มุมสุขภาพตา : #femto lasik

เรียงตาม

กระจกตาบางเกิดจากอะไร? อาการ ผลกระทบต่อสายตาและวิธีรักษา

กระจกตาบางคือภาวะที่กระจกตาซึ่งเป็นชั้นโปร่งใสด้านหน้าตาของดวงตามีความหนาน้อยกว่าปกติ ส่งผลต่อการมองเห็นและสุขภาพตา กระจกตาบางเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมตามวัย การขยี้ตาบ่อยๆ โรคทางพันธุกรรม หรือผลข้างเคียงจากการผ่าตัดตา เช่น เลสิก อาการของกระจกตาบางที่สังเกตได้ เช่น ตาพร่ามัว ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย มองเห็นภาพบิดเบี้ยว และสายตาเอียงสูงผิดปกติ กระจกตาบางคือภาวะที่ความหนาของกระจกตาลดลงกว่าปกติ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการโฟกัสแสงเข้าสู่ดวงตา ทำให้การมองเห็นมีความคมชัด หากกระจกตาบางเกินไป อาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสายตา เช่น สายตาผิดปกติ หรือมีผลกระทบต่อการรักษาดวงตาด้วยวิธีต่างๆ เช่น เลสิก การเข้าใจสาเหตุ อาการ และการดูแลกระจกตาบางอย่างถูกต้อง จึงช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนและดูแลสุขภาพตาได้ดีขึ้น       กระจกตาคืออะไร? สิ่งสำคัญต่อการมองเห็น กระจกตา (Cornea) คือชั้นโปร่งใสและโค้งอยู่ด้านหน้าสุดของดวงตา ครอบคลุมตาดำ มีหน้าที่ช่วยหักเหแสงให้เข้าสู่ดวงตา ทำให้เรามองเห็นชัดเจน และยังเป็นเกราะป้องกันเชื้อโรคโดยตรง โดยปกติความหนาของกระจกตาจะอยู่ที่ประมาณ 520-550 ไมครอน และสามารถบางลงได้ตามอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย       รู้จักกับกระจกตาบาง กระจกตาบางคือลักษณะของกระจกตาที่มีความหนาน้อยกว่า 500 ไมครอน (0.5 มิลลิเมตร) โดยทั่วไปไม่ถือเป็นโรคและไม่ต้องรักษา แต่กระจกตาบางจะส่งผลต่อการวินิจฉัยโรคบางอย่าง เช่น ต้อหิน เพราะทำให้วัดความดันตาต่ำกว่าความจริง รวมถึงส่งผลต่อการเลือกวิธีแก้ไขสายตา เช่น หากผู้ป่วยต้องการทำ LASIK และ มีระดับค่าสายตาที่มีผิดปกติสูง เช่น สั้น หรือ เอียงมาก โดยมีความหนาของกระจกตาน้อย เมื่อเปรียบเทียบกันกับเนื้อกระจกตาที่ต้องใช้ผ่าตัด หลังจากได้รับการตรวจจากผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เเพทย์ประเมินแล้วอาจจะไม่สามารถแก้ไขค่าสายตาได้หมด หรืออาจทำให้ กระจกตาเสี่ยงเป็นโรคกระจกตาอื่นๆหลังการแก้ไข เเพทย์อาจประเมินให้ผู้ป่วยทำการรักษาด้วยวิธีการอื่นๆ เช่น PRK ICL FemtoLASIK ReLEx SMILE Pro หรือ NanoLASIK  แทนการทำ LASIK แบบทั่วๆไป ซึ่งเป็นการเเก้ไขที่ใช้หรือรบกวนความหนาของกระจกตาน้อยกว่าเพราะฉะนั้น ก่อนทำเลสิกจึงต้องสังเกตและตรวจประเมินความหนาของกระจกตาอย่างละเอียด เพราะหากบางเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะสายตาเอียงผิดปกติ หรือกระจกตาย้วย ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็นได้ นอกจากนี้หลายคนยังสงสัยว่า “ใส่คอนแท็กต์เลนส์ ทำให้กระจกตาบางจริงไหม?” คำตอบคือ โดยทั่วไปการใส่คอนแท็กต์เลนส์อย่างถูกวิธี ไม่ได้ทำให้กระจกตาบางลง แต่หากใส่นานเกินไป ไม่ถอดล้างหรือดูแลอย่างถูกต้อง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือเกิดภาวะขาดออกซิเจนที่กระจกตา ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อบางลงได้เช่นกัน       กระจกตาบางเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง? กระจกตาบางเกิดได้จากหลายสาเหตุ การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้ช่วยให้สามารถป้องกันและดูแลสุขภาพตาได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย มีดังนี้   โรคทางพันธุกรรม แม้ว่าภาวะกระจกตาบางมักเกิดจากพฤติกรรมบางอย่าง แต่ในบางกรณี ความผิดปกตินี้อาจมีสาเหตุจากโรคพันธุกรรมที่ถ่ายทอดภายในครอบครัว หนึ่งในโรคที่พบบ่อย คือ กระจกตาย้วย (Keratoconus) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะกระจกตาบาง กระจกตาจะบางลงและโป่งยื่นออกมาคล้ายรูปกรวย ทำให้สายตาเอียงผิดปกติ และการมองเห็นแย่ลงเรื้อรัง มักเริ่มแสดงอาการในช่วงวัยรุ่นถึงอายุ 30 ปี โรคกระจกตาบางจากพันธุกรรมอื่นๆ (Corneal Dystrophies) เช่น Pellucid Marginal Degeneration (PMD) ซึ่งกระจกตาจะบางลงบริเวณขอบด้านล่าง   การบาดเจ็บหรือการผ่าตัดตา การผ่าตัดแก้ไขสายตาบางประเภท เช่น การทำเลสิก (LASIK) หรือ PRK อาจส่งผลให้กระจกตาบางลงได้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการเลเซอร์เนื้อกระจกตา ออกไปมากเกินความจำเป็น ทำให้ความหนาของกระจกตาที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น กระจกตาย้วยในอนาคต นอกจากนี้การบาดเจ็บที่กระจกตาซ้ำๆ รวมถึงการติดเชื้อที่รุนแรง เช่น แผลที่กระจกตาหรือกระจกตาอักเสบ ก็สามารถทำลายเนื้อเยื่อกระจกตาและทำให้เกิดการบางลงได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที   โรคอื่นๆ หรือการใช้ยา โรคทางภูมิคุ้มกันบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) หรือโรคเอสแอลอี (SLE) อาจส่งผลกระทบต่อกระจกตา ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่ภาวะกระจกตาบางได้ในระยะยาว เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเนื้อเยื่อของตาเอง ในขณะเดียวกัน การใช้ยาหยอดตาบางชนิด โดยเฉพาะยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หากใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจมีผลข้างเคียงต่อโครงสร้างของกระจกตา ทำให้เนื้อเยื่อกระจกตาอ่อนแอและบางลงได้เช่นกัน       อาการของภาวะกระจกตาบาง ภาวะกระจกตาบางมักพัฒนาอย่างช้าๆ จนอาจไม่สังเกตเห็นได้ในระยะแรก การเรียนรู้ที่จะสังเกตอาการเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที โดยอาการที่อาจพบมีดังนี้ การมองเห็นพร่ามัวหรือไม่ชัดเจน ค่าสายตาเปลี่ยนแปลงบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ มีค่าสายตาเอียงสูงกว่าปกติ มองเห็นภาพบิดเบี้ยว หรือมีลักษณะผิดรูปจากความจริง       วิธีการตรวจและวินิจฉัยกระจกตาบาง โดยปกติแล้วภาวะกระจกตาบางมักถูกตรวจพบในขั้นตอนการประเมินสายตาก่อนทำเลสิก ซึ่งแพทย์จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Keratometerตรวจวัดความโค้งของกระจกตาและค่าสายตาเอียง โดยการสะท้อนแสงบนกระจกตาเพื่อตรวจหารูปร่างและความโค้งที่ผิดปกติ ซึ่งความโค้งที่ผิดปกตินี้ อาจสัมพันธ์กับความบางของกระจกตา นอกจากนั้นยังมีการตรวจ Corneal Tophography หรือแผนภูมิดวงตาเพื่อประเมินค่าความหนาบางและความผิดปกติของกระจกตาอื่นๆด้วย โดยอาจจะมีการวัด Tomographic Biomechanical Index หรือ ค่าความเเข็งเเรงของกระจกตา เสริมเพื่อตรวจความเสี่ยงของโรค Corneal Ectasia หรือโรคกระจกตาโป้งอีกด้วย แม้ว่าจะสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ เช่น มองเห็นไม่ชัดหรือค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย แต่การวินิจฉัยว่ามีกระจกตาบางจริงหรือไม่นั้น ต้องอาศัยการตรวจโดยจักษุแพทย์เท่านั้น