มุมสุขภาพตา : #Cataract

เรียงตาม
เรื่องควรรู้เกี่ยวกับการทำเลสิก วิธีแก้ไขปัญหาสายตาให้มองเห็นชัดเจน
เลสิก หรือ LASIK คือการผ่าตัดแก้ไขสายตาด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทันสมัยด้วยการยิงเลเซอร์ที่กระจกตา ช่วยคืนการมองเห็นให้กลับมาเป็นปกติได้ การทำเลสิก สามารถแก้ไขปัญหาสายตาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง และสายตาสั้นร่วมกับสายตายาวตามวัย เลสิกตามีหลายประเภท เลือกได้ตามความเหมาะสม ได้แก่ PRK เลสิกแบบใบมีด เฟมโตเลสิก เลสิกแบบไร้ใบมีด เลสิกไร้ใบมีดสำหรับสายตายาวตามอายุ และเลสิกแบบแผลเล็ก ทำเลสิกที่ ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ที่นี่ให้บริการด้วยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีเทคโนโลยีเลสิกที่ทันสมัยและหลากหลาย เลือกได้ตามความเหมาะสม โรงพยาบาลสะอาด ได้มาตรฐาน มั่นใจได้ในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ   ในปัจจุบัน ปัญหาสายตาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน ดังนั้นการทำเลสิกจึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาสายตาอย่างถาวร   บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเทคโนโลยีการผ่าตัดเลสิกที่มีหลากหลายประเภท พร้อมรวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการรักษา รวมถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุดและสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข โดยไม่ต้องพึ่งพาแว่นสายตาหรือคอนแท็กต์เลนส์อีกต่อไป     การทำเลสิก (LASIK) คืออะไร? การทำเลสิก (LASIK หรือ Laser In Situ Keratomileusis) เป็นวิธีการผ่าตัดแก้ไขสายตาด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทันสมัย ซึ่งชื่อนี้ใช้เรียกโดยรวมสำหรับการปรับค่าสายตาด้วยการยิงเลเซอร์ที่กระจกตา โดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เลเซอร์เจียระไนกระจกตาให้ได้ความโค้งที่เหมาะสม เปรียบเสมือนการปรับแต่งเลนส์ให้มีความโค้งที่พอดี ส่งผลให้แสงตกกระทบจอประสาทตาได้อย่างถูกต้อง ทำให้การมองเห็นชัดเจนขึ้นโดยธรรมชาติ     เลสิกตารักษาสายตาผิดปกติอะไรบ้าง การทำเลสิกในปัจจุบันสามารถแก้ไขปัญหาสายตาผิดปกติได้หลายรูปแบบ โดยแต่ละอาการมีสาเหตุและลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนี้ สายตาสั้น (Myopia)เป็นภาวะที่คนไข้มองเห็นวัตถุที่อยู่ไกลไม่ชัด แต่จะมองเห็นวัตถุที่อยู่ใกล้ได้ชัดเจน สาเหตุเกิดจากกระจกตาที่โค้งมากเกินไป หรือกระบอกตายาวเกินไป ทำให้ภาพตกกระทบก่อนถึงจอประสาทตา สายตายาว (Hyperopia)เป็นอาการที่คนไข้มองเห็นวัตถุที่อยู่ใกล้ได้ไม่ชัด ซึ่งมีสาเหตุมาจากกระจกตาโค้งน้อยกว่าปกติ (แบน) หรือกระบอกตาสั้นเกินไป นอกจากนี้ ในกรณีที่เป็นสายตายาวตามวัย มักเกิดจากกล้ามเนื้อตาที่เสื่อมสภาพลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น สายตาเอียง (Astigmatism)เป็นภาวะที่คนไข้มองเห็นภาพไม่ชัดเจน เนื่องจากมีการหักเหของแสงที่ตกกระทบโฟกัสที่จอประสาทตาไม่สม่ำเสมอในระนาบเดียวกัน ส่งผลให้มองเห็นภาพบิดเบี้ยวหรือไม่คมชัด สายตาสั้นร่วมกับสายตายาวตามวัยเป็นภาวะที่เกิดจากการที่คนไข้มีสายตาสั้นอยู่แล้ว (กระจกตาโค้งเกินไปหรือกระบอกตายาวเกินไป) และเมื่อมีอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อที่ใช้หักเหแสงของกระจกตาเริ่มเสื่อมลง จึงไม่มีกำลังมากพอที่จะบีบกระจกตาให้โป่งออกเป็นเลนส์นูนได้เหมือนเดิม ทำให้มีปัญหาทั้งการมองระยะไกลและระยะใกล้ ซึ่งการทำเลสิกก็สามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้เช่นกัน     ประเภทของเลสิกตา ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ ทำให้การทำเลสิกมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล โดยแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ดังนี้ เฟมโตเลสิก (FemtoLASIK) เป็นนวัตกรรมการรักษาสายตา ด้วยการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์สองระบบที่ทำงานร่วมกัน ระบบแรกคือ Femtosecond Laser เพื่อเตรียมชั้นกระจกตา และตามด้วย Excimer Laser ที่ทำหน้าที่ปรับแต่งเนื้อกระจกตาให้ได้รูปทรงที่เหมาะสม การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยค่าใช้จ่าย Lasik ราคาประมาณ 118,000 บาท เป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับดวงตาเงื่อนไขสุขภาพดวงตาของแต่ละท่าน ข้อดีและจุดเด่น