มุมสุขภาพตา

เรียงตาม
โรคตาแห้ง
โรคตาแห้ง มารู้จักกับโรคตาแห้ง      น้ำตา มีความสำคัญในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา ช่วยให้เรามองเห็นภาพชัดเจนโดยทำให้แสงผ่านกระจกตาได้ดี และนำออกซิเจนมาเลี้ยงกระจกตา รวมทั้งช่วยป้องกันการติดเชื้อและสิ่งแปลกปลอม      ตาแห้ง พบได้บ่อย เกิดจากความผิดปกติของน้ำตา อาจมีปริมาณน้ำตาไม่เพียงพอหรือมีการระเหยของน้ำตาที่มากเกินไป ก่อให้เกิดการบาดเจ็บที่ผิวกระจกตาและเกิดอาการไม่สบายตา อาการที่บอกว่า ตาเราเริ่มแห้ง อาจมีตั้งแต่แสบตา ระคายเคืองตา เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา ตาแดง เจ็บ พร่ามัวลงแต่ดีขึ้นเมื่อกระพริบตา หรือรู้สึกฝืดๆ หนักๆตา ลืมตาลำบาก ล้าหรือมีอาการน้ำตาไหลมากก็เป็นได้      สาเหตุของการเกิดตาแห้งนั้นมีหลากหลาย ได้แก่ อายุที่เพิ่มมากขึ้น เพศหญิงพบได้บ่อยกว่าเพศชาย อีกทั้งยาบางชนิด เช่น ยารักษาภูมิแพ้ การเพ่งหรือใช้สายตาติดต่อกันนานๆ เช่นใช้คอมพิวเตอร์ การอยู่ในที่ๆมีฝุ่นละอองและควัน ลมแรงและแสงจ้า ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ หรือหลังทำเลสิกระยะแรก หรือจากโรคบางชนิด เช่น เบาหวาน ผิวตาเสื่อมจากสารเคมีหรือการแพ้ยาแบบรุนแรง   วิธีการรักษาตาแห้งมีหลากหลาย ดังนี้ หลีกเลี่ยงภาวะที่ทำให้เกิดอาการ เช่น เลี่ยงการโดนลมแรง ฝุ่นควัน แสงจ้า ด้วยการใส่แว่นกันแดด กันลม หลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานานๆ พักสายตาหรือกระพริบตาบ่อยๆ หรือหลับตาพักเป็นระยะๆ อย่างน้อย 1 นาที ทุก ½-1 ชั่วโมง หากต้องใช้สายตาติดต่อกันนานๆ ใช้น้ำตาเทียม ซึ่งมีหลายชนิด มีทั้งชนิดน้ำ (ใช้กลางวัน) และชนิดขี้ผึ้งหรือเจล (ใช้กลางคืน) น้ำตาเทียมจะแยกเป็นชนิดที่มีสารกันเสีย (รูปแบบขวด) ไม่ควรหยอดเกิน 4-5 ครั้งต่อวัน หรือชนิดที่ไม่มีสารกันเสีย (แบบกระเปาะ) ซึ่งสามารถใช้ได้บ่อยๆ โดยการเลือกน้ำตาเทียมขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ เนื่องจากแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกัน การใช้ยาหยอดบางชนิดเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำตา เช่น การใช้ยารักษาภาวะเปลือกตาอักเสบที่พบเป็นสาเหตุของน้ำตาระเหยเร็ว ร่วมกับการให้ประคบอุ่นทำความสะอาดขอบตา การอุดท่อระบายน้ำตาที่บริเวณหัวตา ทำให้น้ำตาอยู่ในดวงตาเพิ่มขึ้น มีทั้งแบบชั่วคราวและถาวร ใช้ในรายที่มีอาการตาแห้งรุนแรงหรือเรื้อรัง        โดยสรุป ตาแห้งเป็นโรคซึ่งไม่เป็นอันตรายไม่ถึงกับทำให้ตาบอด แต่จะน่ารำคาญ รบกวนการดำรงชีวิตประจำวันของผู้ป่วย แต่ก็มีวิธีหลากหลายวิธีที่ช่วยให้อาการดีขึ้น และสามารถดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขขึ้น ช่วงนี้ลมหนาวใกล้มา อากาศมักจะแห้งมากขึ้น อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพตาให้ชุ่มชื้นด้วยนะคะ ถ้าสงสัยว่าตาเราแห้งหรือไม่ สามารถมาพบจักษุแพทย์เพื่อวินิจฉัยและให้การรักษาต่อไป
อ่านเพิ่มเติม
อยากทำตาสองชั้น แต่อายุเท่าไหร่ถึงจะปลอดภัย?