เพราะการสังเกตอาการด้วยตนเองเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น ไม่สามารถยืนยันผลได้ ดังนั้นหากสงสัยว่าตนเองมีกระจกตาบาง ควรเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการดูแลและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น   สรุป กระจกตาบางเป็นภาวะที่หลายคนไม่รู้ตัว แต่สามารถส่งผลกระทบต่อการมองเห็น เช่น ตาพร่ามัว ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย หรือภาพบิดเบี้ยว ซึ่งอาจเกิดจากพันธุกรรม โรคภูมิคุ้มกัน การผ่าตัดแก้ไขสายตา หรือการใช้ยาบางชนิด การตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกจึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่วางแผนทำเลสิก ควรเข้ารับการตรวจวัดความหนาและความโค้งของกระจกตาอย่างละเอียดที่ Bangkok Eye Hospital ด้วยเครื่องมือทันสมัยและแพทย์เฉพาะทาง เพื่อป้องกันและดูแลสุขภาพดวงตาได้อย่างมั่นใจ   คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกระจกตาบาง (FAQ) หลายคนที่เพิ่งเคยได้ยินเกี่ยวกับภาวะกระจกตาบางอาจมีข้อสงสัยมากมาย เพื่อช่วยให้เข้าใจมากขึ้น เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะกระจกตาบาง พร้อมคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันในบทความนี้   ทำอย่างไรให้กระจกตาหนาขึ้น ความหนาของกระจกตาไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากเป็นความผิดปกติที่เกิดจากโครงสร้างภายในชั้นกระจกตาเอง   ถ้าปล่อยให้กระจกตาบางแล้วไม่รักษา จะเป็นอย่างไร? สายตาพร่ามัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถแก้ไขด้วยแว่นหรือคอนแท็กต์เลนส์ปกติได้ กระจกตาโป่งยื่นออกมามากผิดปกติ ทำให้การมองเห็นแย่ลงอย่างถาวร ในบางกรณีรุนแรงมาก อาจเกิดภาวะกระจกตาบวมน้ำฉับพลัน (Acute Hydrops) หรือกระจกตาทะลุ ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินและอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้หากไม่ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา   สามารถป้องกันภาวะกระจกตาบางได้ไหม หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ เพราะการขยี้ตาเป็นประจำและรุนแรงสามารถทำให้กระจกตาบางลงและเป็นตัวกระตุ้นให้โรคกระจกตาย้วยแย่ลง ดูแลสุขภาพตาโดยรวม เช่น ไม่ใช้คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป และรักษาความสะอาดของดวงตา พบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคเกี่ยวกับกระจกตา เพื่อให้สามารถวินิจฉัยและเริ่มการรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะให้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีกว่า  
อ่านเพิ่มเติม

FemtoLASIK เทคโนโลยีล้ำสมัย การผ่าตัดสายตาที่ปลอดภัย แม่นยำกว่า

FemtoLASIK คือหนึ่งในเทคโนโลยีการทำเลสิกที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน โดยใช้เลเซอร์ Femtosecond (เฟมโตเซคอนด์เลเซอร์) ในการสร้างฝาปิดกระจกตา (Flap) ซึ่งมีความแม่นยำสูง ช่วยลดความเสี่ยง และฟื้นตัวเร็วกว่าวิธีแบบเดิม มาดูข้อดีและข้อเสียที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจกันได้เลยในบทความนี้   FemtoLASIK คือนวัตกรรมการแก้ไขสายตาสั้น สายตายาวโดยกำเนิด และสายตาเอียงแบบไร้ใบมีด แผลสมานตัวเร็ว ใช้เวลาผ่าตัดน้อย ระยะฟื้นตัวสั้น และผลข้างเคียงน้อย FemtoLASIK โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Femtosecond Laser