แก้ไขปัญหาสายตาได้อย่างครอบคลุม ตั้งแต่สายตาสั้นระดับสูง สายตายาว และอาการเอียง การใช้เลเซอร์ทั้งระบบช่วยเพิ่มความแม่นยำในการรักษา ผู้ป่วยรู้สึกสบายตัวระหว่างการรักษา เนื่องจากใช้เพียงยาชาชนิดหยอด ระยะเวลาการฟื้นตัวรวดเร็ว ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติในเวลาไม่นาน มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ำ เนื่องจากไม่ใช้เครื่องมือกล ข้อจำกัดและสิ่งที่ควรระวัง อาจพบรอยเปลี่ยนแปลงบริเวณผิวกระจกตา แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นตามเวลา ต้องระมัดระวังการกระแทกบริเวณตาในช่วงแรก เพื่อป้องกันปัญหาแทรกซ้อน อาจพบอาการตาแห้งในระยะแรกมากกว่าการผ่าตัดบางประเภท คนที่เหมาะกับเลสิกประเภทนี้ ผู้ที่มีข้อจำกัดทางกายภาพของดวงตา เช่น กระจกตาบาง หรือเปลือกตาแคบ ผู้ที่ต้องการความมั่นใจสูงสุดในเรื่องความปลอดภัย ผู้ที่พร้อมลงทุนเพื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัยและผลลัพธ์ที่แม่นยำ   เลสิกแบบไร้ใบมีด (NanoLASIK) เป็นการพัฒนาต่อยอดจากเทคโนโลยีFemtoLASIKโดยใช้เครื่อง Femtosecond Laser Ziemer FEMTO Z8 รุ่นใหม่ที่มีความละเอียดสูงและใช้พลังงานระดับนาโนจูล ในการแยกชั้นกระจกตา ก่อนใช้ Excimer Laser ปรับแต่งความโค้งของกระจกตาตามค่าสายตาที่ออกแบบไว้ การทำเลสิกประเภทนี้ใช้เลเซอร์ในทุกขั้นตอนโดยไม่ต้องใช้ใบมีด จึงมีความแม่นยำและความปลอดภัยสูง ข้อดีและจุดเด่น แยกชั้นกระจกตาด้วยเลเซอร์พลังงานต่ำระดับนาโนจูล ทำให้แผลหายเร็วและลดอาการข้างเคียง เช่น แสบตา ตาบวม มีระบบสแกนลายม่านตาที่แม่นยำสูง สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของลูกตาได้ถึง 1,050 ครั้งต่อวินาที ใน 6 ทิศทาง มีโปรแกรมการรักษาที่ประหยัดเนื้อกระจกตา และปรับให้เข้ากับสภาพตาแต่ละบุคคล เหมาะสำหรับผู้ที่มีสายตาสั้นมาก ใช้เทคโนโลยี Optimized Aspheric ที่รักษาความโค้งของกระจกตาให้เป็นธรรมชาติ ช่วยลดแสงกระจายในเวลากลางคืน ข้อจำกัดและสิ่งที่ควรระวัง ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ในการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ต้องผ่านการประเมินและวางแผนการรักษาอย่างละเอียด มีข้อจำกัดในการรักษาตามสภาพตาของแต่ละบุคคล คนที่เหมาะกับเลสิกประเภทนี้ ผู้ที่มีสายตาสั้นมากและต้องการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด ผู้ที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุดและมีความกังวลเรื่องการใช้ใบมีด ผู้ที่ต้องการลดอาการข้างเคียงและระยะเวลาการฟื้นตัว ผู้ที่มีปัญหาเรื่องแสงรบกวนในเวลากลางคืนและต้องการผลการรักษาที่เป็นธรรมชาติ เลสิกไร้ใบมีดสำหรับสายตายาวตามอายุ (Nano NV LASIK) Nano NV LASIKเป็นนวัตกรรมเลสิกที่พัฒนาต่อยอดจากเทคโนโลยีNanoLASIKที่โดดเด่นด้วยการรักษาสายตายาวตามวัย (Presbyopia) ร่วมกับสายตาผิดปกติอื่น ๆ ด้วยหลักการ Blended Vision โดยปรับให้ตาแต่ละข้างมีความสามารถในการมองเห็นที่ต่างกัน ทำให้สามารถมองเห็นได้ทั้งระยะใกล้และไกลได้อย่างเป็นธรรมชาติ วิธีนี้ใช้เลเซอร์ Femtosecond Ziemer FEMTO Z8 รุ่นใหม่ที่มีความเร็วสูงและพลังงานระดับนาโนจูล ช่วยแยกชั้นกระจกตาได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย ข้อดีและจุดเด่น เทคโนโลยี Blended Vision ปรับสมดุลการมองเห็นของตาทั้งสองข้าง เพื่อให้มองเห็นได้ครบทุกระยะ เลเซอร์พลังงานระดับนาโนจูลช่วยลดการรบกวนเนื้อกระจกตา ทำให้แผลหายเร็วและลดอาการข้างเคียง เช่น แสบตา ตาบวม มีระบบสแกนลายม่านตาที่ทันสมัย สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของลูกตาได้ถึง 1,050 ครั้งต่อวินาที ใน 6 ทิศทาง ทำให้การยิงเลเซอร์แม่นยำแม้มีการกลอกตา โปรแกรม Optimized Aspheric ช่วยรักษารูปทรงของกระจกตาให้เป็นธรรมชาติ ลดปัญหาแสงกระจายในเวลากลางคืน ข้อจำกัดและสิ่งที่ควรระวัง อาจทำให้ความคมชัดของภาพลดน้อยลงบ้าง โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความละเอียดมาก เช่น งานเย็บปักถักร้อย สำหรับผู้ที่ต้องการความคมชัดมาก ๆ เช่น นักกีฬา หรือผู้ที่ต้องทำงานระยะใกล้เป็นประจำ อาจต้องเลือกวิธีการรักษาแบบให้ตาทั้งสองข้างมองไกลชัดเจน และใช้แว่นสำหรับอ่านหนังสือเมื่อต้องทำงานระยะใกล้ ในกรณีที่ไม่สามารถปรับตัวกับการรักษาได้ อาจต้องทำการเติมเลเซอร์เพิ่มเติม เพื่อปรับให้สามารถมองเห็นชัดในระยะไกลทั้งสองข้าง คนที่เหมาะกับเลสิกประเภทนี้ ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปที่มีปัญหาสายตายาวตามวัยร่วมกับสายตาผิดปกติอื่น ๆ ผู้ที่ต้องการความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องพึ่งพาแว่นหลายคู่ ผู้ที่ประกอบอาชีพที่ต้องมองทั้งระยะใกล้และไกล แต่ไม่ได้ต้องการความคมชัดสูงมาก ผู้ที่มีความเข้าใจในข้อจำกัดของการรักษาและพร้อมให้เวลากับการปรับตัวในช่วงแรก   เลสิกแบบแผลเล็ก (NanoRelex) NanoRelexเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดในการผ่าตัดเลสิกที่ใช้เทคโนโลยี Femtosecond Laser ร่วมกับระบบ AI ในการรักษาสายตาสั้น เอียง และสายตายาว โดยใช้เลเซอร์พลังงานระดับนาโนจูลสร้างแผลขนาดเล็กเพียง 2-3 มิลลิเมตร พร้อมระบบ OCT Scan ที่ช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นกระจกตาได้แบบ Real-Time ขณะผ่าตัด และสามารถปรับแต่งเนื้อเยื่อภายในชั้น Stroma ของกระจกตาด้วยการคำนวณชิ้นเนื้อกระจกตาแบบ 3 มิติ ตามค่าสายตาของแต่ละบุคคล ข้อดีและจุดเด่น ใช้เลเซอร์พลังงานระดับนาโนจูล ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด มีระบบ AI และกล้อง OCT Scan ช่วยในการวิเคราะห์และเพิ่มความแม่นยำในการรักษา แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กเพียง 2-3 มิลลิเมตร ใช้ระยะเวลาผ่าตัดสั้น ลดอาการตาแห้งและการเคืองตาหลังการรักษา กระจกตายังคงรูปร่างและความแข็งแรง ทำให้แผลหายเร็ว ข้อจำกัดและสิ่งที่ควรระวัง แก้ปัญหาสายตายาว สายตาเอียงได้ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาสายตายาว หลังทำ 1-2 สัปดาห์อาจมีอาการมองเห็นเป็นหมอก แต่อาการจะดีขึ้นเอง คนที่เหมาะกับเลสิกประเภทนี้ ผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้น เอียง ผู้ที่ต้องการความแม่นยำในการรักษาสูง ผู้ที่มีเวลาพักฟื้นน้อย     การเตรียมตัวก่อนทำเลสิกตา เพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย ผู้เข้ารับการทำเลสิกควรปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้ งดใส่คอนแท็กต์เลนส์ก่อนวันผ่าตัด ทำความสะอาดร่างกาย ล้างหน้า และสระผมในวันผ่าตัด งดแต่งหน้าในวันที่ทำการผ่าตัด สวมเสื้อผ้าที่ติดกระดุมด้านหน้าเพื่อความสะดวกในการเปลี่ยน งดใช้น้ำหอมหรือสเปรย์ดับกลิ่นทุกชนิด งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แจ้งประวัติการใช้ยาประจำให้จักษุแพทย์ทราบ เพื่อพิจารณาว่าต้องหยุดยาหรือไม่ ควรมีผู้ติดตามมาด้วยในวันผ่าตัด และไม่ควรขับรถมาเอง เพื่อความสะดวกและปลอดภัย     สิ่งที่ห้ามทำหลังจากทำเลสิกตา เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น หลังการทำเลสิกผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลตนเอง ดังนี้ ห้ามขยี้ตาเด็ดขาด หากรู้สึกคัน ให้ล้างมือให้สะอาดและใช้นิ้วชี้แตะเบา ๆ ที่หัวตาหรือหางตาแทน ห้ามล้างหน้าหรือให้น้ำเข้าตา ห้ามว่ายน้ำหรือดำน้ำ งดการแต่งหน้าบริเวณรอบดวงตา หยอดยาตามที่จักษุแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ใส่ฝาครอบตาก่อนนอนให้ครบ 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว หากต้องใช้สายตามาก ควรพักสายตาเป็นระยะ ใครที่ไม่สามารถทำเลสิกตาได้ ผู้ที่มีสายตาสั้นเกิน 1,400 ไม่ควรทำเลสิก เนื่องจากอาจพบข้อจำกัดในการรักษาที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย นอกจากนี้ ผู้ที่มีความผิดปกติของกระจกตา เช่น กระจกตาบางหรือหนาเกินไป ก็อาจไม่เหมาะสมกับการทำเลสิก ดังนั้น การตรวจประเมินสภาพดวงตาอย่างละเอียดโดยจักษุแพทย์และขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการรักษาที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทำเลสิกที่ศูนย์เลเซอร์วิชชั่น Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ดีอย่างไร หากต้องการทำเลสิก แนะนำให้เข้ามาปรึกษาและรักษาอาการเหล่านี้ได้ที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospitalที่นี่โดดเด่นด้านการรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ด้วยทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีจุดเด่นดังนี้   โรงพยาบาลมีทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มากประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาการผิดปกติ และแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เทคโนโลยีสำหรับการรักษาดวงตาสมัยใหม่ เครื่องมือได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อการรักษาดวงตาอย่างแม่นยำและปลอดภัย