อายุเท่าไหร่ ถึงทำตาสองชั้นได้ ? หลายคนใฝ่ฝันอยากมีดวงตาคู่สวยคมชัด มีเสน่ห์ การทำศัลยกรรมตาสองชั้นจึงเป็นตัวเลือกยอดนิยม แต่คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ "อายุเท่าไหร่ ถึงจะทำตาสองชั้นได้อย่างปลอดภัย?" ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ ขอไขข้อข้องใจนี้ พร้อมให้ข้อมูลที่ถูกต้องและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ทำตาสองชั้น...อายุเท่าไหร่ถึงเหมาะสม? โดยทั่วไป จักษุแพทย์มักแนะนำให้ทำศัลยกรรมตาสองชั้นเมื่ออายุ 18 ปีขึ้นไป เพราะโครงสร้างใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณดวงตาจะหยุดการเจริญเติบโต ทำให้แพทย์สามารถประเมินรูปทรงดวงตาและออกแบบชั้นตาที่สวยงามได้อย่างแม่นยำ ผลลัพธ์ของการผ่าตัดจึงมีแนวโน้มคงอยู่ยาวนาน   ทำไมต้องรอให้ถึง 18 ปี? โครงสร้างดวงตา : ก่อนอายุ 18 ปี ดวงตายังคงมีการเปลี่ยนแปลง การทำศัลยกรรมในช่วงวัยนี้ อาจทำให้ชั้นตาเปลี่ยนแปลงไปตามการเจริญเติบโต ส่งผลต่อผลลัพธ์ในระยะยาว ความพร้อมทางด้านร่างกาย : ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป มักมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง พร้อมรับการผ่าตัด และมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี ช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และภาวะแทรกซ้อนต่างๆ   แล้วถ้าอายุต่ำกว่า 18 ปี ทำได้ไหม? ในบางกรณี จักษุแพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดตาสองชั้นให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เช่น มีปัญหาทางด้านการมองเห็น : หนังตาตกบังการมองเห็น รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน และส่งผลต่อพัฒนาการทางสายตา มีปัญหาชั้นตาผิดปกติ : เช่น ตาสองชั้นข้างเดียว ชั้นตาไม่เท่ากัน ส่งผลต่อบุคลิกภาพ และความมั่นใจ   อายุมาก...ทำตาสองชั้นได้หรือไม่? สำหรับผู้ที่มีอายุมาก ก็สามารถทำศัลยกรรมตาสองชั้นได้ แต่ควรปรึกษาจักษุแพทย์เฉพาะทาง เพื่อประเมินสภาพผิวและปัญหาสุขภาพ รวมถึงพิจารณาการผ่าตัดเสริมอื่นๆ เช่น การยกคิ้ว หรือ การตัดไขมันใต้ตา เพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และ แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด   ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ ให้บริการศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา โดย จักษุแพทย์เฉพาะทาง มากประสบการณ์ เทคโนโลยีที่ทันสมัย แผลเล็ก ฟื้นตัวไว ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ดูแลตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย วางแผนการรักษา จนถึงหลังการผ่าตัด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-511-2111
สาเหตุและความจำเป็นของการปลูกถ่ายกระจกตา
