เรื่องของน้ำตา
น้ำตาธรรมชาติ
ผลิตจากต่อมน้ำตาของคนเรา มีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง คือ
- ให้ความชุ่มชื้นแก่กระจกตาและเยื่อบุตา
- ปรับสภาพของกระจกตาให้มีความเรียบ เพื่อให้แสงผ่านได้สะดวก การมองเห็นชัดเจน
- ให้สารอาหารและออกซิเจน รวมทั้งขจัดของเสียออกจากกระจกตา
- มีสารอย่างอ่อนป้องกันการติดเชื้อของกระจกตา
น้ำตาธรรมชาติมีความสำคัญมาก เมื่อตาของคนเราเกิดจุดแห้งขึ้นจากการที่น้ำตาธรรมชาติบนกระจกตาหรือเยื่อบุตาระเหยไป ระบบอัตโนมัติในร่างกายเราจะสั่งการให้เกิดการกระพริบตา การกระพริบตาเป็นการกระจายน้ำตาธรรมชาติให้กระจายไปทั่วกระจกตาและเยื่อบุตา เราจึงรู้สึกสบายตา
เมื่อร่างกายผลิตน้ำตาธรรมชาติที่ใช้ในการหล่อลื่นกระจกตาและเยื่อบุตาไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดอาการตาแห้ง ตาแดง ระคายเคืองตา แสบตา ตาพร่า ตาสู้แสงไม่ได้ หากท่านมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาจักษุแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุ
น้ำตาเทียม
น้ำตาเทียม เป็นสารที่ผลิตขึ้นเพื่อทดแทนน้ำตาธรรมชาติในผู้ที่ผลิตน้ำตาได้น้อยกว่าปกติ หรือมีภาวะตาแห้ง ใช้หล่อลื่นและให้ความชุ่มชื่นแก่กระจกตา ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการเคืองตา หรืออาการรู้สึกไม่สบายตา เนื่องจากตาโดนลมและแสง
น้ำตาเทียมสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดด้วยกัน คือ
- น้ำตาเทียมชนิดที่มีสารกันเสีย สารกันเสีย ช่วยให้น้ำตาเทียมคงสภาพอยู่ได้นาน และป้องกันการเติบโตของเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนเข้าไปขณะหยอด หลังจากเปิดขวดใช้งานแล้ว สามารถเก็บได้นาน 1 เดือน และสามารถใช้ได้ไม่เกินวันละ 5 ครั้ง
- น้ำตาเทียมชนิดไม่มีสารกันเสีย มีลักษณะเป็นหลอดขนาดเล็กๆใช้หยอดในแต่ละวันแล้วทิ้งไปเลย มักให้ความรู้สึกสบายตากว่า เนื่องจากไม่มีสารกันเชื้อแบคทีเรียผสมอยู่จึงต้องใช้ภายใน 24 ชั่วโมง สามารถใช้ได้บ่อยทุก 2 ชั่วโมง ข้อดีคือผู้ป่วยจะไม่มีอาการแพ้เลย แต่มักมีราคาสูงกว่าน้ำตาเทียมชนิดแรก
โดยทั่วๆไปน้ำตาเทียม มีทั้งรูปแบบสารละลาย เจล และขี้ผึ้ง
- รูปแบบสารละลาย ให้ความสะดวกในการใช้
- รูปแบบเจล หรือขี้ผึ้ง มีคุณสมบัติหล่อลื่นและรักษาความชุ่มชื้นที่ตาได้นานกว่าสารละลาย
เมื่อใช้น้ำตาเทียมไม่ว่าจะเป็นชนิดหยอด เจล หรือ ขี้ผึ้ง น้ำตาเทียมจะทำหน้าที่เคลือบอยู่บนผิวกระจกตา และต้องใช้เวลาในการกระจายตัวไปทั่วผิวตา ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการตามัวได้ชั่วคราว การที่น้ำตาเทียมทำหน้าที่เคลือบผิวกระจกตาไว้นั้น ก็เพื่อทำให้เกิดการเก็บรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ดวงตา ซึ่งจะทำให้รู้สึกสบายตามากขึ้น
วิธีใช้น้ำตาเทียม
- ล้างมือให้สะอาดก่อนหยอดน้ำตาเทียม
- เขย่าขวดยาถ้ายานั้นระบุว่ให้เขย่าขวดก่อนใช้ เปิดขวดยา อย่าให้นิ้วสัมผัสกับปลายขวดยาเพื่อหลึกเลี่ยงการปนเปื้อนของน้ำยา
