มุมสุขภาพตา : #น้ำตาเทียม

เรียงตาม

ตาแห้งมีอาการอย่างไร วิธีรักษา ป้องกัน และพฤติกรรมที่ช่วยลดอาการตาแห้ง

อาการตาแห้ง คือภาวะตาขาดความชุ่มชื้นเพราะการผลิตน้ำตาน้อยเกินไปหรือคุณภาพน้ำตาไม่ดี ทำให้เกิดอาการระคายเคืองและไม่สบายตาได้ ตาแห้งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น อายุที่มากขึ้นทำให้การผลิตน้ำตาน้อยลง การสวมใส่คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป การจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ รวมถึงผลข้างเคียงจากยาบางชนิด การรักษาตาแห้งทำได้หลายวิธี เช่น ยาหยอดตา น้ำตาเทียม การประคบอุ่น และการรักษาด้วยยาลดการอักเสบ รักษาอาการตาแห้งที่ Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ได้รับการดูแลจากจักษุแพทย์ พร้อมเทคโนโลยีทันสมัยและการรักษาที่เหมาะสมกับอาการ   ตาแห้งเป็นโรคที่ทำให้ตารู้สึกแห้งและระคายเคือง เนื่องจากการผลิตน้ำตาลดลงหรือคุณภาพของน้ำตาไม่ดีพอ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย หากดูแลอย่างถูกวิธี จะช่วยลดอาการและป้องกันภาวะตาแห้งในระยะยาว มาหาสาเหตุของอาการตาแห้ง วิธีรักษา รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้งได้ในบทความนี้     อาการตาแห้ง คืออะไร? ก่อนทำความรู้จักกับอาการตาแห้ง ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ‘น้ำตา’ กันก่อน โดยน้ำตามีความสำคัญต่อดวงตา เป็นตัวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างชัดเจน หล่อเลี้ยงเลี้ยงกระจกตาด้วยออกซิเจน และป้องกันการติดเชื้อและสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้ามาทำร้ายดวงตา ตาแห้ง เป็นอาการที่ปริมาณน้ำตาที่เข้ามาหล่อเลี้ยงผิวตามีไม่เพียงพอส่งผลให้ผิวตาอักเสบได้ โดยอาการของตาแห้งอาจเริ่มจากการแสบตา หรือรู้สึกระคายเคืองเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา รวมถึงอาจพบอาการตาแดง เจ็บ หรือมีการพร่ามัวที่ดีขึ้นเมื่อกะพริบตา นอกจากนี้ยังอาจรู้สึกฝืดๆ หนักๆ ที่ตา หรือลืมตาลำบาก และบางครั้งอาจมีอาการตาล้าหรือมีน้ำตาไหลมากผิดปกติ     ทำไมถึงมีอาการตาแห้งได้ ตาแห้งเป็นปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความสบายของดวงตาและการมองเห็น โดยเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานานเกินไป อาการภูมิแพ้ที่ตาซึ่งอาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่น ควัน หรือมลภาวะ อยู่ในที่ร้อน ลมแรง หรือความชื้นต่ำ ความผิดปกติของต่อมไขมันขอบตา การพบตัวไร (Demodex blepharitis) บริเวณโคนขนตา ซึ่งเกิดจากการอักเสบของต่อมน้ำตา การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้แพ้ ยาต้านซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิตบางชนิด ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล โดยเฉพาะในเพศหญิงที่อาจทำให้คุณภาพของน้ำตาลดลง     อาการตาแห้งเกิดจากอะไร มีปัจจัยอะไรบ้าง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการผลิตน้ำตาหรือการทำงานของต่อมน้ำตา