สาเหตุและความจำเป็นของการปลูกถ่ายกระจกตา การปลูกถ่ายกระจกตา คือ การผ่าตัดนำกระจกตาที่เสียหายออก แล้วแทนที่ด้วยกระจกตาของผู้บริจาค ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ช่วยฟื้นฟูการมองเห็นในผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระจกตาอย่างรุนแรง สาเหตุที่ทำให้กระจกตาเสียหาย กระจกตาเปรียบเสมือนหน้าต่างใสที่อยู่ด้านหน้าของดวงตา ทำหน้าที่รับแสงและโฟกัสภาพไปยังเลนส์ตา หากกระจกตาเกิดความเสียหาย ก็จะส่งผลต่อการมองเห็น โดยสาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่ โรคทางพันธุกรรม: เช่น โรคกระจกตาโค้งผิดปกติ (Keratoconus) โรค Fuchs' dystrophy การติดเชื้อ: เช่น แผลติดเชื้อที่กระจกตา เริมที่ตา การบาดเจ็บ: เช่น อุบัติเหตุ สารเคมีเข้าตา ภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่นๆ: เช่น ต้อหิน โรคเบาหวานขึ้นตา ภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดตา: เช่น การผ่าตัดต้อกระจก การผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ ความจำเป็นของการปลูกถ่ายกระจกตา เมื่อกระจกตาเสียหาย การมองเห็นจะพร่ามัวลง อาจมีอาการปวดตา เคืองตา มองเห็นแสงซ้อน หรือเห็นภาพบิดเบี้ยว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน และคุณภาพชีวิต การปลูกถ่ายกระจกตาจึงเป็นทางเลือกในการรักษา เพื่อ ฟื้นฟูการมองเห็น: ช่วยให้ผู้ป่วยมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ลดอาการปวดตา และระคายเคืองตา: ช่วยบรรเทาอาการไม่สบายตา ป้องกันภาวะแทรกซ้อน: เช่น การติดเชื้อ การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร ปรับปรุงคุณภาพชีวิต: ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ อย่างไรก็ตาม การปลูกถ่ายกระจกตา ไม่ใช่ทางเลือกสำหรับทุกคน แพทย์จะพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ความรุนแรงของโรค สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย และความเสี่ยงในการผ่าตัด หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับกระจกตา ควรปรึกษาจักษุแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ยา การใส่คอนแทคเลนส์ หรือการผ่าตัด ศูนย์รักษาโรคกระจกตา โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ มีทีมจักษุแพทย์เฉพาะทาง และเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคกระจกตาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา จนถึงการติดตามผลหลังการรักษา สอบถามเพิ่มเติม : โทร 02-511-2111
รายชื่อประกันภัย
  บริษัทประกันภัย บริษัท ไทยประกันสุขภาพ จำกัด มหาชน บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ลูม่าแคร์ จำกัด บริษัท บลูเวนเจอร์ ทีพีเอ จำกัด บริษัท เอดับเบิลยู พี เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด Asian Assistance (Thailand) Co., Ltd. APRIL Assistance (Thailand) Co., Ltd. International SOS (Thailand) Co., Ltd. Assist International Services Co., Ltd. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :  แผนกประสานสิทธิ์ประกัน 02-511-2111 ต่อ 3803, 3804  UR Nurse 02-511-2111 ต่อ 3805
ศูนย์รักษาต้อหิน
ภาวะความดันสูงในลูกตา: ภัยเงียบที่อาจนำไปสู่โรคต้อหิน