พร้อมให้การรักษาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ใส่ใจในการบริการ พร้อมบรรยากาศของโรงพยาบาลที่เป็นกันเอง สรุป ในปัจจุบัน การทำเลสิกถือเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้ที่มีปัญหาสายตาผิดปกติ เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่หลากหลายให้เลือกใช้ โดยเริ่มตั้งแต่วิธีดั้งเดิมอย่าง PRK และ LASIK ไปจนถึงนวัตกรรมล่าสุดอย่างSMILE Pro, NanoRelex และ Nano NV LASIK ทำให้ผู้ป่วยสามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพสายตาและความต้องการของตนเอง เพื่อให้กลับมามองเห็นได้ชัดเจนโดยไม่ต้องพึ่งพาแว่นสายตาอีกต่อไป เข้ามาทำเลสิกรักษาอาการสายตาสั้น ยาว เอียง ได้ที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ)ที่นี่ให้บริการโดยจักษุแพทย์มากความสามารถ มีความเชี่ยวชาญและประสบการณืด้านการรักษาดวงตาอย่างยาวนาน ที่นี่มีเทคโนโลยีการทำเลสิกที่ทันสมัย มั่นใจได้ในความปลอดภัยและผลลัพธ์หลังการรักษา
อ่านเพิ่มเติม
ศูนย์รักษาต้อกระจก
ศูนย์เลสิก LASER VISION
The Transformative Power of No-Blade Cataract Surgery (FLACS)
No-Blade Cataract Surgery, also known as Femtosecond Laser-Assisted Cataract Surgery (FLACS) marks a revolutionary advancement in cataract treatment, presenting a safer, more precise alternative to traditional methods. This blog post delves into the numerous benefits of this state-of-the-art technology, illustrating why it's rapidly becoming the preferred choice for patients and surgeons globally. Unmatched Precision and Enhanced Visual Outcomes: No-Blade Cataract Surgery, also known as Femtosecond Laser-Assisted Cataract Surgery (FLACS) distinguishes itself through its extraordinary precision and accuracy. Leveraging cutting-edge laser technology, the procedure enables surgeons to make exact incisions and fragment cataracts with impeccable accuracy. This precision significantly enhances visual outcomes, leading to higher patient satisfaction and reduced need for corrective eyewear post-surgery. Reduced Recovery Time and Quicker Visual Rehabilitation: FLACS offers patients significantly reduced recovery times compared to traditional cataract surgery. Its minimally invasive approach causes less trauma to the eye, facilitating quicker healing and faster return to normal visual activities. Patients often report noticeable improvements in vision almost immediately after the procedure. Superior Safety and Reduced Complications: The safety profile of no-blade cataract surgery is exemplary, with the laser technology providing surgeons greater control during the operation. This precision minimizes the risk of common complications such as infections and inflammation, making the surgery safer for patients. The predictability and reproducibility of the laser-assisted steps contribute to its outstanding safety standards. Tailored Treatments and Personalized Care: At Bangkok Eye Hospital, we personalize each Femto Laser-Assisted Cataract Surgery to meet the unique needs of our patients. Our expert ophthalmologists employ comprehensive diagnostics to tailor the surgery, ensuring optimal outcomes and fulfilling our commitment to "Encouraging Sights and Inspiring Futures". Conclusion: No-Blade Cataract Surgery, also known as Femtosecond Laser-Assisted Cataract Surgery (FLACS) is transforming the landscape of cataract treatment. With its precision, efficiency, and safety, FLACS enhances patient experiences and outcomes, embodying the future of ocular surgery. Embrace the future of eye care with Bangkok Eye Hospital, where advanced technology meets compassionate care.   Don't let cataracts diminish your quality of life. Discover the benefits of Femto Laser-Assisted Cataract Surgery at Bangkok Eye Hospital. Contact us today at [lasik-eng@laservisionthai.com] to schedule your consultation and step into a clearer, brighter future.      