หากมีลักษณะดังต่อไปนี้ จะทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ง่ายขึ้น สร้างน้ำตาได้น้อยกว่าปกติ  (Aqueous Tear Deficiency) กลุ่มคนที่มีความผิดปกติหรือปัจจัยที่ส่งผลให้สามารถสร้างน้ำตาได้น้อย ได้แก่   กลุ่มคนที่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome โรครูมาตอยด์ โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือภาวะที่ไม่พบสาเหตุชัดเจน เช่น Primary Sjogren’s Syndrome กลุ่มคนที่ไม่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome เช่น ต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติตั้งแต่เกิด โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง การแพ้ยารุนแรง หรือการอักเสบที่ทำให้ท่อน้ำตาตัน กลุ่มคนที่ฮอร์โมนเปลี่ยน มักพบในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ส่งผลให้การผลิตน้ำตาและสารคัดหลั่งอื่นๆ ในร่างกายลดลง การกินยาบางประเภท เช่น ยาแก้หวัด ยาแก้แพ้ ยาลดความดันโลหิต หรือยาคลายเครียดบางชนิด ที่มีสารกันเสียเป็นส่วนประกอบ อาจทำให้ตาแห้งมากขึ้น เนื่องจากสารเหล่านี้สามารถลดการผลิตน้ำตาได้ น้ำตาระเหยเร็ว (Evaporative Dry Eyes)  ปัจจัยที่ส่งผลให้การระเหยของน้ำตาเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ ได้แก่   ต่อมไขมันที่เปลือกตาทำงานผิดปกติ เปลือกตาอักเสบที่เกิดจากความผิดปกติของชั้นไขมัน จะทำให้การสร้างน้ำตาชั้นน้ำมันลดลง ซึ่งทำให้เกิดการระเหยของน้ำตาได้เร็วขึ้น ความผิดปกติของเปลือกตา การปิดตาไม่สนิทหรือการกะพริบตาน้อยผิดปกติ ซึ่งทำให้การกระจายน้ำตาผิดปกติ และเพิ่มการระเหยของน้ำตา โดนสารเคมีหรือแพ้ยารุนแรง การอักเสบของเยื่อบุตาอาจทำให้เกิดแผลเป็น ซึ่งส่งผลต่อการสร้างน้ำตาชั้นเมือกที่ติดกับกระจกตา ทำให้การสร้างน้ำตาผิดปกติ การใช้สายตามาก พบมากในวัยทำงานจากพฤติกรรมจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ โดยไม่ค่อยกะพริบตา และการใส่คอนแท็กต์เลนส์ที่ดูดน้ำออกจากดวงตา ทำให้การผลิตน้ำตาลดลงและน้ำตาระเหยเร็ว     วิธีรักษาหรือวิธีแก้โรคตาแห้ง วิธีรักษาโรคตาแห้งจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละบุคคล โดยใช้วิธีต่างๆ รวมทั้งการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ ดังนี้ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตาแห้ง ควรหลีกเลี่ยงการโดนลมแรง ฝุ่นควัน หรือแสงจ้า โดยการใส่แว่นกันแดดและแว่นกันลม เพื่อป้องกันสิ่งแวดล้อมที่อาจทำให้ตาแห้งขึ้น นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการใส่คอนแท็กต์เลนส์เป็นเวลานานๆ เพื่อไม่ให้สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงจากดวงตาที่อาจทำให้อาการตาแห้งแย่ลงได้ ใช้น้ำตาเทียม ในการรักษาอาการตาแห้ง น้ำตาเทียมเป็นตัวช่วยที่ดี โดยมี 2 ชนิดให้เลือกใช้ ได้แก่   น้ำตาเทียมที่มีสารกันเสีย ในรูปแบบขวด ควรใช้ไม่เกิน 4-5 ครั้งต่อวัน อาจแบ่งการใช้ยาเพิ่มน้ำตาตามช่วงเวลาของวัน เช่น เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน ซึ่งเหมาะสำหรับอาการตาแห้งที่ไม่รุนแรง น้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสีย แบบกระเปาะ เปิดแล้วมีอายุ 24 ชั่วโมง หรือขวดที่มีระบบวาล์วพิเศษใช้ได้นาน 6 เดือน ใช้บ่อยได้ตามต้องการ เช่น ทุก 1-2 ชั่วโมง เหมาะกับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง  ใช้ยาหยอดตาเพิ่มปริมาณน้ำตา มียาหยอดตาที่ช่วยเพิ่มน้ำตาและรักษาอาการตาแห้งได้ โดยแต่ละชนิดจะช่วยรักษาตามอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้   ยา Diquafosol ช่วยเพิ่มการสร้างน้ำตาชั้นเมือกและชั้นน้ำเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตาและลดอาการแห้ง ยาปฏิชีวนะ Doxycycline ยาลดการอักเสบของเปลือกตาช่วยลดการอักเสบและอาการระคายเคืองที่เกิดจากตาแห้ง ยากลุ่ม Steroids โดยยานี้ช่วยบรรเทาการอักเสบของผิวตาและลดอาการระคายเคืองที่เกิดจากการขาดน้ำตา ยา Cyclosporine ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressant) ชนิดหยอดตา ช่วยลดการอักเสบในตาและเพิ่มการผลิตน้ำตา โดยการปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยลดอาการตาแห้งได้ การทำความสะอาดเปลือกตา การทำความสะอาดเปลือกตาและประคบอุ่นด้วยแชมพูเด็กผสมเจือจางหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเปลือกตาช่วยลดการอุดตันของต่อมไขมันในเปลือกตา ทำให้ชั้นไขมันที่เคลือบน้ำตาทำงานได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันน้ำตาระเหยเร็วและลดอาการตาแห้ง ใช้ Autologous Serum การรักษาอาการตาแห้งชนิดรุนแรงโดยใช้สารที่ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อทำได้โดยการเจาะเลือดจากผู้ป่วยไปปั่นแยกเป็น Serum และนำมาหยอดร่วมกับการใช้น้ำตาเทียม ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบของเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ และส่งเสริมการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อให้กลับสู่สภาพปกติได้ดีขึ้น การอุดท่อระบายน้ำตาที่หัวตา (Punctal Plug) การรักษาอาการตาแห้งที่รุนแรงทำได้โดยการอุดช่องทางที่น้ำตาไหลออกจากตา (Punctum) ซึ่งมีทั้งชนิดอุดชั่วคราวและชนิดอุดถาวร โดยการใส่ Silicone Plug หรือ Punctal Cautery ซึ่งเป็นการจี้บริเวณช่องทางที่น้ำตาระบายออกจากตา วิธีนี้ช่วยให้ดวงตาเก็บน้ำตาไว้ได้นานขึ้น ลดการระเหยของน้ำตา และช่วยบรรเทาอาการตาแห้งได้ในกรณีที่อาการรุนแรงมาก     การปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้ง การป้องกันอาการตาแห้งทำได้ง่ายๆ ด้วยการปรับพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน ดังนี้    หยุดพักจากการใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือทุกๆ 20 นาที โดยการหลับตาสัก 20 วินาที หรือมองสิ่งที่อยู่ไกลประมาณ 20 ฟุต เพื่อให้ตาได้พักและผ่อนคลาย งดการใช้คอนแท็กต์เลนส์ต่อเนื่อง ควรสลับใส่แว่นในระหว่างวันเพื่อให้ดวงตาได้พัก