ภาวะความดันสูงในลูกตา: ภัยเงียบที่อาจนำไปสู่โรคต้อหิน หลายท่านอาจคุ้นเคยกับโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อยและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ทราบหรือไม่ว่า ดวงตาของเราก็มีความดันเช่นกัน และภาวะความดันสูงในลูกตาที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจนำไปสู่โรคต้อหิน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้ความดันในลูกตาสูงเกิดจากอะไร? ภายในลูกตาของเรามีของเหลวใสที่เรียกว่า “Aqueous humor” ซึ่งทำหน้าที่หล่อเลี้ยงเลนส์แก้วตาและกระจกตา ของเหลวนี้มีการสร้างและระบายออกอย่างสมดุลอยู่เสมอ แต่หากระบบการระบายมีปัญหา ทำให้ของเหลวคั่งค้างภายในลูกตา ก็จะทำให้ความดันในลูกตาสูงขึ้น ความดันในลูกตาสูง ส่งผลอย่างไรต่อดวงตา? ความดันในลูกตาสูงเป็นเวลานาน จะไปกดทับเส้นประสาทตา ทำให้เส้นประสาทตาถูกทำลายอย่างช้าๆ ส่งผลต่อลานสายตาโดยเริ่มจากการมองเห็นภาพด้านข้างหายไป และค่อยๆ แคบลงเรื่อยๆ จนกระทั่งสูญเสียการมองเห็น ที่น่ากังวลคือ ผู้ป่วยมักไม่รู้ตัวว่ามีความดันในลูกตาสูง เนื่องจากในระยะแรกแทบจะไม่มีอาการใดๆ จึงมักมาพบแพทย์เมื่อโรคอยู่ในระยะท้ายๆ แล้ว ใครบ้างที่มีความเสี่ยง?   ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคต้อหิน ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีภาวะสายตาสั้นหรือยาวมาก ผู้ที่เคยได้รับบาดเจ็บที่ดวงตา ผู้ที่ใช้ยาหยอดตาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน การป้องกันและรักษา การตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ โดยเฉพาะการตรวจวัดความดันในลูกตา เป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง หากตรวจพบความดันในลูกตาสูง แพทย์จะให้การรักษาที่เหมาะสม เช่น การใช้ยาหยอดตา รับประทานยา การรักษาด้วยเลเซอร์ หรือการผ่าตัด เพื่อควบคุมความดันในลูกตา ป้องกันไม่ให้เส้นประสาทตาถูกทำลาย และลดความเสี่ยงในการสูญเสียการมองเห็นจากโรคต้อหิน โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ พร้อมดูแลทุกปัญหาสุขภาพตา ด้วยทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านต้อหิน พร้อมด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย เราพร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคต้อหินอย่างครบวงจร เพื่อปกป้องดวงตาของคุณจากภัยเงียบนี้   สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดหมายแพทย์ โทร. 02-511-2111
ศูนย์เลสิก LASER VISION
เทคโนโลยีเลสิคขั้นสูงล่าสุดของ Laser Vision เพื่อการมองเห็นที่คมชัด
Laser Vision ซึ่งเป็นผู้นำด้านการรักษาด้วยเลเซอร์สายตามากว่า 25 ปีในประเทศไทย ขณะนี้ได้ขยายบริการเปิดเป็น Bangkok Eye Hospital พร้อมนำเทคโนโลยี AI และ Robotic ล่าสุดมาใช้ในการตรวจวินิจฉัยและรักษาปัญหาสุขภาพตาแบบครบวงจรในที่เดียว ขั้นตอนการรักษาด้วยเลเซอร์สายตาที่ Laser Vision ประกอบด้วย Comprehensive Eye Examination: เนื่องจากดวงตาและกระจกตาของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน เราจึงใช้ AI และเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุด เพื่อตรวจวิเคราะห์สุขภาพตา สภาพกระจกตา และปัญหาสายตาที่ต้องแก้ไขโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกตาและการหักเหแสงจะเป็นผู้ตรวจวินิจฉัยด้วยตนเอง