မျက်လုံး ကျန်းမာရေး : #ดวงตา

Sort

Dry eyes

Dry eyes Tears play a crucial role in keeping our eyes moist, ensuring clear vision by letting light effectively pass through the eye's lens, and supplying oxygen to nourish the eye. They also help fend off infections and keep foreign substances at bay.   Now, when it comes to dry eyes, it's a pretty common issue that can stem from abnormal tear production or tears evaporating too quickly. This can lead to discomfort, irritation, that feeling like there's something foreign in your eye, redness, pain, blurry vision that gets better with blinking, or even feeling like your eyes are tired and heavy. What causes dry eyes can vary—getting older, being a woman (yeah, we're more prone to it), certain allergy medications, spending loads of time on screens, being in places with dust and smoke, gusty winds, and bright lights, they can all have a hand in it.   But hey, the good news is there are ways to tackle dry eyes:   Keep away from things that can make it worse, like strong winds and dust, by popping on some sunglasses and protecting those peepers. Remember to take breaks or blink more often, especially when you're glued to screens for a while. You've got these cool eye drops called artificial tears. There's a type for daytime (more watery) and nighttime (a bit thicker). Which one to use depends on how serious your dry eye situation is. Sometimes your doc might suggest special eye drops that encourage your eyes to make more tears. Give your eyes a treat with warm, clean cloths over your closed eyelids to help them feel better. If the dry eye struggle is real and isn't improving, it's wise to chat with an eye doctor.   All in all, dry eyes can be a bother, but there are solutions out there. It's important to take good care of your eyes, especially when it's all dry outside. If you suspect you've got dry eyes, having a chat with an eye care expert is a smart move.      
Read More
Oculoplastic