- นอนหรือนั่ง แหงนหน้ามองขึ้นข้างบน ใช้มือดึงเปลือกตาล่างให้เป็นกระพุ้งหยอดตาแต่ละข้าง ข้างละ 1 – 2 หยด หรือตามที่แพทย์สั่ง
- ปล่อยมือจากการดึงเปลือกตาล่างและอย่ากระพริบตาสักครู่ (อย่างน้อย 30 วินาที) หรือทำตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
- เมื่อหยอดตาแล้วอาจมีอาการตาพร่ามัวชั่วขณะ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังเมื่อขับขี่ยานพาหนะ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล
วิธีเก็บรักษาน้ำตาเทียม
- ให้เก็บยาในที่เย็น ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส
- ห้ามใช้เมื่อน้ำยาเปลี่ยนสี หรือสีขุ่น
คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับน้ำตาเทียม
คำถาม: ในคนปกติทั่วๆไป จำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียมหรือไม่?
ตอบ น้ำตาเทียมเป็นยาหยอดตาประเภทหนึ่งซึ่งช่วยให้ความชุ่มชื่นกับดวงตา โดยปกติคนเราจะมีการกระพริบตาเฉลี่ยนาทีละ 10 -15 ครั้งเพื่อให้น้ำหล่อเลี่ยงลูกตามาฉาบดวงตา ดังนั้นในคนปกติทั่วๆไปที่รู้สึกเคืองตา หรือระคายเคืองตา อาจเกิดจากภาวะที่เรียกว่า “ตาแห้ง หรือ Dry Eye” การใช้น้ำตาเทียมก็จะช่วยให้รู้สึกสบายตา และลดอาการดังกล่าวได้
คำถาม: ใครบ้างที่ควรใช้น้ำตาเทียม?
ตอบ สำหรับผู้ที่ควรใช้น้ำตาเทียมนอกจากผู้ที่ใช้ตามคำสั่งแพทย์แล้ว ยังมีผู้สูงอายุ ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน และกลุ่มคนที่ทำงานเกี่ยวกับจอคอมพิวเตอร์
- สำหรับผู้สูงอายุจะมีปัญหาเรื่องน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาแห้ง เนื่องจากปัญหาการทำงานของต่อมน้ำตาลดลงตามอายุ
- ผู้หญิงที่หมดประจำเดือนจะทำให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตาลดลงกว่าคนปกติทั่วๆไป
-
- กลุ่มคนที่ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กลุ่มนี้อาจเกิดจากการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ทำให้มีการกระพริบตาน้อยกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะตาแห้งได้ ในผู้ทีต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ควรพักสายตาทุกครึ่งชั่วโมง หรือเมื่อรู้สึกแสบตา เคืองตา ควรหลับตาพักสัก 3 -5 วินาที เพื่อบรรเทาอาการดังกล่าว
คำถาม: น้ำตาเทียมใช้ได้บ่อยครั้งแค่ไหน?
ตอบ สำหรับผู้ใช้งานโดยทั่วไป ที่หยอดน้ำตาเทียมเพื่อให้ดวงตาชุ่มชื้น และรู้สึกสบายตา สามารถใช้งานได้โดยเฉลี่ยไม่เกิน 4-5 ครั้งต่อวัน แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาภาวะตาแห้ง หรือช่วยในการรักษาตาผิดปกติอื่นๆ สามารถใช้ได้บ่อยตามคำสั่งแพทย์
สำหรับผู้ที่เข้ารับการรักษาด้วยวิธีเลสิค หรือ เลสิก (LASIK) แพทย์จะสั่งให้หยอดน้ำตาเทียม เพื่อช่วยรักษาอาการตาแห้งในระยะแรกซึ่งอาการดังกล่าวจะค่อยๆ ดีขึ้น ในช่วงระยะเวลา 3 – 6 เดือน