และจะอนุญาตให้รักษาด้วยเลเซอร์เฉพาะในกรณีที่ดวงตาและกระจกตาอยู่ในสภาพที่ปลอดภัย หากพบว่าไม่เหมาะสมกับการรักษาด้วยเลเซอร์ เรามีทางเลือกการรักษาอื่นๆ ที่เหมาะสมกับสภาพดวงตา หรือในกรณีที่ตรวจพบปัญหาสุขภาพตาอื่นๆ ท่านสามารถรับการรักษาจากจักษุแพทย์เฉพาะทางสาขาอื่นๆ ได้ทันทีที่นี่ วิธีการรักษาสายตาด้วยเลเซอร์ ผลลัพธ์ของการรักษาด้วยเลเซอร์ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพตา วิธีการ และเทคโนโลยีที่ใช้ ที่ Laser Vision เรามีเทคโนโลยีการรักษาด้วยเลเซอร์ที่ทันสมัยที่สุด 2 ชนิด คือ NanoRelex และ NanoLASIK ซึ่งเป็นเทคนิคแบบ Bladeless Technique ที่ไม่ต้องใช้ใบมีด ท่านสามารถเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพกระจกตาและปัญหาสายตาได้ ✅NanoRelex: เป็นเทคนิค SMILE ที่ไม่ต้องเปิดแผลที่กระจกตา มีหลักการทำงานคล้ายกับ ReLExSMILE แต่ใช้เทคโนโลยีที่แตกต่าง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่คมชัดยิ่งขึ้น ✅NanoLASIK: เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าสายตาสูง หรือกระจกตาบาง เป็นเทคนิคที่เปิดแผลที่กระจกตาเป็นรูปตัว C เพื่อรักษาด้วยเลเซอร์ ช่วยแก้ไขค่าสายตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีขั้นสูงใน NanoRelex และ NanoLASIK ทั้ง NanoRelex และ NanoLASIK ใช้ Ziemer FemtoLDV Platform จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีข้อดีดังนี้ 👁️‍🗨️Nanojoules-powered Femtosecond Laser: ใช้พลังงานต่ำที่สุดในบรรดาเลเซอร์ Femtosecond 👁️‍🗨️AI Technology: ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการรักษา และให้ผลลัพธ์ที่คมชัดยิ่งขึ้น 👁️‍🗨️Real-Time OCT Scan: ช่วยให้แพทย์เห็นข้อมูลสำคัญแบบเรียลไทม์ เพื่อปรับการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ลดโอกาสการเกิดแสงฟุ้งกระจายหลังผ่าตัด เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะตาแห้ง แสงฟุ้งกระจาย และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ฟื้นตัวเร็วขึ้น AI ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการรักษา และให้ผลลัพธ์ที่คมชัดยิ่งขึ้น ทำไมต้องเลือก Bangkok Eye Hospital? ℹ️ก่อตั้งและบริหารงานโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกตาและการหักเหแสง ที่มีประสบการณ์มากกว่า 26 ปีในประเทศไทย ให้บริการรักษาโรคตาแบบครบวงจร ทั้ง LASIK, ต้อกระจก, ต้อหิน, จอประสาทตา, ศัลยกรรมตกแต่งเปลือกตา และโรคทางระบบประสาทตา ℹ️มีประสบการณ์รักษาด้วยเลเซอร์มากกว่า 90,000 เคส รวมถึงเคสที่ซับซ้อน มั่นใจได้ในความปลอดภัย ℹ️ใช้เทคโนโลยี AI และ Robotic ล่าสุด ช่วยให้การตรวจวินิจฉัยรวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ℹ️มีที่ปรึกษาชาวเมียนมาร์คอยให้คำแนะนำ และดูแลตลอดการรักษา (โดยไม่มีค่าใช้จ่าย) เพื่อให้คนไข้ชาวเมียนมาร์ได้รับความสะดวกสบาย ℹ️ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีคนไข้ชาวเมียนมาร์กว่า 400 คน ที่เข้ารับการรักษาด้วย NanoRelex และ NanoLASIK และมีคนไข้จำนวนมากที่เข้ารับการรักษาโรคตาอื่นๆ "เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการมองเห็น นัดหมายวันนี้" ติดต่อ 📲Viber, Whatsapp (In-House Myanmar Consultant): +66965426179 🗨️ส่งข้อความ: https://bit.ly/laservisionmyanmarofficialpage