ใช้งานคอมพิวเตอร์หรือมือถือในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อช่วยลดความเครียดของดวงตา เตือนตัวเองให้กะพริบตาบ่อยๆ เพื่อให้น้ำตาเคลือบตาและช่วยลดการระเหยของน้ำตา หากอยู่ในที่ที่มีอากาศแห้ง ร้อน หรือมีลมแรง ควรสวมแว่นกันแดดกันลมเพื่อปกป้องตาจากสภาพแวดล้อม กินอาหารที่ครบทุกหมู่ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ปลา หรืออาหารที่มีโอเมกา 3 ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบของตา  ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน สรุป ตาแห้งคืออาการที่น้ำตาผลิตไม่เพียงพอหรือระเหยเร็วเกินไป ทำให้ดวงตารู้สึกแห้ง ระคายเคือง และอาจเกิดการอักเสบได้ รักษาได้หลายวิธี เช่น ใช้น้ำตาเทียม ประคบอุ่น ใช้ยาเพื่อเพิ่มการสร้างน้ำตาหรือลดการอักเสบ และป้องกันตาแห้งได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ดวงตา รวมถึงการใช้ยาเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของดวงตา  สำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง รับการรักษาได้ที่ ศูนย์โรคจักษุประสาทวิทยา Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ซึ่งให้การดูแลปัญหาตาแห้งที่ส่งผลต่อการมองเห็นและระบบประสาท โดยจักษุแพทย์ในการวินิจฉัยและรักษาภาวะตาแห้งอย่างครบวงจร
อ่านเพิ่มเติม

น้ำตาเทียม ทางเลือกสำหรับอาการตาแห้ง รู้จักประโยชน์ที่อาจไม่เคยรู้

ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญ การดูแลรักษาสุขภาพตาจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หนึ่งในวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการบำรุงรักษาดวงตาคือการใช้น้ำตาเทียม ซึ่งมีบทบาทสำคัญที่ช่วยบรรเทาอาการตาแห้งและรักษาความชุ่มชื้นของดวงตา บทความนี้พามาเจาะลึกประโยชน์ของน้ำตาเทียมที่มีมากกว่าการบรรเทาอาการตาแห้ง ทั้งการปกป้องดวงตาจากมลภาวะ ป้องกันการติดเชื้อ และเสริมการทำงานของดวงตา น้ำตาเทียมคือของเหลวที่มีสารให้ความชุ่มชื้น ใช้หล่อลื่นดวงตาที่อยู่ในภาวะตาแห้ง บรรเทาอาการระคายเคือง และเป็นสารหล่อลื่นสำหรับผู้ใช้คอนแท็กต์เลนส์ น้ำตาเทียมแบบขวดเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะตาแห้งเล็กน้อย น้ำตาเทียมแบบหลอดไม่มีสารกันเสีย เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้สารกันเสียและต้องหยอดตาบ่อย น้ำตาเทียมแบบเจลเหมาะสำหรับผู้มีอาการตาแห้งระดับปานกลางถึงมาก แนะนำให้ใช้ก่อนนอนเพราะอาจทำให้ตาพร่ามัวชั่วคราว ประโยชน์ของน้ำตาเทียมช่วยหล่อลื่นดวงตาหลังผ่าตัด บรรเทาอาการตาแห้งและระคายเคืองจากฝุ่นควัน เพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ยับยั้งอาการต้อหิน ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อหินที่รุนแรงจนถึงขั้นตาบอด ข้อควรระวังในการใช้น้ำตาเทียมคือไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น ใช้ห่างจากยาหยอดตาอื่น 10 นาที และระวังไม่ให้ปลายหลอดสัมผัสบริเวณดวงตาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ น้ำตาเทียมคืออะไร? น้ำตาเทียม (Artificial Tears) คือของเหลวที่มีสารให้ความชุ่มชื้น ใช้หล่อลื่นดวงตาที่อยู่ในภาวะตาแห้งหรือทดแทนน้ำตาธรรมชาติ ช่วยบรรเทาอาการระคายเคือง แสบตา และตาแห้ง อีกทั้งยังเป็นสารหล่อลื่นสำหรับคนที่ใช้คอนแท็กต์เลนส์ สามารถหาซื้อได้เองตามโรงพยาบาล ร้านขายยา และห้างสรรพสินค้าโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ น้ำตาเทียมมีส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ สารให้ความชุ่มชื้น เช่น คาร์บอกซิเมทิลเซลลูโลส (Carboxymethyl Cellulose) และโซเดียมไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate) สารบัฟเฟอร์ควบคุมความเป็นกรดด่าง สารปรับสภาพตึงตัว และสารที่ทำให้คุณสมบัติใกล้เคียงน้ำตาธรรมชาติ บางผลิตภัณฑ์อาจมีสารกันเสีย หรือในรูปแบบขี้ผึ้งป้ายจะมีส่วนผสมของลาโนลิน (Lanolin) ไวท์ปิโตรลาทัม (White Petrolatum) และน้ำมันมิเนรัล (Mineral oil) ประเภทของน้ำตาเทียม น้ำตาเทียมแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ โดยแต่ประเภทก็มีคุณสมบัติเด่นที่แตกต่างกัน ดังนี้     1. น้ำตาเทียมแบบขวด น้ำตาเทียมแบบขวด หรือน้ำตาเทียมรายเดือน มีลักษณะเหลวใส ใช้งานง่าย ราคาถูกกว่าแบบหลอด มีอายุการใช้งานประมาณ 1 เดือนหลังเปิดใช้ แต่มีสารกันเสียที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองในบางราย ต้องระมัดระวังเรื่องการจัดเก็บเพื่อป้องกันการติดเชื้อบริเวณดวงตา เหมาะสำหรับคนที่มีภาวะตาแห้งเล็กน้อย ต้องการใช้เป็นประจำ และไม่ชอบความเหนอะหนะ     2. น้ำตาเทียมแบบหลอด น้ำตาเทียมแบบหลอด หรือน้ำตาเทียมแบบรายวัน เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารกันเสีย มีอายุการใช้งานเพียง 24 ชั่วโมงหลังเปิดใช้ ถูกบรรจุแบ่งเป็นหลอดขนาดเท่ากัน ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อหรือปนเปื้อน พกพาสะดวก ใช้งานง่าย ทำให้รู้สึกสบายตา แม้ราคาจะสูงกว่าแบบขวดแต่เหมาะสำหรับคนที่แพ้สารกันเสีย คนที่ต้องหยอดตาบ่อยครั้ง และคนที่ไม่ชอบความเหนอะหนะ     3. น้ำตาเทียมแบบเจล น้ำตาเทียมแบบเจลหรือขี้ผึ้งป้ายดวงตา มีความหนืดสูงกว่าน้ำตาเทียมทั่วไป จึงรักษาความชุ่มชื้นได้ยาวนานและไม่ต้องใช้บ่อย เหมาะสำหรับคนที่มีอาการตาแห้งระดับปานกลางถึงมากและคนที่มีเวลาจำกัด แนะนำให้ใช้ก่อนนอนเนื่องจากอาจทำให้ตาพร่ามัวชั่วคราว ไม่เหมาะกับคนที่ใส่คอนแท็กต์เลนส์ และควรปฏิบัติตามคำแนะนำในเอกสารกำกับยา รวมถึงระมัดระวังเรื่องการจัดเก็บเพื่อป้องกันการติดเชื้อด้วย     ประโยชน์ของน้ำตาเทียม รู้ถึงประเภทของน้ำตาเทียมกันไปแล้ว สำหรับประโยชน์ของน้ำตาเทียมนั้นก็ยังมีหลายข้อด้วยกัน ซึ่งอาจรวมถึงประโยชน์ที่ใครหลายคนอาจยังไม่เคยรู้มาก่อนด้วย ดังนี้ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา น้ำตาเทียมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ด้วยส่วนประกอบที่คล้ายน้ำตาธรรมชาติ เมื่อหยอดแล้วจะสร้างฟิล์มบางๆ ช่วยหล่อลื่นดวงตาอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้มีภาวะตาแห้ง