มุมสุขภาพตา : #NanoLASIK

เรียงตาม
ตาแห้งมีอาการอย่างไร วิธีรักษา ป้องกัน และนิสัยที่ช่วยลดอาการตาแห้ง
อาการตาแห้ง คือภาวะตาขาดความชุ่มชื้นเพราะการผลิตน้ำตาน้อยเกินไปหรือคุณภาพน้ำตาไม่ดี ทำให้เกิดอาการระคายเคืองและไม่สบายตาได้ ตาแห้งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น อายุที่มากขึ้นทำให้การผลิตน้ำตาน้อยลง การสวมใส่คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป การจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ รวมถึงผลข้างเคียงจากยาบางชนิด การรักษาตาแห้งทำได้หลายวิธี เช่น ยาหยอดตา น้ำตาเทียม การประคบอุ่น และการรักษาด้วยยาลดการอักเสบ รักษาอาการตาแห้งที่ Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ได้รับการดูแลจากจักษุแพทย์ พร้อมเทคโนโลยีทันสมัยและการรักษาที่เหมาะสมกับอาการ   ตาแห้งเป็นโรคที่ทำให้ตารู้สึกแห้งและระคายเคือง เนื่องจากการผลิตน้ำตาลดลงหรือคุณภาพของน้ำตาไม่ดีพอ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย หากดูแลอย่างถูกวิธี จะช่วยลดอาการและป้องกันภาวะตาแห้งในระยะยาว มาหาสาเหตุของอาการตาแห้ง วิธีรักษา รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้งได้ในบทความนี้     อาการตาแห้ง คืออะไร? ก่อนทำความรู้จักกับอาการตาแห้ง ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ‘น้ำตา’ กันก่อน โดยน้ำตามีความสำคัญต่อดวงตา เป็นตัวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างชัดเจน หล่อเลี้ยงเลี้ยงกระจกตาด้วยออกซิเจน และป้องกันการติดเชื้อและสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้ามาทำร้ายดวงตา ตาแห้ง เป็นอาการที่ปริมาณน้ำตาที่เข้ามาหล่อเลี้ยงผิวตามีไม่เพียงพอส่งผลให้ผิวตาอักเสบได้ โดยอาการของตาแห้งอาจเริ่มจากการแสบตา หรือรู้สึกระคายเคืองเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา รวมถึงอาจพบอาการตาแดง เจ็บ หรือมีการพร่ามัวที่ดีขึ้นเมื่อกะพริบตา นอกจากนี้ยังอาจรู้สึกฝืดๆ หนักๆ ที่ตา หรือลืมตาลำบาก และบางครั้งอาจมีอาการตาล้าหรือมีน้ำตาไหลมากผิดปกติ     ทำไมถึงมีอาการตาแห้งได้ ตาแห้งเป็นปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความสบายของดวงตาและการมองเห็น โดยเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานานเกินไป อาการภูมิแพ้ที่ตาซึ่งอาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่น ควัน หรือมลภาวะ อยู่ในที่ร้อน ลมแรง หรือความชื้นต่ำ ความผิดปกติของต่อมไขมันขอบตา การพบตัวไร (Demodex blepharitis) บริเวณโคนขนตา ซึ่งเกิดจากการอักเสบของต่อมน้ำตา การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้แพ้ ยาต้านซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิตบางชนิด ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล โดยเฉพาะในเพศหญิงที่อาจทำให้คุณภาพของน้ำตาลดลง     อาการตาแห้งเกิดจากอะไร มีปัจจัยอะไรบ้าง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการผลิตน้ำตาหรือการทำงานของต่อมน้ำตา หากมีลักษณะดังต่อไปนี้ จะทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ง่ายขึ้น สร้างน้ำตาได้น้อยกว่าปกติ  (Aqueous Tear Deficiency) กลุ่มคนที่มีความผิดปกติหรือปัจจัยที่ส่งผลให้สามารถสร้างน้ำตาได้น้อย ได้แก่   กลุ่มคนที่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome โรครูมาตอยด์ โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือภาวะที่ไม่พบสาเหตุชัดเจน