ศูนย์รักษาต้อกระจก
ศูนย์รักษาจอประสาทตา
ศูนย์รักษาต้อหิน
ศูนย์รักษากระจกตา
ศูนย์รักษาตาเด็ก
ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา
ศูนย์รักษาจักษุประสาทวิทยา
สรุปทำเลสิกแบบไหนดีที่สุด Latest Updates 2024
สรุปทำเลสิกแบบไหนดีที่สุด Latest Updates 2024   หลายท่านกำลังมองหาเทคนิคการทำเลสิกที่ดีและมีประสิทธิภาพในปี 2024 นี้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเลือกทำเลสิกวิธีไหนดี เพราะมีวิธีการทำเลสิกมากมายหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบก็มีวิธีการผ่าตัด ระยะเวลาพักฟื้น ราคา และความเหมาะสมที่แตกต่างกันออกไป โดยทางเลือกที่ดีที่สุด คือ เราขอแนะนำให้คุณเข้าไปทำการประเมินดวงตาก่อนการผ่าตัดกับจักษุแพทย์เพื่อให้แพทย์ประเมินหาวิธีการทำเลสิกที่เหมาะสมกับตัวคุณที่สุด    แต่ในแง่ของเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ เราขอแนะนำการผ่าตัดทำเลสิกที่ทันสมัยที่สุดในปี 2024 ซึ่งเป็นการผ่าตัดรักษาสายตาแบบแผลเล็ก ด้วยการผ่าตัดไร้ใบมีด โดยการใช้ Femtosecond Laser ที่ใช้เวลาผ่าตัดน้อยกว่า แผลหายเร็วกว่า มีความปลอดภัยสูงกว่า ที่สำคัญให้การรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย มาดูกันว่าการทำการทำเลสิกรักษาสายตาแบบแผลเล็ก คืออะไร และมีเทคโนโลยีการรักษาสายตาแบบแผลเล็กตัวไหนบ้างที่น่าสนใจ   การทำเลสิก รักษาสายตาแบบแผลเล็กคืออะไร เทคโนโลยีการทำเลสิกแบบแผลเล็กหรือ SMILE (Small Incision Lenticule Extraction) เป็นหนึ่งในเทคนิคการผ่าตัดเลสิกเพื่อรักษาสายตาสั้นและสายตาเอียงที่พัฒนาขึ้นมาใหม่เพื่อลดการทำลายเนื้อเยื่อของกระจกตาและให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในด้านการฟื้นตัว โดยการใช้ Femtosecond Laser เพื่อที่จะแยกชั้นกระจกตา และปรับโค้งกระจกตาตามค่าสายตาในคราวเดียวกัน แล้วจึงนำเนื้อกระจกตาส่วนเกินออกผ่านช่องขนาดเล็ก ปรับเปลี่ยนความโค้งกระจกตา โดยไม่ต้องเปิดฝากระจกตา ซึ่งมีข้อดีเยอะมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นผลข้างเคียงหลังจากผ่าตัดที่จะทำให้ตาแห้งน้อยลง กระจกตาแข็งแรงมากกว่าการทำเลสิกแบบอื่น ๆ  และปัญหาเรื่องเห็นแสงกระจายกลางคืนที่น้อยลง โดยการทำเลสิกแบบแผลเล็กหรือ SMILE ยังมีเทคโนโลยีแบบเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย   เปรียบเทียบเทคโนโลยีการรักษาสายตา NanoRelex® นวัตกรรมใหม่ล่าสุดในการผ่าตัดแผลเล็กที่นำเข้าโดยเลเซอร์วิชั่น ศูนย์เลสิกชั้นนำฯ ในประเทศไทย โดยเลเซอร์วิชั่น ถือเป็นผู้บุกเบิก NanoRelex® แห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย ซึ่งนับเป็นนิวเจเนอเรชั่นของรีเล็กซ์ ซึ่งคิดค้นขึ้นมาเพื่อรักษาสายตาสั้น เอียง และสายตายาว เป็นการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของ Femtosecond Laser ที่มีความแม่นยำสูง ในการปรับแต่งเนื้อเยื่อภายในชั้น Stroma ของกระจกตา ด้วยการคำนวณชิ้นเนื้อกระจกตา