Look and Feel Younger: Eyelid Lift Surgery at Bangkok Eye Hospital

ยกกระชับรอบดวงตา เสริมโหงวเฮ้ง รับทรัพย์ การยกกระชับรอบดวงตาเป็นศัลยกรรมความงามที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพียงแค่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องริ้วรอย ความหย่อนคล้อย ทำให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นเท่านั้น แต่ในศาสตร์ของโหงวเฮ้งยังเชื่อกันว่า ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ บ่งบอกถึงบุคลิกภาพ ฐานะ การเงิน และยังส่งผลต่อโชคลาภ วาสนาอีกด้วย การมีดวงตาที่สดใส เปล่งประกาย ดูอ่อนเยาว์ จึงเป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา การยกกระชับรอบดวงตาแบบไหนที่ช่วยเสริมโหงวเฮ้งรับทรัพย์? • แก้ไขหนังตาตก: หนังตาบนที่ตกทับดวงตา ทำให้ดวงตาดูเศร้าหมอง ไม่สดใส ดูง่วงนอนตลอดเวลา โหงวเฮ้งแบบนี้มักจะส่งผลต่อหน้าที่การงาน ทำให้ขาดความมั่นใจ ไม่กระตือรือร้น การแก้ไขหนังตาตกด้วยการผ่าตัดยกกระชับหนังตา หรือการทำศัลยกรรมตาสองชั้น จะช่วยให้ดวงตาดูโตขึ้น สดใสขึ้น เสริมโหงวเฮ้งให้ดูมีความมั่นใจ มีชีวิตชีวา ส่งผลดีต่อหน้าที่การงานและการเงิน • แก้ไขใต้ตาคล้ำ ใต้ตาโหล: ใต้ตาคล้ำ ใต้ตาโหล ทำให้ดูโทรม อ่อนล้า ดูมีอายุ โหงวเฮ้งแบบนี้มักส่งผลต่อสุขภาพ ทำให้เจ็บป่วยง่าย อ่อนแอ การแก้ไขใต้ตาคล้ำ ใต้ตาโหล ด้วยการเติมไขมันใต้ตา หรือการผ่าตัดกำจัดถุงใต้ตา จะช่วยให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ เสริมโหงวเฮ้งให้ดูสุขภาพดี แข็งแรง มีโชคลาภ • แก้ไขหางตาตก: หางตาที่ตกชี้ลง ทำให้ดูเศร้า หดหู่ โหงวเฮ้งแบบนี้มักส่งผลต่ออารมณ์ ทำให้ขาดความมั่นใจ คิดมาก การแก้ไขหางตาตกด้วยการยกกระชับหางตา จะช่วยปรับรูปลักษณ์ของดวงตาให้ดูเฉี่ยวขึ้น ดูสดใส เสริมโหงวเฮ้งให้ดูมีความมั่นใจ กล้าตัดสินใจ มีอำนาจ เทคนิคการยกกระชับรอบดวงตา • การผ่าตัด: เป็นการผ่าตัดเพื่อตัดหนังตาส่วนเกินออก ยกกระชับกล้ามเนื้อ และจัดเรียงไขมันใหม่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหนังตาตก ใต้ตาหย่อนคล้อย มีริ้วรอยมาก • การใช้เลเซอร์: เป็นการใช้เลเซอร์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวกระชับขึ้น ลดเลือนริ้วรอย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ ริ้วรอยเล็กน้อย • การฉีดฟิลเลอร์: เป็นการฉีดสารเติมเต็มเพื่อเพิ่มวอลุ่มใต้ตา ช่วยให้ใต้ตาดูเต็มขึ้น ลดเลือนร่องใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาโหล ร่องใต้ตา การเลือกเทคนิคการยกกระชับรอบดวงตา ควรเลือกให้เหมาะสมกับปัญหา สภาพผิว และงบประมาณ โดยปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินและวางแผนการรักษา การดูแลตัวเองหลังยกกระชับรอบดวงตา • ประคบเย็น เพื่อลดบวม ช้ำ • ทายาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด • งดแต่งหน้า ทาครีม บริเวณแผล • งดนอนคว่ำหน้า • งดใส่คอนแทคเลนส์ • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดแรงดันในดวงตา เช่น การยกของหนัก การออกกำลังกายหนักๆ • ป้องกันแสงแดด ด้วยการทาครีมกันแดด ใส่แว่นกันแดด หมายเหตุ: ผลลัพธ์ของการยกกระชับรอบดวงตา ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เทคนิคที่ใช้ สภาพผิว อายุ การดูแลตัวเองหลังการรักษา   ศูนย์ศัลยกรรมจักษุตกแต่งและเสริมสร้าง โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ เป็นศูนย์เฉพาะทางที่มุ่งเน้นการวินิจฉัยและรักษาโรคและความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับเปลือกตา ท่อน้ำตา เบ้าตา และโครงสร้างใบหน้ารอบดวงตา ทีมจักษุแพทย์เฉพาะทางด้านจักษุตกแต่ง จักษุแพทย์ และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญของเราร่วมมือกันเพื่อให้การดูแลที่ครอบคลุมทั้งด้านการรักษาและความงาม ทำนัดหมายและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-511-2111

What is the appropriate age for double eyelid surgery?