ศูนย์เลสิก LASER VISION
แสงกระจาย
แสงกระจาย แสงกระจาย      เป็นลักษณะของแสงที่เกิดการกระจายของจุดกำเนิดแสง แยกเป็นแฉกๆ หรือเป็นวงรอบ โดยมักจะเกิดในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างมืด แสงกระจายจะไม่เกิดเมื่อแสงสว่างรอบตัวมีมาก การเกิดแสงกระจายในตอนกลางคืน จะพบได้มากในคนที่ภาวะสายตาสั้น ที่ยังไม่ได้เข้ารับการรักษา สำหรับผู้ที่เกิดภาวะแสงกระจาย จนรบกวนการมองเห็นในสภาพแวดล้อมมืด อาจรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อต้องขับรถในยามค่ำคืน ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการขับรถในเวลากลาวคืน หรืออาจใช้แว่นตัดแสงกระจาย หรือการหยอดยาหดม่านตา เพื่อช่วยให้ภาวะแสงกระจายดีขึ้น การมองเห็นแสงกระจายในที่สว่างจ้า และมีอาการตามัว นั่นหมายถึงเริ่มมีภาวะต้อกระจกได้ ควรรีบเข้าปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริง
ศูนย์รักษาต้อกระจก
ศูนย์เลสิก LASER VISION
สุขภาพตากับอายุ
สุขภาพตากับอายุ สุขภาพตากับอายุ      ในขณะที่ผู้สูงอายุมุ่งมั่นดูแลสุขภาพร่างกายให้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆทั้งโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง แต่อวัยวะที่ร่างกายต้องใช้ทุกวันอย่างดวงตา กลับได้รับความสนใจน้อยกว่า จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า เมื่อThe International Agency for the Prevention of Blindness (IAPB) สำรวจสุขภาพตาของคนที่มีอายุ 50ปี ทั่วโลก 45 ล้านคน พบว่า 80% มักมีปัญหาเรื่องสายตาจนถึงขั้นตาบอด   Snellen Chart      ความผิดปกติทางสายตาที่มีความสัมพันธ์กับอายุที่ผู้สูงวัยควรระวังได้แก่       ต้อกระจก      จะเริ่มตั้งแต่อายุ 40ต้นๆ (หรืออาจจะช้ากว่านั้น) การเกิดต้อกระจกเปรียบเสมือนฝ้าที่เกิดขึ้นบนกระจกใส ทำให้มองเห็นไม่ชัด อาการน่าสงสัยของต้อกระจกคือ ตาสู้แสงได้ไม่ดี โดยเฉพาะเวลาขับรถ        ต้อหิน      เกิดจากความดันภายในดวงตาที่สูงกว่าปกติทำให้ดวงตาแข็งเหมือนหิน เมื่อมองจะเห็นภาพที่อยู่ตรงกลางชัดแต่กลับมองภาพบริเวณรอบๆไม่ได้ ต้อหินมี2ชนิด คือต้อหินมุมปิดและมุมเปิด เรามักพบต้อหินมุมปิดหรือต้อหินเฉียบพลันในหญิงสูงอายุ เนื่องจากผู้หญิงมักมีดวงตาเล็กกว่าผู้ชาย มักมีอาการปวดเมื่อยตามากเวลาที่ใช้สายตามากและมีอาการตาแดงก่อนตามัว แต่พอได้นอนพักผ่อนอาการต่างๆจะหายไป สามารถใช้ชีวิตได้ปกติแต่อีกไม่กี่วันก็จะกลับมีอาการใหม่ ในทางตรงกันข้ามต้อหินมุมเปิดหรือต้อหินเรื้อรัง พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงมาจากโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคหลอดเลือด ภาวะสายตาสั้นหรือครอบครัวมีประวัติเป็นโรคต้อหิน ทั้งนี้ต้อหินแบบเรื้อรังอาจเป็นอันตรายมากกว่า เพราะจะไม่แสดงอาการ ดังนั้นจึงมักตรวจพบได้โดยบังเอิญ หรือกว่าจะมารักษาก็เป็นมากจนสายเกินแก้และอาจจะรุนแรงถึงขั้นตาบอด       การเสื่อมของตาเนื่องจากสูงอายุ      เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้สูงอายุสูญเสียการมองเห็น อาการเบื้องต้นคือ มองเห็นภาพรอบๆชัดแต่มองจุดภาพตรงกลางไม่ชัด ซึ่งเกิดจากเซลล์เนื้อเยื่อชั้นในดวงตาที่อยู่กึ่งกลางของเรตินามีความผิดปกติและส่วนหนึ่งเกิดมาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม โรคความดันโลหิตสูง โคเลสเตอรอลสูง ภาวะน้ำหนักเกินหรือสูบบุหรี่เป็นต้น       