คนที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือทำงานกลางแจ้งในอากาศร้อนแห้ง ทั้งนี้ควรเลือกรูปแบบน้ำตาเทียมให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น ผู้ใส่คอนแท็กต์เลนส์ควรเลือกน้ำตาเทียมสำหรับคอนแท็กต์เลนส์โดยเฉพาะ ส่วนคนที่แพ้สารกันเสียควรใช้แบบหลอดที่ไม่มีสารกันเสีย หล่อลื่นลูกตาหลังผ่าตัด การผ่าตัดเกี่ยวกับดวงตาหรือแก้ไขปัญหาการมองเห็นอาจก่อให้เกิดภาวะตาแห้ง ระคายเคือง คัน ตาแดง และผลข้างเคียงอื่นๆ น้ำตาเทียมจึงเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้ที่ผ่านการทำเลสิก ผ่าตัดต้อกระจก หรือการผ่าตัดตาประเภทอื่นๆ โดยช่วยบรรเทาอาการไม่สบายตาเหล่านี้ให้ลดลง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายตามากขึ้นระหว่างการพักฟื้น บรรเทาอาการต่างๆ น้ำตาเทียมเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการต่างๆ ของดวงตา ทั้งอาการแสบร้อน ระคายเคืองจากฝุ่นและควันที่พบในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังช่วยในกรณีกระจกตาถลอก ลดการอักเสบของแผลที่กระจกตา และที่สำคัญคือสามารถขจัดสิ่งสกปรกออกจากผิวดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ดวงตาสะอาดและสบายขึ้น ช่วยยับยั้งอาการต้อหิน น้ำตาเทียมมีประโยชน์สำคัญที่ช่วยยับยั้งอาการต้อหิน การหยอดตาจะช่วยระบายความดันภายในลูกตาให้ลดลง ซึ่งเมื่อความดันในลูกตาลดลง ก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อหินที่รุนแรงจนถึงขั้นตาบอดได้ เนื่องจากความดันที่สูงเกินไปนั้นจะเป็นอันตรายต่อเรตินาภายในดวงตา ใช้เป็นน้ำตาเทียมคอนแท็กต์เลนส์ น้ำตาเทียมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้คนที่ใส่คอนแท็กต์เลนส์ได้ แต่ต้องเลือกชนิดที่ผลิตเฉพาะสำหรับคอนแท็กต์เลนส์ หรือแบบหลอดและแบบรายวันที่ไม่มีสารกันเสีย หลีกเลี่ยงน้ำตาเทียมที่มีสารกันเสีย เพราะอาจถูกดูดซับโดยคอนแท็กต์เลนส์ ทำลายเซลล์เยื่อบุกระจกตา ทำให้เลนส์เปลี่ยนสีและประสิทธิภาพลดลง หากจำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียมที่มีสารกันเสียควรถอดคอนแท็กต์เลนส์ออกก่อน หยอดน้ำตาเทียม รอ 10 นาที แล้วจึงใส่คอนแท็กต์เลนส์กลับเข้าไป น้ำตาเทียม VS. ยาหยอดตา หลายคนมักสับสนหรือเข้าใจผิดว่ายาหยอดตาและน้ำตาเทียมเป็นสิ่งเดียวกัน ทั้งที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน “น้ำตาเทียม” เป็นสารหล่อลื่นที่มีคุณสมบัติคล้ายน้ำตาธรรมชาติ ช่วยบรรเทาอาการตาแห้ง แสบตา ทำให้รู้สึกสดชื่นสบายตา และใช้ได้หลังการผ่าตัดตาแบบต่างๆ ในขณะที่ “ยาหยอดตา” มีส่วนประกอบที่แพทย์สั่งเพื่อรักษาอาการเฉพาะ เช่น ยาหยอดตาสเตียรอยด์สำหรับลดการอักเสบ หรือยาหยอดตาสำหรับแก้แพ้ซึ่งใช้รักษาภูมิแพ้เยื่อบุตาและลดอาการตาแดง ข้อควรระวังในการใช้น้ำตาเทียม หากมีความจำเป็นจะต้องใช้น้ำตาเทียมค่อนข้างบ่อย แนะนำให้ปฏิบัติตามข้อควรระวัง ดังต่อไปนี้ ใช้น้ำตาเทียมตามคำแนะนำของแต่ละรูปแบบ เช่น แบบรายวันใช้ไม่เกิน 12 - 24 ชั่วโมง หรือแบบรายเดือนใช้ได้ไม่เกิน 1 เดือนหลังเปิด ไม่ควรใช้น้ำตาเทียมร่วมกัน เพราะอาจเกิดการติดเชื้อบริเวณดวงตาได้ กรณีที่ต้องใช้น้ำตาเทียมและยาหยอดดวงตาเพิ่มเติม ควรใช้งานห่างกันประมาณ 10 นาที หากใช้น้ำตาเทียมเป็นเวลานานหรือใช้บ่อย ควรเลือกชนิดที่ไม่ผสมสารกันเสีย โดยเฉพาะคนที่ใส่คอนแท็กต์เลนส์ ระวังไม่ให้ปลายหลอดสัมผัสบริเวณดวงตาหรือขนตาขณะหยอด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ระคายเคืองหรือตาแห้งมากขึ้น ควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ     วิธีการใช้น้ำตาเทียมอย่างถูกต้อง ปลอดภัย วิธีการใช้น้ำตาเทียมแบบง่ายๆ และปลอดภัยต่อดวงตา มีดังนี้ ล้างมือให้สะอาดและทำความสะอาดบริเวณรอบดวงตา เพื่อป้องกันการติดเชื้อ อ่านคำแนะนำของผลิตภัณฑ์น้ำตาเทียมอย่างละเอียดก่อนใช้ เงยหน้าขึ้นทำมุมองศาที่เหมาะสม และประมาณระยะห่างระหว่างดวงตากับน้ำตาเทียม หยอดน้ำตาเทียมลงบนดวงตาตามปริมาณที่แนะนำ โดยให้ดวงตามองขึ้นด้านบน น้ำตาเทียมแบบเหลวใช้ 1 - 2 หยด วันละ 3 - 4 ครั้ง (น้ำตาเทียมรายเดือนห้ามใช้เกิน 4 ครั้งต่อวัน) กรณีตาแห้งรุนแรง ใช้ 1 - 2 หยด ประมาณ 10 - 12 ครั้งต่อวัน ตามที่แพทย์สั่ง น้ำตาเทียมแบบเจลป้ายและขี้ผึ้ง ใช้ 6 มิลลิลิตร วันละ 1 - 2 ครั้ง ช่วงเช้าและก่อนนอน หลังหยอดตา ให้หลับตา 2 - 3 นาที และนวดบริเวณหัวตาเบาๆ 1 นาที รอประมาณ 10 นาที ก่อนใช้ยาหยอดตาหรือขี้ผึ้งป้ายตาอื่นๆ ควรใช้ยาหยอดตาชนิดเหลวก่อนแบบขี้ผึ้ง เพื่อให้ตัวยาซึมเข้าสู่ดวงตาได้ดี วิธีเลือกซื้อน้ำตาเทียมให้เหมาะกับการใช้งาน อย่างที่หลายๆ คนรู้กันดีว่าปัจจุบันมีน้ำตาเทียมหลากหลายรูปแบบให้เลือกซื้อ ซึ่งการเลือกซื้อน้ำตาเทียมที่ดีที่สุดจะต้องพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน โดยมีข้อที่ควรพิจารณาดังนี้ การใช้ชีวิตประจำวันน้ำตาเทียมแบบขวดหรือแบบหลอดเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความสบายตา ไม่เหนอะหนะและมีเวลาหยอดบ่อย ส่วนน้ำตาเทียมแบบเจลหรือขี้ผึ้งป้ายเหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาหยอดระหว่างวัน เพราะให้ความชุ่มชื้นยาวนาน ราคาน้ำตาเทียมควรมีราคาเหมาะสม เอื้อมถึงได้ และมีราคาเทียบเท่ากับร้านค้าอื่นๆ อุปกรณ์เสริมผู้ที่ใส่คอนแท็กต์เลนส์ควรเลือกน้ำตาเทียมสำหรับคอนแท็กต์เลนส์โดยเฉพาะ ไม่ควรใช้น้ำตาเทียมที่มีสารกันเสียหยอดขณะใส่คอนแท็กต์เลนส์ เพราะอาจส่งผลต่อสีและประสิทธิภาพของเลนส์ได้ คุณภาพควรเลือกซื้อน้ำตาเทียมที่มีคุณภาพดี เก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม และซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ ไม่ต้องเสี่ยงเจอน้ำตาเทียมปลอมซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อดวงตาได้ ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้หลังใช้น้ำตาเทียม สำหรับบางคนอาจเกิดผลข้างเคียงหลังจากใช้งานน้ำตาเทียม ซึ่งหากเกิดความผิดปกติต่างๆ ขึ้น ควรหยุดการใช้งานน้ำตาเทียมและเข้าพบแพทย์อย่างเร็วที่สุด