อายุเท่าไหร่ ถึงทำตาสองชั้นได้ ? หลายคนใฝ่ฝันอยากมีดวงตาคู่สวยคมชัด มีเสน่ห์ การทำศัลยกรรมตาสองชั้นจึงเป็นตัวเลือกยอดนิยม แต่คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ "อายุเท่าไหร่ ถึงจะทำตาสองชั้นได้อย่างปลอดภัย?" ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ ขอไขข้อข้องใจนี้ พร้อมให้ข้อมูลที่ถูกต้องและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ทำตาสองชั้น...อายุเท่าไหร่ถึงเหมาะสม? โดยทั่วไป จักษุแพทย์มักแนะนำให้ทำศัลยกรรมตาสองชั้นเมื่ออายุ 18 ปีขึ้นไป เพราะโครงสร้างใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณดวงตาจะหยุดการเจริญเติบโต ทำให้แพทย์สามารถประเมินรูปทรงดวงตาและออกแบบชั้นตาที่สวยงามได้อย่างแม่นยำ ผลลัพธ์ของการผ่าตัดจึงมีแนวโน้มคงอยู่ยาวนาน   ทำไมต้องรอให้ถึง 18 ปี? โครงสร้างดวงตา : ก่อนอายุ 18 ปี ดวงตายังคงมีการเปลี่ยนแปลง การทำศัลยกรรมในช่วงวัยนี้ อาจทำให้ชั้นตาเปลี่ยนแปลงไปตามการเจริญเติบโต ส่งผลต่อผลลัพธ์ในระยะยาว ความพร้อมทางด้านร่างกาย : ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป มักมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง พร้อมรับการผ่าตัด และมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี ช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และภาวะแทรกซ้อนต่างๆ   แล้วถ้าอายุต่ำกว่า 18 ปี ทำได้ไหม? ในบางกรณี จักษุแพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดตาสองชั้นให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เช่น มีปัญหาทางด้านการมองเห็น : หนังตาตกบังการมองเห็น รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน และส่งผลต่อพัฒนาการทางสายตา มีปัญหาชั้นตาผิดปกติ : เช่น ตาสองชั้นข้างเดียว ชั้นตาไม่เท่ากัน ส่งผลต่อบุคลิกภาพ และความมั่นใจ   อายุมาก...ทำตาสองชั้นได้หรือไม่? สำหรับผู้ที่มีอายุมาก ก็สามารถทำศัลยกรรมตาสองชั้นได้ แต่ควรปรึกษาจักษุแพทย์เฉพาะทาง เพื่อประเมินสภาพผิวและปัญหาสุขภาพ รวมถึงพิจารณาการผ่าตัดเสริมอื่นๆ เช่น การยกคิ้ว หรือ การตัดไขมันใต้ตา เพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และ แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด   ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ ให้บริการศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา โดย จักษุแพทย์เฉพาะทาง มากประสบการณ์ เทคโนโลยีที่ทันสมัย แผลเล็ก ฟื้นตัวไว ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ดูแลตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย วางแผนการรักษา จนถึงหลังการผ่าตัด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-511-2111
Retina Center

5 สุดยอดอาหารบำรุงจอประสาทตา

5 สุดยอดอาหารบำรุงจอประสาทตา :  เสริมแกร่งสายตาคู่ใจ เพื่อการมองเห็นที่คมชัด จอประสาทตา คือ อวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่รับภาพและส่งสัญญาณไปยังสมอง ทำให้เรามองเห็นโลกอันสวยงามรอบตัวเรา การดูแลรักษาจอประสาทตาจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากเกิดความเสียหายขึ้น อาจส่งผลต่อการมองเห็นอย่างถาวรได้ นอกจากการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยบำรุงและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับจอประสาทตาได้ อาหาร 5 ชนิด ที่ช่วยบำรุงจอประสาทตา และความสำคัญของสารอาหารแต่ละชนิดในอาหาร 1.    ผักใบเขียวเข้ม : ผักใบเขียว เช่น คะน้า ตำลึง ผักโขม และผักบุ้ง อุดมไปด้วยลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องจอประสาทตาจากแสงสีฟ้าและรังสียูวี o    ลูทีนและซีแซนทีน : ทำหน้าที่เป็นเหมือน “แว่นกันแดดภายใน” ช่วยกรองแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา และยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมตามอายุ (Age-related Macular Degeneration - AMD) อ้างอิงจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Ophthalmology 2.    ปลาที่มีไขมันสูง : ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และปลาแมคเคอเรล เป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการรักษาสุขภาพของจอประสาทตา o    กรดไขมันโอเมก้า-3 : ช่วยลดการอักเสบและป้องกันจอประสาทตาแห้ง นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าโอเมก้า-3 อาจช่วยชะลอการลุกลามของโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ อ้างอิงจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Archives of Ophthalmology 3.    ไข่ : ไข่แดงอุดมไปด้วยลูทีน ซีแซนทีน และสังกะสี o    สังกะสี : ช่วยในการขนส่งวิตามินเอไปยังจอประสาทตา ซึ่งวิตามินเอมีบทบาทสำคัญในการมองเห็นในที่แสงน้อย การขาดสังกะสีอาจนำไปสู่ภาวะตาบอดกลางคืนได้ 4.    ผลไม้ตระกูลเบอร์รี : บลูเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี และราสเบอร์รี เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ o    สารต้านอนุมูลอิสระ : ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาจากความเสียหาย และยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังดวงตา ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพตาโดยรวม 5.    ถั่วและเมล็ดพืช : อัลมอนด์ วอลนัท และเมล็ดทานตะวัน เป็นแหล่งของวิตามินอี o    วิตามินอี : เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตา วิตามินอียังช่วยลดความเสี่ยงของโรคต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อมตามที่ระบุในวารสารทางการแพทย์หลายฉบับ เมนูอาหารบำรุงสายตาที่คุณสามารถทำเองได้ง่ายๆ สลัดผักโขมกับปลาแซลมอนย่าง : อุดมไปด้วยลูทีน ซีแซนทีน และโอเมก้า-3 ไข่เจียวใส่ผัก : ได้รับทั้งลูทีน ซีแซนทีน และสังกะสี โยเกิร์ตกับผลไม้รวมและถั่ว : รวมสารอาหารบำรุงสายตาหลายชนิดไว้ในเมนูเดียว น้ำปั่นบลูเบอร์รี : ดื่มง่าย ได้รับสารต้านอนุมูลอิสระเต็มๆ ผลงานวิจัยสนับสนุน งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Ophthalmology พบว่า การรับประทานอาหารที่มีลูทีนและซีแซนทีนสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมขั้นสูงได้ งานวิจัยในวารสาร Archives of Ophthalmology ระบุว่า ผู้ที่รับประทานปลาที่มีไขมันสูงเป็นประจำ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมน้อยกว่าผู้ที่ไม่ค่อยรับประทาน  ที่ศูนย์รักษาจอประสาทตา โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ เรามีทีมจักษุแพทย์เฉพาะทางด้านจอประสาทตา พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย คอยให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคทางจอประสาทตาอย่างครบวงจรหากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพตา หรือต้องการเข้ารับการตรวจเช็คสุขภาพตา สามารถติดต่อได้ที่ 02-511-2111 ศูนย์รักษาจอประสาทตา โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ ได้ทันที เราพร้อมดูแลดวงตาของคุณ เพื่อให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมองเห็นโลกได้อย่างชัดเจน สุขภาพตาที่ดี เริ่มต้นจากการใส่ใจ
Retina Center

