างๆ เช่น กระจกตาบาง ช่วยให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด 4. ภาวะแทรกซ้อนที่ต้องระวัง ผู้สูงอายุอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนมากขึ้น เช่น อาการตาแห้งหลังการผ่าตัด หรือการฟื้นตัวช้ากว่าปกติ การเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ผลลัพธ์การทำเลสิกออกมาดีที่สุด 5. ความสำคัญของการตรวจสภาพตาอย่างละเอียด ผู้สูงอายุมักมีปัญหาสายตาหลายอย่างพร้อมกัน เช่น ต้อกระจก หรือภาวะสายตายาวตามวัย ดังนั้นควรตรวจสภาพตาอย่างละเอียดกับจักษุแพทย์เพื่อประเมินว่าเลสิกเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมหรือไม่ หากมีภาวะอื่นที่รุนแรงกว่า อาจต้องพิจารณาทางเลือกการรักษาอื่น ๆ แทน   สรุป การทำเลสิกในผู้สูงอายุเป็นไปได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม โดยใช้เทคโนโลยีที่แม่นยำและลดความเสี่ยง เพื่อให้ดวงตากลับมามองเห็นได้ชัดเจน ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ปรึกษาเรื่องการทำเลสิกที่เหมาะกับผู้สูงอายุ ติดต่อได้ที่ Laser Vision 02-511-2111 หรือ 02-939-6006 Line ID : @LASERVISION (มี@นำหน้า) FB: Laser Vision International LASIK Center  
Laser Vision Lasik Center
ชอบเล่นกีฬา เลือกใส่คอนแทคเลนส์หรือแว่นตาดี
สำหรับคนที่มีปัญหาสายตาแต่ชื่นชอบการเล่นกีฬา การเลือกใช้อุปกรณ์ช่วยในการมองเห็นเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน ขึ้นอยู่กับความสะดวกและกิจกรรมที่ทำเป็นหลัก   ข้อดีและข้อเสียของแว่นตาสำหรับการเล่นกีฬา ข้อดี ปลอดภัยต่อดวงตา: แว่นตาช่วยป้องกันดวงตาจากฝุ่นละอองและแมลงได้ดี รวมถึงมีเลนส์ที่ป้องกันแสง UV ได้ สะดวกในการใช้งาน: ไม่ต้องใส่หรือถอดเข้าออกบ่อยๆ และไม่ต้องสัมผัสดวงตาโดยตรง ข้อเสีย เสี่ยงต่อการแตกหัก: การเล่นกีฬาที่มีการเคลื่อนไหวมากหรือการกระแทกอาจทำให้แว่นตาหลุดหรือแตกได้ รบกวนการเคลื่อนไหว: แว่นตาอาจไม่สะดวกเมื่อมีเหงื่อออก ทำให้ไหลลื่นหลุดจากใบหน้าได้ง่าย และอาจบังมุมมองบางส่วนในการเล่นกีฬา น้ำหนัก: สำหรับกีฬาที่ต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เช่น วิ่ง หรือฟุตบอล แว่นตาอาจทำให้รู้สึกไม่คล่องตัวหรือหนักหน้า   ข้อดีและข้อเสียของคอนแทคเลนส์สำหรับการเล่นกีฬา ข้อดี ไม่มีกรอบบังมุมมอง: คอนแทคเลนส์ช่วยให้มองเห็นได้กว้างและชัดเจนกว่าการใส่แว่น ไม่มีกรอบมาบดบังมุมมองในขณะเล่นกีฬา คล่องตัวกว่า: ไม่มีความเสี่ยงต่อการแตกหักเหมือนแว่น และไม่ทำให้รู้สึกรำคาญหรือหนักใบหน้า สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เหมาะกับกีฬาเกือบทุกประเภท: เหมาะสำหรับทั้งกีฬากลางแจ้งและในร่ม ไม่ต้องกังวลเรื่องการหลุดหรือเคลื่อนจากใบหน้า ข้อเสีย ต้องดูแลเรื่องความสะอาด: คอนแทคเลนส์ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น การทำความสะอาดและเก็บรักษาอย่างถูกต้อง หากไม่ระวังอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ดวงตาได้ เสี่ยงต่อการหลุดหรือเคลื่อน: ในบางกีฬาที่มีการกระแทกหรือการใช้แรงมาก คอนแทคเลนส์อาจเคลื่อนหรือหลุดจากดวงตาได้ อาจทำให้ตาแห้ง: คอนแทคเลนส์อาจทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ โดยเฉพาะในการเล่นกีฬากลางแจ้งที่มีลมแรง   เลสิก: ตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับนักกีฬา สำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัวสูงในการเล่นกีฬาและไม่อยากคอยระวังเรื่องแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ การทำเลสิก (LASIK) เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด เพราะช่วยให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น และสามารถทำกิจกรรมกีฬาได้อย่างอิสระมากขึ้นโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับสายตาระหว่างเล่นกีฬาอีดต่อไป   สรุปแล้ว คอนแทคเลนส์อาจให้ความสะดวกในเรื่องของการเคลื่อนไหวและมุมมองที่ไม่ถูกบัง แต่ต้องดูแลรักษาอย่างระมัดระวัง ส่วนแว่นตาช่วยปกป้องดวงตาแต่มีความเสี่ยงต่อการแตกหักและสร้างความรำคาญระหว่างเล่นกีฬาได้ สำหรับผู้ที่อยากได้ความสะดวกสบายมากที่สุด การทำเลสิกเป็นทางเลือกที่ช่วยให้คุณสามารถเล่นกีฬาได้เต็มที่ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีการรักษาค่าสายตาที่เหมาะกับคุณมากที่สุดที่ Laser Vision ติดต่อ 02-511-2111 หรือ 02-939-6006 Line ID : @LASERVISION (มี@นำหน้า) FB: Laser Vision International LASIK Center
Laser Vision Lasik Center
การตรวจตาหลังทำเลสิกสำคัญมาก! ห้ามละเลย
ความสำคัญของการตรวจตาหลังทำเลสิก หลังจากการทำเลสิก การนัดตรวจตาหรือ follow-up กับจักษุแพทย์เป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรละเลย การตรวจติดตามผลหลังการผ่าตัดนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าดวงตาของคุณฟื้นตัวอย่างถูกต้องและการมองเห็นเป็นไปตามที่คาดหวัง นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสในการตรวจสอบและจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังการทำเลสิก   ทำไมการตรวจตาหลังทำเลสิกจึงมีความสำคัญ? 1. ประเมินการฟื้นตัวของแผลผ่าตัด แผลที่เกิดจากการทำเลสิกต้องได้รับการตรวจอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่าแผลหายดีและไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อหรือการอักเสบ การตรวจติดตามช่วยให้แพทย์สามารถสังเกตอาการเหล่านี้และให้การรักษาได้อย่างทันท่วงที 2. ตรวจสอบการมองเห็น หลังทำเลสิก การมองเห็นของคุณอาจต้องใช้เวลาสักระยะในการปรับตัว แพทย์จะทำการประเมินว่าการมองเห็นของคุณปรับตัวได้ดีหรือไม่ และช่วยให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการผ่าตัด 3. จัดการกับอาการข้างเคียง อาจมีอาการข้างเคียงเกิดขึ้นหลังการทำเลสิก เช่น ตาแห้ง หรือการมองเห็นในที่มืดที่อาจไม่ชัดเจน การตรวจตามนัดจะช่วยให้แพทย์สามารถตรวจสอบและจัดการกับอาการเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การจ่ายยาหยอดตาหรือให้คำแนะนำเพิ่มเติมในการดูแลดวงตา 4. ป้องกันปัญหาในระยะยาว การตรวจตาหลังทำเลสิกอย่างต่อเนื่องในระยะยาวจะช่วยให้แพทย์สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของดวงตาและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น การเกิดภาวะการมองเห็นที่ผิดปกติ หรือความไม่สบายตาที่อาจต้องมีการรักษาเพิ่มเติม   ควรปฏิบัติตามการนัดหมายอย่างเคร่งครัด แม้ว่าคุณจะรู้สึกว่าการมองเห็นของคุณดีขึ้นและไม่มีปัญหาใดๆ ควรมาตรวจตามนัดที่แพทย์แนะนำทุกครั้ง เพราะการดูแลดวงตาหลังทำเลสิกไม่ใช่แค่การรักษาแผลเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับการดูแลให้ดวงตาอยู่ในสภาวะที่ดีที่สุดในระยะยาวที่ Laser Vision เรามีการนัดติดตามผลการผ่าตัดอย่างสม่ำเสมอและตรวจโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกครั้ง เพื่อดูแลสุขภาพตาของคนไข้ทุกคนได้ดีที่สุด หากสนใจปรึกษาเรื่องการทำเลสิก สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-511-2111 หรือ 02-939-6006 Line ID : @LASERVISION (มี@นำหน้า)  FB: Laser Vision International LASIK Center  
Laser Vision Lasik Center
“แว่นกันแดด” ไอเท็มสำคัญที่ควรใส่!