จุดหรือเงาดำในตา      ผู้สูงอายุจะเห็นเป็นจุดหรือเงาดำเล็กๆวิ่งผ่าน คล้ายกับมีแมลงหรือยุงบินผ่าน สาเหตุเกิดจากน้ำวุ้นลูกตาที่อยู่ในตาระหว่างเลนส์กับเรตินาไม่จับตัวแน่นเหมือนเดิม ซึ่งเป็นไปตามอายุที่มากขึ้น แม้การมองเห็นจุดดำจะไม่มีอันตรายต่อสุขภาพตา แต่ถ้าเห็นจุดดำหรือเงาดำมากขึ้นและการมองเห็นไม่ชัดร่วมด้วย ควรจะเข้ามาพบจักษุแพทย์ทันที      สุขภาพตาก็เหมือนสุขภาพร่างกายทั่วไปที่ควร เข้ารับการตรวจเป็นประจำทุกปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และควรเข้ารับการตรวจโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 
ศูนย์รักษาต้อกระจก
ศูนย์เลสิก LASER VISION
อาการเริ่มต้นของต้อกระจกเป็นอย่างไร สาเหตุของการเกิดและการรักษา
ต้อกระจกคือภาวะที่เลนส์ตาขุ่นมัว ส่งผลให้การมองเห็นเบลอหรือพร่ามัว อาการต้อกระจก ได้แก่ มองเห็นมัว การมองเห็นสีผิดเพี้ยน เจอแสงจ้าแล้วแสบตา สายตายาวผิดปกติ และการมองเห็นภาพซ้อน วิธีรักษาต้อกระจก ได้แก่ สลายต้อกระจก โดยใช้คลื่นความถี่สูงสลายต้อกระจก และใช้เลเซอร์แบบไร้ใบมีดช่วยในการผ่าตัด การรักษาต้อกระจกที่ Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) มีการผ่าตัดแบบไร้ใบมีดและใส่เลนส์พรีเมียม ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำและผลลัพธ์ที่ดี   ต้อกระจกเป็นปัญหาสุขภาพตาที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เป็นอาการที่เกิดจากเลนส์ตาที่เคยใสและโปร่งแสงเริ่มขุ่นมัว ส่งผลให้การมองเห็นลดลง สามารถรักษาได้ด้วยวิธีที่เหมาะสม การสังเกตอาการตั้งแต่เริ่มต้นและดูแลสุขภาพตาอย่างเหมาะสมจะช่วยรักษาการมองเห็นให้คงความชัดเจนและสดใสได้ยาวนาน     ต้อกระจกคืออะไร ทำไมผู้สูงวัยต้องรู้จัก ต้อกระจกเป็นโรคที่เกิดจากเลนส์ตาขุ่นมัว พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี เนื่องจากเลนส์ตาเสื่อมสภาพไปตามวัย อย่างไรก็ตามต้อกระจกอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น อุบัติเหตุ หรือความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด หากปล่อยไว้โดยไม่รับการรักษา เช่น การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ เช่นต้อหินต้อลม ต้อเนื้อและม่านตาอักเสบ ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดตาและการอักเสบของดวงตาได้     อาการของโรคต้อกระจก ในระยะแรก ต้อกระจกมักไม่แสดงอาการชัดเจน ผู้ป่วยอาจยังมองเห็นได้ตามปกติ แต่หากปล่อยทิ้งไว้นาน อาการจะเริ่มปรากฏและรุนแรงขึ้น โดยสามารถแบ่งอาการออกเป็นระยะต่างๆ ได้ดังนี้ ระยะที่ 1ในระยะเริ่มต้น แก้วตาจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้การมองเห็นเริ่มไม่สะดวกและลดลง ผู้ป่วยอาจสังเกตได้ว่าแสงไฟสะท้อนรบกวนสายตาได้ง่ายขึ้น รวมถึงเกิดอาการเมื่อยล้าดวงตาบ่อยขึ้นแม้ในกิจกรรมที่เคยทำได้ตามปกติ ระยะที่ 2เลนส์ตาจะเริ่มมีความขุ่นเล็กน้อยจากบริเวณกลางเลนส์ตาและกระจายออกไปยังรอบๆ อย่างช้าๆ ผู้ป่วยมักเริ่มมีปัญหากับแสงสะท้อนที่รบกวนสายตา ควรใช้แว่นลดแสงสะท้อนเพื่อช่วยการมองเห็นให้ชัดเจนขึ้น ระยะที่ 3ความขุ่นมัวของต้อกระจกจะเพิ่มขึ้นและกระจายไปทั่วแก้วตา ทำให้ประสิทธิภาพการมองเห็นลดลง ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ในระยะที่ 3 จักษุแพทย์มักแนะนำให้ผู้ป่วยผ่าตัด เนื่องจากเป็นช่วงที่รักษายากและอาจมีผลข้างเคียงได้ ระยะที่ 