เป็นรูป 3 มิติ ที่เรียกว่า Lenticule ตามค่าสายตาของแต่ละบุคคล แล้วทำการนำ Lenticule ออกผ่านทางแผลขนาดเล็กประมาณ 2-3 มิลลิเมตร นอกจากนี้ ยังมีการนำระบบ AI เข้ามาใช้เพื่อวิเคราะห์การรักษา วิเคราะห์ปัญหาสายตา โดยเพิ่มความปลอดภัยของคนไข้ด้วยกล้อง OCT Scan ระหว่างการผ่าตัดทำให้ศัลยแพทย์สามารถเห็นชั้นกระจกตาได้แบบ Real-time   โดยมีจุดเด่นคือใช้ระยะเวลาผ่าตัดน้อย แผลมีขนาดเล็ก คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด และหลังทำผ่าตัดจะเคืองตาน้อยกว่าวิธีอื่น สามารถแก้ไขสายตาสั้น เอียงได้มากขึ้น โดยที่ยังคงความแข็งแรง ของกระจกตาอยู่ เนื่องจากการผ่าตัดมีแผลเล็ก ทำให้แผลหลังผ่าตัดหายเร็วขึ้น ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่างๆ เช่น การติดเชื้อหลังผ่าตัด อาการ ตาแห้ง และให้ผลการรักษาที่แม่นยำรวมถึงลดผลกระทบ เช่น ตาแห้ง แสงกระจายในที่มืด และการมองเห็นไม่ชัดในที่แสงน้อย ให้น้อยลงอีกด้วย   ReLEx SMILE Pro เป็นการพัฒนาจากการรักษา ReLEx SMILE แบบปกติ โดยใช้ระยะเวลาการยิงเลเซอร์ เพียง 8-10 วินาที มีความเร็วมากกว่า ReLEx SMILE ถึง 3 เท่า ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด และเพิ่มความสบายตาของคนไข้ในขณะการผ่าตัด เป็นการผ่าตัดไร้ใบมีด ใช้เลเซอร์ทุกขั้นตอน โดยใช้ Visumax 800 Femtosecond Laser แยกชั้นกระจกตาให้เป็นเลนส์ในเนื้อกระจกตา (Lenticule) เพื่อปรับความโค้งของกระจกตา ให้เหมาะสมกับค่าสายตาที่ต้องการแก้ไข โดยไม่ทำลายผิวกระจกตาชั้นนอกสุด   ข้อดี คือ มีความแม่นยำสูง ความโค้งกระจกตายังคงแข็งแรงแม้ผ่านการผ่าตัดแล้ว เกิดผลข้างเคียงเช่นตาแห้ง แสงกระจายในที่มืด และการมองเห็นไม่ชัดในที่แสงน้อยน้อยลง พักฟื้นเพียงระยะสั้นก็กลับมาใช้สายตาได้ปกติ   Smart Sight เทคโนโลยี SmartSight เป็นการใช้ SCHWIND ATOS Femtosecond Laser โดยบริษัท SCHWIND eye-tech-solutions GmbH จากประเทศเยอรมนี เป็นการผ่าตัดรักษาสายตาแผลเล็กเช่นเดียวกัน โดยเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ถูกพัฒนาต่อยอดจากการผ่าตัดแบบ ReLEx โดยการเสริมให้มีระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาช่วยควบคุมและคำนวณการแยกชั้นกระจกตาให้เป็นเลนส์ รวมถึงมีระบบการจดจำรูม่านตา ติดตามการเคลื่อนไหวและการหมุนของดวงตา ก่อนทำการผ่าตัดและขณะทำการผ่าตัด   การผ่าตัดใช้เลเซอร์ทุกขั้นตอน เป็นการผ่าตัดไร้ใบมีด จึงทำให้ไม่รู้สึกเจ็บในขณะผ่าตัด ระคายเคืองตาน้อยกว่าวิธีอื่น ๆ ระยะพักฟื้นสั้น สามารถกลับมาใช้สายตาได้เร็ว โอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น อาการตาแห้ง, แสงกระจายในที่มืด, ความไม่คมชัดในที่แสงน้อย ก็น้อยกว่าการรักษาด้วยเลเซอร์ประเภทอื่นๆ เนื่องจากไม่มีการเปิดชั้นกระจกตา แถมยังลดโอกาสเติมเลเซอร์น้อยกว่าการผ่าตัดประเภทอื่น ๆ เนื่องจากผลการวิเคราะห์และการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ ที่สำคัญคือ การรักษาความโค้งกระจกตาหลังการรักษา ให้มีความใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด   การรักษาแบบไหนเหมาะสมกับตัวเรากันแน่? การรักษาค่าสายตาผิดปกติที่ดีที่สุด