หลายคนอาจมองข้ามการใส่แว่นกันแดดหรือมองเป็นเพียงเครื่องประดับทางแฟชั่นที่ช่วยเสริมให้การแต่งตัวในวันนั้นดูดีขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว แว่นกันแดดถือเป็นไอเท็มสำคัญที่คนไทยให้ความสำคัญน้อยทั้งๆที่เป็นสิ่งสำคัญที่เราควรมีติดตัวไว้เลย มาดูกันว่าประโยชน์ของแว่นกันแดดมีอะไรบ้าง   1. ปกป้องดวงตาจากแสงแดดและรังสี UV แสงแดดในแต่ละวันอาจดูไม่อันตราย แต่รังสี UV (Ultraviolet) ที่มาพร้อมกับแสงแดดสามารถทำร้ายดวงตาได้ แว่นกันแดดช่วยป้องกันรังสี UV ทั้ง UVA และ UVB ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาดวงตาหลายอย่าง 2. ลดความเสี่ยงของการเป็นต้อกระจกและต้อเนื้อ การโดนแสงแดดโดยไม่มีการป้องกันในระยะยาวสามารถเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรค ต้อกระจก และ ต้อเนื้อ ได้ การใส่แว่นกันแดดเป็นประจำจึงเป็นวิธีหนึ่งในการลดความเสี่ยงเหล่านี้ ทำให้ดวงตาแข็งแรงในระยะยาว 3. ไอเท็มสำคัญสำหรับคนทำเลสิก หลังจากการทำเลสิก การดูแลดวงตาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แว่นกันแดดเป็นสิ่งที่ผู้ทำเลสิกควรมีติดตัวในช่วงแรกๆ เพราะดวงตาหลังการผ่าตัดจะไวต่อแสงมาก การใส่แว่นกันแดดจะช่วยป้องกันไม่ให้แสงแดดและรังสี UV ทำร้ายดวงตา และยังช่วยลดความระคายเคืองจากลม ฝุ่น และสิ่งแปลกปลอมต่างๆ 4. ลดการเมื่อยล้าของดวงตา การอยู่ท่ามกลางแสงแดดจ้าตลอดวันอาจทำให้ดวงตาของคุณเมื่อยล้า แว่นกันแดดช่วยลดความจ้าและแสงสะท้อน ทำให้ดวงตาสบายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อขับรถหรืออยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน   ถ้าเราสังเกตดีๆ จะเห็นว่าคนต่างประเทศใส่แว่นกันแดดกันแทบทุกวัน โดยเฉพาะในประเทศที่มีแสงแดดจ้า เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย หรือประเทศแถบยุโรป สาเหตุหลักคือ หลายประเทศอยู่ในเขตที่ได้รับแสงจ้าตลอดปี ทำให้การใส่แว่นกันแดดเป็นสิ่งจำเป็นในการปกป้องดวงตา ประเทศไทยก็เช่นกัน ดังนั้น แว่นกันแดดจึงไม่ใช่แค่ไอเท็มแฟชั่น แต่เป็นสิ่งจำเป็นในการดูแลสุขภาพดวงตา ไม่ว่าจะเป็นการปกป้องจากแสงแดด ลดความเสี่ยงของโรคตาต่างๆ หรือการดูแลดวงตาหลังทำเลสิก อย่าลืมเลือกแว่นกันแดดที่มีคุณภาพเพื่อป้องกันดวงตาของเราจากรังสี UV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  
Laser Vision Lasik Center
แพ้ยาหยอดตาทำยังไง? อาการที่ต้องรู้และการดูแลตัวเอง
แพ้ยาหยอดตา ทำยังไง? หลายคนอาจคุ้นเคยกับการแพ้ยาที่รับประทานหรือยาที่ใช้ทาภายนอก แต่รู้หรือไม่ว่า ยาหยอดตา ก็สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน โดยส่วนประกอบในยาหยอดตา เช่น สารกันเสียหรือสารออกฤทธิ์ต่างๆ อาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้ในบางคน   อาการแพ้ยาหยอดตาที่ควรระวัง หากคุณรู้สึกถึงอาการเหล่านี้หลังใช้ยาหยอดตา อาจบ่งบอกว่าคุณแพ้ยาหยอดตา: แสบตา หรือ ระคายเคือง ตาแดง และ คันตา น้ำตาไหล หรือ ตาบวม การมองเห็นผิดปกติ เช่น มองเห็นไม่ชัด อาการที่รุนแรงขึ้น เช่น หายใจติดขัด หรือ หน้าบวม   วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นเมื่อแพ้ยาหยอดตา หยุดใช้ยาหยอดตาทันที: ถ้ารู้สึกแสบ คัน หรือน้ำตาไหลหลังหยอดตา ควรหยุดใช้ทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้อาการแย่ลง ล้างตาด้วยน้ำสะอาด: ล้างตาเบาๆ ด้วยน้ำสะอาดเพื่อช่วยล้างสารที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองออก ใช้ยาหยอดตาน้ำตาเทียม: หากยังรู้สึกระคายเคืองหลังล้างตา อาจใช้ยาหยอดตาที่มีลักษณะเป็นน้ำตาเทียมเพื่อช่วยบรรเทาอาการ หลีกเลี่ยงการขยี้ตา: การขยี้ตาอาจทำให้อาการแพ้หรือการระคายเคืองรุนแรงขึ้น พบแพทย์ทันที: หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก ตาบวมมาก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที   การแพ้ยาหยอดตาเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้  เพราะฉะนั้นเราควรสังเกตอาการตัวเองอยู่เสมอเมื่อได้รับยาชนิดใหม่ที่ไม่เคยใช้ และแจ้งประวัติแพ้ยาให้เภสัชกรทราบทุกครั้งเพื่อช่วยป้องกันตัวเองก่อนที่จะเกิดอาการแพ้ยานั่นเอง   
ဆေးရုံတည်နေရာ
Laser Vision International LASIK Center

10/989 Soi Prasertmanukij 33 Nuanchan Buengkum District Bangkok 10230