4ในระยะนี้การมองเห็นพร่ามัวและความขุ่นของต้อกระจกเพิ่มขึ้น เลนส์แก้วตาจะแข็ง หากปล่อยไว้นาน การผ่าตัดจะยากขึ้น ผลการรักษาอาจไม่ดี และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนสูง รวมถึงเสี่ยงต่อการเกิดต้อหิน ซึ่งอาจทำให้สูญเสียการมองเห็นหากไม่ได้รับการผ่าตัดทันที     สาเหตุของการเกิดต้อกระจก มีหลายสาเหตุที่ทำให้ต้อกระจกเกิดขึ้น ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพตาได้ ดังนี้ อายุมากขึ้น สุขภาพที่เสื่อมถอยตามอายุเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เลนส์ตาเสื่อมสภาพ โครงสร้างโปรตีนของดวงตาเสื่อมลง ซึ่งนำไปสู่การเกิดโรคต้อกระจก ผู้สูงอายุที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป จึงมีความเสี่ยงสูงในการเป็นต้อกระจกมากกว่าคนในวัยอื่นๆ การจ้องแสง UV เป็นเวลานาน หากดวงตาของเราได้รับแสง UV จากดวงอาทิตย์ในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้เกิดต้อกระจกได้ นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการเกิดต้อเนื้อหรือต้อลมได้อีกด้วย สูบบุหรี่มากเกินไป การสูบบุหรี่ทำให้ดวงตาโดยรวมเสื่อมได้ เนื่องจากสารพิษในควันบุหรี่ส่งผลต่อเส้นเลือดที่เลี้ยงลูกตา การได้รับสารพิษจากควันบุหรี่ในระยะเวลานานจะลดความสามารถในการมองเห็นและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต้อกระจกโรคจอประสาทตาเสื่อมและอาการตาแห้งได้อีกด้วย ใช้ยาชนิดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง หากมีประวัติการรักษาทางการแพทย์และการใช้ยา เช่น ยาหดม่านตา ยาควบคุมการเต้นของหัวใจ หรือกลุ่มยาสเตียรอยด์ รวมถึงการฉายรังสีในอดีต ก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดต้อกระจกได้เช่นกัน โรคทางตา ต้อกระจกมักมีภาวะแทรกซ้อนร่วมกับโรคทางตาอื่นๆ เช่น โรคม่านตาอักเสบ การติดเชื้อในลูกตา หรือการผ่าตัดดวงตามาก่อน ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถนำไปสู่การเกิดต้อกระจกได้ โรคประจำตัวและโรคทางกรรมพันธุ์ โรคประจำตัวและโรคทางกรรมพันธุ์สามารถเป็นสาเหตุของต้อกระจกได้ เช่น โรควิลสันเกิดจากการผิดปกติของระบบการทำงานของตับ ไม่สามารถกำจัดแร่ธาตุทองแดงส่วนเกินออกไปได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดการสะสมของทองแดงและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเลนส์แก้วตาเป็นต้อกระจก โรคเบาหวานเกิดจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง ส่งผลกระทบต่อดวงตา เช่น เบาหวานขึ้นตา ซึ่งอาจนำไปสู่ต้อกระจก โรคกาแล็กโทซีเมียขาดเอนไซม์ที่เปลี่ยนน้ำตาลกาแล็กโทสเป็นน้ำตาลกลูโคส ส่งผลให้น้ำตาลกาแล็กโทสในเลือดสูงและอาจทำให้เกิดต้อกระจก     ต้อกระจก มีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง การรักษาต้อกระจกมีหลายวิธี แพทย์จะพิจารณาจากความรุนแรงของอาการและปัจจัยอื่นๆ โดยมีแนวทางการรักษาและรายละเอียดดังนี้ การผ่าตัดต้อกระจก(ICCE : Intracapsular Cataract Extraction) สำหรับการผ่าตัดต้อกระจก เป็นวิธีที่เอาเลนส์ตาและถุงหุ้มเลนส์ทั้งหมดออกมา รวมถึงนำแก้วตาทั้งแคปซูลและเนื้อในออก การผ่าตัดนี้ส่งผลต่อการมองเห็นเนื่องจากการวางเลนส์ตาอาจทำได้ยากและมีแผลขนาดใหญ่ที่ใช้เวลาฟื้นฟูนาน มักทำในกรณีที่ถุงหุ้มเลนส์มีปัญหามาก การผ่าตัดต้อกระจกแผลกว้าง(ECCE : Extracapsular Extraction) การผ่าตัดที่เอาแก้วตาออกเหลือเพียงถุงหุ้มแก้วตาด้านหลังไว้ จะทิ้งแผลขนาดใหญ่และต้องเย็บหลายเข็ม อาจทำให้เกิดสายตาเอียงจากไหมที่ดึงกระจกตา และใช้เวลาพักฟื้นนาน อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดพังผืดบริเวณส่วนบนของตาขาวได้ มักทำในกรณีที่เลนส์แก้วตาแข็งมากเกินไป หรือเป็นโรคกระจกตาเสื่อมระยะรุนแรง การใช้คลื่นความถี่สูงสลายต้อกระจก(Phacoemulsification) การผ่าตัดต้อกระจกโดยใช้ความถี่เสียงหรืออัลตราซาวนด์ความถี่สูงเพื่อสลายเนื้อแก้วตาและดูดออก จากนั้นใส่แก้วตาเทียมแทนที่ ทำให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ มีโอกาสทำให้เกิดสายตาเอียงน้อย ใช้เวลาพักฟื้นน้อย และให้ผลการรักษาที่ดี ผู้ป่วยสามารถเลือกชนิดของแก้วตาเทียมที่ตรงกับความต้องการและแก้ไขค่าสายตาได้ดีกว่าในวิธีการผ่าตัดอื่นๆ การผ่าตัดต้อกระจกด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์แบบไร้ใบมีด (FLACS : Femtosecond Laser Assisted Cataract Surgery) Femtosecond Laser ใช้ในการผ่าตัดต้อกระจกเพื่อเปิดแผล เปิดถุงหุ้มเลนส์ และแบ่งเลนส์ต้อให้เป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้สลายและดูดออกด้วยอัลตราซาวนด์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งทำงานควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ช่วยให้จักษุแพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างดี การเปิดแผลมีความแม่นยำ เปิดถุงหุ้มเลนส์ได้ตามขนาดที่ต้องการ และวางเลนส์แก้วตาเทียมได้ตรงกลาง รวมถึงยังช่วยแก้ไขสายตาเอียงได้ตรงองศาที่ต้องการ ข้อดีของการใช้ Femtosecond Laser ในการรักษาต้อกระจกคือช่วยเพิ่มความแม่นยำและเที่ยงตรงในการผ่าตัด ลดอันตรายจากโรคแทรกซ้อน อย่างไรก็ตามการรักษาด้วย Femtosecond Laser มีข้อจำกัด เช่น ไม่สามารถใช้ในผู้มีแผลเป็น กระจกตาดำขุ่นมัว หรือผู้ที่ไม่สามารถขยายม่านตาได้ นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการผ่าตัดแบบเดิม     วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดต้อกระจก เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นต้อกระจก การดูแลดวงตาอย่างสม่ำเสมอและใส่ใจต่อสุขภาพดวงตาเป็นสิ่งสำคัญ มีวิธีดูแลดวงตา ดังนี้ ควรมีการพักสายตาหากใช้สายตานานๆ เช่น อ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์ ปรับแสงในห้องให้ปกติ ไม่สว่างและมืดจนเกินไป สวมแว่นกันแดดเพื่อป้องกันรังสี UV แนะนำให้ตรวจสายตาเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป นอนให้ครบ 6 ชั่วโมงต่อวัน งดสูบบุหรี่ สรุป ต้อกระจกคือภาวะที่เลนส์ตาในดวงตาขุ่นมัว ส่งผลให้การมองเห็นพร่ามัวและลดลงได้ เมื่อเป็นต้อกระจก สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดเลนส์ตาที่ขุ่นออกและใส่เลนส์ตาเทียมแทน สำหรับการป้องกัน ควรดูแลดวงตาโดยสวมแว่นกันแดด ตรวจสายตาเป็นประจำ งดสูบบุหรี่ และพักสายตาเมื่อใช้สายตามากๆ   สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาต้อกระจก สามารถเข้ามาที่ศูนย์รักษาต้อกระจก Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ซึ่งมีบริการรักษาทุกประเภท รวมถึงการผ่าตัดต้อกระจกแบบไร้ใบมีดและการใส่เลนส์พรีเมียม
ที่อยู่
Laser Vision International LASIK Center

10/989 ซ.ประเสริญมนูกิจ 33 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร 10230

ช่องทางติดต่อ
Line