ที่ช่วยแยกชั้นกระจกตาและปรับแต่งค่าสายตาด้วยความแม่นยำสูง โอกาสเกิดตาแห้งและการติดเชื้อต่ำ กระจกตาฟื้นตัวเร็ว มีความเสี่ยงน้อยที่ฝากระจกตาจะเคลื่อน ทำให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับผู้ต้องการแก้ไขสายตา การทำ FemtoLASIK ไม่เหมาะสำหรับสตรีตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนเช่นกระจกตาหมอกได้ในบางราย รวมถึงผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับกระจกตาหรือโรคทางกายที่ส่งผลต่อการมองเห็นไม่สามารถรับการรักษาด้วยวิธีนี้ได้ ผู้ที่เหมาะกับการผ่าตัด FemtoLASIK คือผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปที่มีค่าสายตาคงที่อย่างน้อย 1 ปี มีสายตาสั้นไม่เกิน 1,300 หรือมีสายตายาวและเอียงในระดับที่เหมาะสม มีสุขภาพดวงตาดีและกระจกตาแข็งแรง เป็นผู้ที่ไม่สะดวกใส่แว่นหรือคอนแท็กต์เลนส์เนื่องจากความจำเป็นในการทำงานหรือทำกิจกรรมพิเศษ และมีความคาดหวังที่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับผลลัพธ์หลังการผ่าตัด     เลสิกไร้ใบมีด FemtoLASIK คืออะไร? FemtoLASIK คือนวัตกรรมการแก้ไขสายตาสั้น สายตายาวโดยกำเนิด และสายตาเอียงแบบไร้ใบมีด ใช้เลเซอร์ Visumax 800 ความถี่สูงถึง 2 MHz และใช้เวลาในการเปิดฝากระจกตาเพียง 5 วินาทีเท่านั้น เทคโนโลยีนี้สามารถกำหนดความหนาของฝากระจก และแยกชั้นกระจกตาได้อย่างเรียบเนียนโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อโดยรอบ ส่งผลให้แผลสมานตัวได้เร็ว ใช้เวลาผ่าตัดน้อย ระยะพักฟื้นสั้น และลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อดีของการทำ FemtoLASIK FemtoLASIK มีข้อดีหลายประการที่โดดเด่นกว่าการผ่าตัดแบบเดิม โดยเทคโนโลยีเลเซอร์เฟมโตเซคันด์ (Femtosecond Laser) ช่วยให้การแยกชั้นกระจกตาและปรับแต่งค่าสายตามีความแม่นยำสูง ทำให้ผลข้างเคียงเกิดขึ้นน้อยและสามารถรักษาได้ทั้งสายตาสั้น สายตายาวโดยกำเนิด สายตายาวตามอายุ และสายตาเอียง   นอกจากนี้ ผู้เข้ารับการผ่าตัดมีโอกาสเกิดภาวะตาแห้งและการติดเชื้อต่ำมาก อีกทั้งกระจกตายังสมานตัวและฟื้นฟูได้รวดเร็ว พร้อมโอกาสที่ฝากระจกตาจะเคลื่อนน้อยมาก ทำให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขสายตา ข้อเสียของการทำ FemtoLASIK การทำ FemtoLASIK ไม่เหมาะสำหรับสตรีตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนในบางราย เช่น กระจกตาหมอก ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการผ่าตัดเพื่อลดความเสี่ยง หลังการผ่าตัดต้องระมัดระวังอุบัติเหตุกระทบดวงตาเป็นพิเศษ เนื่องจากแผลโค้งยาวที่กระจกตาอาจเกิดการเคลื่อนจนแผลเปิดได้ นอกจากนี้ ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับกระจกตาหรือโรคทางกายที่ส่งผลต่อการมองเห็นจะไม่สามารถเข้ารับการรักษาด้วยวิธีนี้ได้ วิธีเตรียมตัวก่อนทำ FemtoLASIK ก่อนทำ FemtoLASIK จำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพและผ่านไปด้วยดีมากที่สุด   ศึกษาและรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการทำ FemtoLASIK เพื่อสร้างความเข้าใจและความคาดหวังที่เหมาะสมต่อผลลัพธ์ ค้นหาข้อมูลสถานที่ให้บริการโดยพิจารณาทั้งประสบการณ์ของแพทย์ ความสะดวกในการเดินทาง มาตรฐานความสะอาด และค่าใช้จ่าย งดใส่คอนแท็กต์เลนส์ก่อนตรวจวิเคราะห์สภาพตา โดยเลนส์ชนิดนิ่มต้องงดอย่างน้อย 3 วัน ส่วนเลนส์ชนิดแข็งหรือแข็งกึ่งนิ่มต้องงดอย่างน้อย 14 วัน