จอประสาทตา: กุญแจสำคัญสู่โลกที่สดใส - ใส่ใจสุขภาพดวงตา ตรวจเช็กก่อนสาย

"จอประสาทตา" กุญแจสำคัญสู่โลกที่สดใส ดวงตา คือ หน้าต่างที่เปิดให้เราเห็นโลกใบนี้ แต่เบื้องหลังความงดงามนั้น มี "จอประสาทตา" หรือเรตินา ทำหน้าที่เสมือนกล้องถ่ายรูปที่มีความละเอียดสูงสุด คอยบันทึกทุกภาพที่เราเห็น แปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้า แล้วส่งต่อไปยังสมอง ให้เราได้สัมผัสกับสีสัน ความเคลื่อนไหว และรายละเอียดต่างๆ รอบตัว จอประสาทตา สำคัญอย่างไร? ลองนึกภาพว่า หาก "กล้อง" หรือจอประสาทตาของเราเกิดขีดข่วนหรือเสียหาย  ภาพที่ออกมาก็จะเบลอ พร่ามัว ไม่คมชัด จอประสาทตาก็เช่นกัน หากเกิดความผิดปกติ  จะส่งผลโดยตรงต่อการมองเห็น อาจเริ่มจากตามัว มองเห็นภาพบิดเบี้ยว  จนลุกลามถึงขั้นสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อคุณภาพชีวิต ภัยเงียบที่จ้องคุกคาม : โรคจอประสาทตา โรคจอประสาทตามีหลายชนิด บางชนิดอาจไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่ค่อยๆ ทำลายการมองเห็นอย่างช้าๆ จึงเป็น "ภัยเงียบ" ที่เราต้องตระหนักและหมั่นตรวจเช็คสุขภาพดวงตาอยู่เสมอ ตัวอย่างโรคจอประสาทตาที่พบบ่อย ได้แก่ :       • จอประสาทตาเสื่อม : พบมากในผู้สูงอายุ ทำให้สูญเสียการมองเห็นบริเวณกลางภาพ ส่งผลต่อการอ่านหนังสือ การขับรถ และกิจวัตรประจำวันอื่นๆ       • เบาหวานขึ้นจอประสาทตา : ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน ทำให้หลอดเลือดที่จอประสาทตาผิดปกติ อาจนำไปสู่การมองเห็นภาพซ้อน หรือสูญเสียการมองเห็นได้       • จอประสาทตาฉีกขาด : เกิดจากการลอกตัวของชั้นจอประสาทตา อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างกะทันหัน จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน   ในโอกาสวันจอประสาทตาโลกนี้ โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ ขอเชิญชวนทุกท่านมาดูแลและใส่ใจสุขภาพดวงตา โดยเฉพาะการตรวจเช็คจอประสาทตาเป็นประจำ  เพื่อป้องกันและรักษาความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคทางตา ศูนย์รักษาจอประสาทตา โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ: มั่นใจ..ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง เรามีทีมจักษุแพทย์เฉพาะทางด้านจอประสาทตา พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย คอยให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคจอประสาทตาอย่างครบวงจร ด้วยความใส่ใจและมาตรฐานระดับสากล เพื่อให้คุณมั่นใจว่าดวงตาของคุณจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด  
Laser Vision Lasik Center