โดยอาการที่อาจพบได้มีดังนี้ เมื่อหยอดน้ำตาเทียมแล้วตามัว มองเห็นภาพได้ไม่ชัดเจน เกิดการระคายเคือง หรือแสบบริเวณดวงตา ปวดตา มีอาการคันตา ตาแดง น้ำตาไหลบ่อยๆ มีความขมเกิดขึ้นในลำคอ มีอาการตาแพ้แสงสว่าง มองเห็นภาพซ้อน ตาแฉะ เปลือกตาบวม หยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ อันตรายมากไหม? การหยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ ไม่ได้เป็นอันตราย เนื่องจากน้ำตาเทียมถูกออกแบบมาให้เลียนแบบน้ำตาธรรมชาติ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความหล่อลื่นให้ดวงตา สามารถบรรเทาอาการตาแห้ง ระคายเคือง และตาแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียมเป็นประจำหรือต้องการใช้เพื่อรักษาโรคเฉพาะทาง ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อคำแนะนำที่เหมาะสมก่อน หลังผ่าต้อกระจกหยอดน้ำตาเทียมได้ไหม? หลังผ่าตัดต้อกระจกสามารถหยอดน้ำตาเทียมได้อย่างปลอดภัย และแนะนำให้ใช้เพื่อบรรเทาอาการตาแห้งที่มักเกิดขึ้นหลังผ่าตัดซึ่งอาจทำให้มองเห็นไม่ชัดเจนชั่วคราว น้ำตาเทียมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ลดอาการระคายเคือง และยังช่วยส่งเสริมกระบวนการฟื้นฟูให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ผลการรักษาดียิ่งขึ้นอีกด้วย รักษาดวงตา ที่ศูนย์รักษาตา Bangkok Eye Hospital ดีอย่างไร หากมีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา แนะนำให้เข้ามาปรึกษาและรักษาได้ที่ศูนย์รักษาโรคกระจกตา Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ที่นี่โดดเด่นด้านการรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ด้วยจักษุแพทย์ผู้มากความรู้เกี่ยวกับดวงตาและและทีมงานที่มีประสบการณ์ และจุดเด่นดังนี้ โรงพยาบาลมีทีมจักษุแพทย์มากประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาการผิดปกติ และแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เทคโนโลยีสำหรับการรักษาดวงตาสมัยใหม่ เครื่องมือได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อการรักษาดวงตาอย่างแม่นยำและปลอดภัย พร้อมให้การรักษาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ใส่ใจในการบริการ พร้อมบรรยากาศของโรงพยาบาลที่เป็นกันเอง สรุป น้ำตาเทียมเป็นของเหลวที่มีสารให้ความชุ่มชื้น ประโยชน์ของน้ำตาเทียมคือช่วยหล่อลื่นดวงตาที่แห้ง บรรเทาอาการระคายเคือง และเป็นตัวช่วยสำหรับผู้ใช้คอนแท็กต์เลนส์ นอกจากนี้ยังช่วยในการฟื้นฟูดวงตาหลังผ่าตัด บรรเทาอาการตาแห้งจากมลภาวะ เพิ่มความชุ่มชื้น และยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคต้อหินรุนแรงที่อาจนำไปสู่ภาวะตาบอดได้ สำหรับคนที่มีปัญหาดวงตา แนะนำมาที่Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ)โรงพยาบาลเฉพาะทางที่มีทีมแพทย์มากประสบการณ์ อุปกรณ์ที่ทันสมัย ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล มั่นใจได้ว่าการรักษาเป็นไปอย่างถูกต้อง แม่นยำ และปลอดภัย
calling
ติดต่อเรา : +662 511 2111