งดรับประทานยารักษาสิวกลุ่ม Isotretinoin เช่น Roaccutane, Acnotin และ Sotret เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือนก่อนตรวจวิเคราะห์สภาพตาและก่อนการผ่าตัด งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และแจ้งให้จักษุแพทย์ทราบหากมีการรับประทานยาประจำตัว เช่น ยาเบาหวาน ยาความดัน หรือยานอนหลับ เตรียมแว่นตากันแดดและผู้ดูแลมาด้วยในวันตรวจ เนื่องจากต้องหยอดยาขยายม่านตาซึ่งทำให้มองเห็นไม่ชัดและแพ้แสง เข้ารับการตรวจวิเคราะห์สภาพตาเพื่อประเมินว่าสุขภาพตาเหมาะสมกับการรักษาด้วยวิธี FemtoLASIK หรือไม่     ขั้นตอนการทำ FemtoLASIK หลายๆ คนยังกังวลว่าการทำ FemtoLASIK เป็นอย่างไร? น่ากลัวไหม? มาดูขั้นตอนการทำ FemtoLASIK เพื่อให้คลายข้อกังวลก่อนทำกันดีกว่า   ก่อนการผ่าตัด แพทย์จะหยอดยาชาและรอให้ยาออกฤทธิ์จนพร้อมสำหรับเริ่มขั้นตอนการรักษา แพทย์ใช้ Femtosecond Laser แยกชั้นกระจกตาตามความหนาที่คำนวณไว้อย่างแม่นยำ หลังจากเปิดฝากระจกตา แพทย์จะใช้เลเซอร์เอ็กไซเมอร์ (Excimer Laser) ปรับแต่งความโค้งภายในชั้นกระจกตา เมื่อปรับแต่งเสร็จสมบูรณ์ แพทย์จะนำฝากระจกตาปิดกลับเข้าตำแหน่งเดิมอย่างแนบสนิท ขั้นตอนสุดท้าย จักษุแพทย์จะทำการปิดฝาครอบตาเพื่อป้องกันและส่งเสริมการฟื้นตัวของดวงตา ดูแลตัวเองอย่างไรหลังทำ FemtoLASIK เพื่อประสิทธิภาพของผลลัพธ์ การดูแลตัวเองหลังทำ FemtoLASIK จึงมีความสำคัญมาก ดังนี้   ใส่ที่ครอบตาขณะนอนหลับเพื่อป้องกันการเผลอขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว ระมัดระวังไม่ให้น้ำ ฝุ่น เหงื่อ หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ดวงตา งดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นและพยายามนอนพักผ่อนให้มากเพื่อพักฟื้นสายตา หยอดยาตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด ใช้น้ำตาเทียมเมื่อเกิดภาวะตาแห้ง งดการแต่งหน้าบริเวณรอบดวงตา มัดผมเพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมสัมผัสดวงตา (สำหรับผู้ที่มีผมยาว) สวมแว่นตากันแดดเมื่อต้องออกไปข้างนอก หลีกเลี่ยงการขับรถในตอนกลางคืนเนื่องจากอาจมองเห็นแสงเป็นแฉก เข้าพบจักษุแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ รีบพบจักษุแพทย์ทันทีหากพบความผิดปกติใดๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมา     ใครเหมาะกับการทำ FemtoLASIK ผู้ที่เหมาะสมกับการผ่าตัด FemtoLASIK ได้แก่ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป โดยค่าสายตาต้องคงที่อย่างน้อย 1 ปี มีสายตาสั้นไม่เกิน 1,300 หรือมีสายตายาวหรือเอียงในระดับที่เหมาะสม และมีสุขภาพดวงตาโดยรวมดีพร้อมกระจกตาที่แข็งแรง นอกจากนี้ ผู้เข้ารับการผ่าตัดควรมีความคาดหวังที่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับผลลัพธ์ และมักเป็นผู้ที่ไม่สะดวกใส่แว่นตาหรือคอนแท็กต์เลนส์เนื่องจากความจำเป็นในการประกอบอาชีพหรือการทำกิจกรรมบางประเภท ใครไม่เหมาะกับการทำ FemtoLASIK ผู้ที่ไม่ควรทำ FemtoLASIK ได้แก่ ผู้ที่มีโรคหลอดเลือด โรคแพ้ภูมิต้านทานตัวเองและเบาหวานที่ยังควบคุมไม่ได้ รวมถึงผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรืออยู่ระหว่างการรักษาที่กดภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ สตรีตั้งครรภ์และให้นมบุตร หรือผู้ที่วางแผนตั้งครรภ์ภายใน 6 เดือนหลังผ่าตัดก็ไม่ควรเข้ารับการรักษานี้ ท้ายที่สุด ผู้ที่เป็นโรคตาอื่นๆ เช่น ต้อกระจก