Ultimate Eye-Nourishing Foods

Ultimate Eye-Nourishing Foods Your eyes require care and attention, just like any other part of your body. Consuming natural, beneficial foods can help maintain strong eye health and keep your vision fresh for years to come.   Apricots: Apricots are sweet and contain beta-carotene, which helps slow the degeneration of the eye lens. They nourish the eyes and help prevent cataracts.   Goji Berries: Rich in beta-carotene and zeaxanthin, goji berries enhance vision and can aid in treating night blindness. They also improve image reception and protect against harmful blue and violet light, ultimately slowing down the aging of the eyes.   Strawberries: Strawberries, being both sweet and sour, are rich in vitamin A, which ensures clear vision. They have more vitamin C than lemons, supporting a strong immune system and preventing various diseases.   Citrus Fruits: Citrus fruits like oranges, tomatoes, and bell peppers contain high levels of vitamin C. This vitamin can reduce the risk of cataracts and improve blood circulation in the eyes. Oranges, in particular, are beneficial for preventing colds and have a mild laxative effect.   Dark Leafy Greens: Dark leafy greens such as kale, spinach, and broccoli are rich in vitamin A and beta-carotene. They not only nourish the eyes but also contribute to cancer prevention and maintain a healthy immune system.   Red Beans: Red beans are an excellent source of zinc, which benefits the eyes. Regular consumption can reduce the risk of age-related macular degeneration (AMD), breast cancer, and heart disease.   Watercress: Watercress alleviates eye strain when used for extended periods. It also helps relieve dry eyes.   Pumpkin: Pumpkin supports clear vision, prevents dry eye conditions, and aids in the healing of eye injuries.   Tamarind Leaves: Tamarind leaves are rich in beta-carotene and carotenoids. They help nourish the eyes and can reduce the risk of night blindness.   Incorporating these eye-nourishing foods into your diet can significantly contribute to maintaining good eye health. Regular intake of these foods can protect against various eye conditions and ensure clear, vibrant vision for years to come.  
Laser Vision Lasik Center

Herbal Remedies for Eye Health

Herbal Remedies for Eye Health If you are a senior or experiencing eye-related issues such as cataracts, blurry vision, eye irritation, or difficulty seeing at night, these three herbs may provide relief and promote better eye health.   Basil: Basil is commonly used in cooking and can alleviate eye discomfort. It contains various nutrients such as vitamin C, phosphorus, iron, and calcium. Additionally, it is rich in beta-carotene, which the body converts into vitamin A, supporting overall eye health.   Cassia: The flowers and tender leaves of cassia are used in various dishes, like iron-rich curries and soups. Cassia is packed with high levels of beta-carotene and is renowned for its mild laxative properties. Besides promoting eye health, it serves as a gentle detoxifier.   Carrots: Carrots can be consumed raw as a salad or incorporated into various dishes. They are exceptionally high in beta-carotene, making them extremely beneficial for eye health.   Incorporating these herbs into your diet can contribute to better eye health. However, if you have severe eye issues, it is essential to consult an eye specialist for a comprehensive evaluation and treatment.
calling
ဆက်သွယ်ရန် : +66965426179