เป็นภาวะแทรกซ้อนทั่วไปของโรคเบาหวานที่ส่งผลกระทบต่อดวงตา โรคจอประสาทตาจากเบาหวานเกิดจากความเสียหายของหลอดเลือดในจอประสาทตาเนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดสูง หากไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นหรือการตาบอดได้
โรคเบาหวานขึ้นจอตา เป็นภาวะที่เกิดขึ้นจากโรคเบาหวาน ทำให้หลอดเลือดบริเวณจอประสาทตาเกิดความเสียหาย ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม โดยวิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงและระยะของโรค
ยาเช่น Faricimab-svoa (Vabysmo), Ranibizumab (Lucentis), Aflibercept (Eylea) และ Bevacizumab (Avastin) จะถูกฉีดเข้าไปในดวงตาเพื่อยับยั้งสารที่เรียกว่า VEGF (vascular endothelial growth factor) ซึ่งจะช่วยลดการเจริญเติบโตและการรั่วไหลของหลอดเลือดที่ผิดปกติ การฉีดอาจต้องทำทุกเดือนหรือตามที่จักษุแพทย์กำหนด
การรักษาเบาหวานขึ้นจอตาด้วยเลเซอร์ เป็นวิธีการรักษาที่ใช้แสงเลเซอร์เพื่อรักษาความผิดปกติของหลอดเลือดในจอประสาทตาที่เกิดจากโรคเบาหวาน ซึ่งมี 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้
1. การรักษาด้วยเลเซอร์แบบเฉพาะจุด (Focal Laser Treatment)
ขั้นตอน: จักษุแพทย์จะใช้เลเซอร์จี้บริเวณที่มีหลอดเลือดรั่วหรือบวม เพื่อปิดผนึกหลอดเลือดเหล่านั้น ทำให้เลือดหยุดไหลและลดอาการบวมน้ำที่จอประสาทตา
ข้อดี: เป็นการรักษาที่ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น และมีผลข้างเคียงน้อย
ข้อจำกัด: เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง และอาจต้องทำซ้ำหลายครั้ง
2. การรักษาด้วยเลเซอร์แบบกระจายแสงทั่วจอประสาทตา (Panretinal Photocoagulation - PRP)
ขั้นตอน: จักษุแพทย์จะใช้เลเซอร์จี้บริเวณรอบนอกของจอประสาทตา เพื่อลดการสร้างหลอดเลือดใหม่ที่ผิดปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น เลือดออกในวุ้นตา หรือจอประสาทตาหลุดลอก
ข้อดี: ช่วยลดความเสี่ยงของการสูญเสียการมองเห็นอย่างรุนแรง
ข้อจำกัด: อาจมีผลข้างเคียง เช่น การมองเห็นด้านข้างลดลง หรือการมองเห็นในที่มืดลดลง
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนการรักษา
เตรียมตัว: หยอดยาขยายม่านตา และอาจมีการให้ยาชาเฉพาะที่
การรักษา: จักษุแพทย์จะใช้เครื่องเลเซอร์ส่งแสงเลเซอร์ไปยังบริเวณที่ต้องการรักษา โดยผู้ป่วยจะรู้สึกเหมือนมีแสงวาบๆ ในตา
หลังการรักษา: อาจมีอาการตาพร่ามัวเล็กน้อย หรือเห็นแสงวาบในตา ซึ่งมักจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง
ข้อควรระวังหลังการรักษาด้วยเลเซอร์
การผ่าตัดวุ้นตา (Vitrectomy) เป็นการรักษาโรคเบาหวานขึ้นจอตาขั้นรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เลือดออกในวุ้นตาจำนวนมาก หรือจอประสาทตาหลุดลอก
ก่อนการผ่าตัดผู้ป่วยจะได้รับการตรวจประเมินอย่างละเอียด รวมถึงการตรวจตา การตรวจเลือด และการตรวจสุขภาพทั่วไป จักษุแพทย์จะอธิบายขั้นตอนการผ่าตัด ความเสี่ยง และผลที่คาดหวัง ผู้ป่วยจะได้รับยาชาเฉพาะที่หรือยาระงับประสาท เพื่อให้รู้สึกสบายและไม่เจ็บปวดระหว่างการผ่าตัด
ขั้นตอนการผ่าตัด
จักษุแพทย์จะทำแผลเล็กๆ ที่ตาขาว เพื่อสอดเครื่องมือขนาดเล็กเข้าไปในดวงตา วุ้นตาที่ขุ่นมัวหรือมีเลือดออกจะถูกดูดออก และอาจมีการตัดหรือลอกพังผืดที่จอประสาทตาออกในบางกรณี อาจมีการฉีดก๊าซหรือน้ำมันซิลิโคนเข้าไปในดวงตา เพื่อช่วยให้จอประสาทตาแนบสนิทกับผนังลูกตา
การดูแลหลังผ่าตัด
ผู้ป่วยจะต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1-2 วัน เพื่อสังเกตอาการหลังจากกลับบ้าน ผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น การหยอดตา การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และการมาตรวจติดตามอาการตามนัด
ประเภทของการผ่าตัดวุ้นตา:
การผ่าตัดวุ้นตาแบบมาตรฐาน (Pars Plana Vitrectomy): เป็นการผ่าตัดที่ใช้แผลขนาดเล็ก 3 แผลที่ตาขาว
การผ่าตัดวุ้นตาแบบแผลเล็ก (Microincision Vitrectomy): เป็นการผ่าตัดที่ใช้แผลขนาดเล็กกว่า 0.5 มิลลิเมตร ซึ่งช่วยลดการบาดเจ็บของดวงตาและทำให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
ข้อควรพิจารณา:
การผ่าตัดวุ้นตาเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่มีความเสี่ยง เช่น การติดเชื้อ การเกิดต้อกระจก หรือความดันในลูกตาสูง ดังนั้น ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ของการผ่าตัด
การผ่าตัดวุ้นตาไม่สามารถรักษาโรคเบาหวานขึ้นจอตาให้หายขาดได้ แต่สามารถป้องกันหรือชะลอการสูญเสียการมองเห็น และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้
10/989 ซ.ประเสริญมนูกิจ 33 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร 10230