ต้อหิน และผู้ติดเชื้อเอชไอวี ก็เป็นข้อห้ามในการทำ Femto LASIK เช่นเดียวกับการทำเลสิกทั่วไป หลังผ่าตัด FemtoLASIK ต้องพักฟื้นไหม? หลังจากรับการรักษาสายตาด้วย FemtoLASIK ผู้ป่วยจำเป็นต้องพักฟื้นประมาณ 2 - 3 วัน โดยในช่วงเวลานี้อาจมีอาการระคายตาและน้ำตาไหลบ่อยเกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการฟื้นตัวของดวงตาหลังการผ่าตัดด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ชั้นสูงนี้ FemtoLASIK แก้ไขปัญหาสายตาได้ถาวรไหม? การทำ FemtoLASIK คือนวัตกรรมการแก้ไขปัญหาสายตาที่มีอยู่เดิมให้กลับมาชัดเจนได้อย่างถาวร แต่ไม่สามารถยับยั้งการเสื่อมถอยของร่างกายตามธรรมชาติหรือปัญหาใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้น ผู้ที่ผ่านการทำ FemtoLASIK แล้วควรเข้าใจว่าการรักษานี้แก้ไขสภาพสายตาที่เป็นปัญหา ณ เวลาที่ทำการรักษาเท่านั้น ไม่ใช่วิธีป้องกันความเสื่อมของสายตาที่อาจเกิดขึ้นตามวัยในภายหลัง ทำ FemtoLASIK ราคาเท่าไร? การทำ FemtoLASIK ที่ Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) โดยทั่วไปมีค่าใช้จ่ายราคาเริ่มต้นประมาณ 118,000 บาท โดยจะมีค่าตรวจประเมินสภาพสายตาโดยละเอียดอีก 3,500 บาท สามารถตรวจสอบโปรโมชันเพิ่มเติมได้ที่นี่ อัตราค่าบริการตรวจและรักษาสายตาเป็นค่าบริการสำหรับการรักษา 2 ตาในวันเดียวกัน โดยค่าบริการรวมค่ายาและเวชภัณฑ์ที่ใช้ในการผ่าตัด และค่าบริการตรวจติดตามผลหลังการผ่าตัด 5 ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี (1 วัน 1 อาทิตย์ 1 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี) เท่านั้น ทำ FemtoLASIK ที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospital ดีอย่างไร หากต้องการรักษาปัญหาสายตาด้วยการทำ FemtoLASIK มาปรึกษาและรักษาได้ที่ Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) เพื่อการรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ด้วยจักษุแพทย์ผู้มากความรู้เกี่ยวกับดวงตาและทีมงานที่มีประสบการณ์ ด้วยจุดเด่นดังนี้   โรงพยาบาลมีจักษุแพทย์มากประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาการผิดปกติ และแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เทคโนโลยีสมัยใหม่สำหรับการรักษาดวงตา เครื่องมือได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อการรักษาดวงตาอย่างแม่นยำและปลอดภัย พร้อมให้การรักษาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ใส่ใจในการบริการ พร้อมบรรยากาศของโรงพยาบาลที่เป็นกันเอง สรุป FemtoLASIK คือนวัตกรรมการแก้ไขสายตาสั้น สายตายาวโดยกำเนิด และสายตาเอียงแบบไร้ใบมีด ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Femtosecond Laser ซึ่งช่วยแยกชั้นกระจกตาและปรับแต่งค่าสายตาด้วยความแม่นยำสูง ทำให้แผลสมานตัวเร็ว ใช้เวลาผ่าตัดน้อย และมีระยะฟื้นตัวสั้น ข้อดีที่สำคัญคือมีโอกาสเกิดตาแห้งและการติดเชื้อต่ำ ความเสี่ยงที่ฝากระจกตาจะเคลื่อนมีน้อย ทำให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขสายตา หากมีความผิดปกติของดวงตา มาเช็กสุขภาพตาอย่างละเอียดที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospitalโรงพยาบาลเฉพาะทางที่มีทีมแพทย์มากประสบการณ์ อุปกรณ์ที่ทันสมัย ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล มั่นใจได้ว่าการรักษาเป็นไปอย่างถูกต้อง แม่นยำ และปลอดภัย
calling
ติดต่อเรา : +662 511 2111