คือ การเลือกแนวทางในการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและเหมาะสมกับดวงตาของเรามากที่สุด โดยการทำเลสิกแบบแผลผ่าตัดเล็กเป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่ทรงประสิทธิภาพมากในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความแม่นยำในการประเมินและการผ่าตัด รวมไปถึงการลดความเสี่ยงและผลข้างเคียงในหลายด้าน โดยเทคโนโลยีการผ่าตัดรักษาค่าสายตาผิดปกติแบบแผลเล็กไม่ว่าจะเป็น NanoRelex®, ReLEx SMILE Pro หรือ Smart Sight ต่างมีประสิทธิภาพในการรักษาที่ยอดเยี่ยมไม่ต่างกัน    ดังนั้นคุณจึงควรพิจารณาความเหมาะสมอื่น ๆ ที่เหมาะกับตัวคุณเอง เช่น สถานที่ตั้งของสถานพยาบาลที่ใกล้บ้าน ราคาที่เหมาะสม โปรโมชั่น การให้บริการในระหว่างการดูแลรักษาและการดูแลหลังผ่าตัดเสร็จ และที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด คือ ความปลอดภัยของสถานพยาบาลที่คุณตัดสินใจใช้บริการ ที่ต้องมีความเป็นมืออาชีพ ให้บริการโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่างแท้จริง และการให้บริการที่มีมาตรฐานสากลรองรับในเรื่องของความปลอดภัยทางการแพทย์   ศูนย์รักษาสายตา ศูนย์เลสิกชั้นนำของไทยที่ Laser Vision ศูนย์รักษาสายตานานาชาติ เลเซอร์วิชั่น เป็นศูนย์รักษาสายตาผิดปกติ ที่มีครบทุกทางเลือก โดยมุ่งเน้นการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และการบริการที่ประทับใจ โดยมีนวัตกรรม NanoRelex® การผ่าด้วยแผลเล็กด้วยเลเซอร์ ที่เป็นเอกสิทธิ์ในไทยเฉพาะที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ด้วยเทคโนโลยีใหม่ของเครื่อง Femtosecond Laser ที่ใช้พลังงาน น้อยลงระดับนาโนจูลย์ ทำให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด และหลังทำผ่าตัดจะเคืองตาน้อยกว่าวิธีอื่น ทั้งยังนำนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่าง AI เข้ามาใช้เพื่อวิเคราะห์การรักษา วิเคราะห์ปัญหาสายตา โดยเพิ่มความปลอดภัยของคนไข้ด้วยกล้อง OCT Scan ระหว่างการผ่าตัดทำให้ศัลยแพทย์สามารถเห็นชั้นกระจกตาได้แบบ Real-time สามารถแก้ไขสายตาสั้น เอียงได้มากขึ้น โดยที่ยังคงความแข็งแรง ของกระจกตาอยู่ ช่วยบรรเทาความกังวลเรื่องตาแห้งและผลข้างเคียงอื่น ๆ หลังผ่าตัด และใช้เวลาพักฟื้นน้อยมาก ให้คุณใช้ชีวิตเป็นปกติได้เร็วขึ้น   โดยศูนย์เลสิก Laser Vision มีประสบการณ์มากกว่า 25 ปี ในการรักษาสายตา สั้น ยาว เอียง และ อื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยทีมแพทย์ที่นำทีมโดยรศ.นพ. อนันต์ วงศ์ทองศรี ซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาและการแก้ไขสายตาผิดปกติเลสิก (LASIK) ที่มีประสบการณ์อย่างสูงมาตลอดระยะเวลากว่า 25 ปี เราจึงเป็นศูนย์ที่ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศว่าเป็นศูนย์ที่มีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน ในการให้บริการรักษาสายตาผิดปกติ และยังเป็นที่รู้จักในเรื่องของสถานที่สะดวกสบาย และพนักงานที่ให้บริการอย่างมืออาชีพ ให้คุณสามารถไว้วางใจฝากฝังดวงตาที่มีเพียงคู่เดียวของคุณไว้ในมือเราได้อย่างไร้กังวล
ที่อยู่

ช่องทางติดต่อ