เช่น Primary Sjogren’s Syndrome กลุ่มคนที่ไม่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome เช่น ต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติตั้งแต่เกิด โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง การแพ้ยารุนแรง หรือการอักเสบที่ทำให้ท่อน้ำตาตัน กลุ่มคนที่ฮอร์โมนเปลี่ยน มักพบในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ส่งผลให้การผลิตน้ำตาและสารคัดหลั่งอื่นๆ ในร่างกายลดลง การกินยาบางประเภท เช่น ยาแก้หวัด ยาแก้แพ้ ยาลดความดันโลหิต หรือยาคลายเครียดบางชนิด ที่มีสารกันเสียเป็นส่วนประกอบ อาจทำให้ตาแห้งมากขึ้น เนื่องจากสารเหล่านี้สามารถลดการผลิตน้ำตาได้ น้ำตาระเหยเร็ว (Evaporative Dry Eyes)  ปัจจัยที่ส่งผลให้การระเหยของน้ำตาเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ ได้แก่   ต่อมไขมันที่เปลือกตาทำงานผิดปกติ เปลือกตาอักเสบที่เกิดจากความผิดปกติของชั้นไขมัน จะทำให้การสร้างน้ำตาชั้นน้ำมันลดลง ซึ่งทำให้เกิดการระเหยของน้ำตาได้เร็วขึ้น ความผิดปกติของเปลือกตา การปิดตาไม่สนิทหรือการกะพริบตาน้อยผิดปกติ ซึ่งทำให้การกระจายน้ำตาผิดปกติ และเพิ่มการระเหยของน้ำตา โดนสารเคมีหรือแพ้ยารุนแรง การอักเสบของเยื่อบุตาอาจทำให้เกิดแผลเป็น ซึ่งส่งผลต่อการสร้างน้ำตาชั้นเมือกที่ติดกับกระจกตา ทำให้การสร้างน้ำตาผิดปกติ การใช้สายตามาก พบมากในวัยทำงานจากพฤติกรรมจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ โดยไม่ค่อยกะพริบตา และการใส่คอนแท็กต์เลนส์ที่ดูดน้ำออกจากดวงตา ทำให้การผลิตน้ำตาลดลงและน้ำตาระเหยเร็ว     วิธีรักษาหรือวิธีแก้โรคตาแห้ง วิธีรักษาโรคตาแห้งจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละบุคคล โดยใช้วิธีต่างๆ รวมทั้งการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ ดังนี้ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตาแห้ง ควรหลีกเลี่ยงการโดนลมแรง ฝุ่นควัน หรือแสงจ้า โดยการใส่แว่นกันแดดและแว่นกันลม เพื่อป้องกันสิ่งแวดล้อมที่อาจทำให้ตาแห้งขึ้น นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการใส่คอนแท็กต์เลนส์เป็นเวลานานๆ เพื่อไม่ให้สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงจากดวงตาที่อาจทำให้อาการตาแห้งแย่ลงได้ ใช้น้ำตาเทียม ในการรักษาอาการตาแห้ง น้ำตาเทียมเป็นตัวช่วยที่ดี โดยมี 2 ชนิดให้เลือกใช้ ได้แก่   น้ำตาเทียมที่มีสารกันเสีย ในรูปแบบขวด ควรใช้ไม่เกิน 4-5 ครั้งต่อวัน อาจแบ่งการใช้ยาเพิ่มน้ำตาตามช่วงเวลาของวัน เช่น เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน ซึ่งเหมาะสำหรับอาการตาแห้งที่ไม่รุนแรง น้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสีย แบบกระเปาะ เปิดแล้วมีอายุ 24 ชั่วโมง หรือขวดที่มีระบบวาล์วพิเศษใช้ได้นาน 6 เดือน ใช้บ่อยได้ตามต้องการ เช่น ทุก 1-2 ชั่วโมง เหมาะกับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง  ใช้ยาหยอดตาเพิ่มปริมาณน้ำตา มียาหยอดตาที่ช่วยเพิ่มน้ำตาและรักษาอาการตาแห้งได้ โดยแต่ละชนิดจะช่วยรักษาตามอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้   ยา Diquafosol ช่วยเพิ่มการสร้างน้ำตาชั้นเมือกและชั้นน้ำเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตาและลดอาการแห้ง ยาปฏิชีวนะ Doxycycline ยาลดการอักเสบของเปลือกตาช่วยลดการอักเสบและอาการระคายเคืองที่เกิดจากตาแห้ง ยากลุ่ม Steroids โดยยานี้ช่วยบรรเทาการอักเสบของผิวตาและลดอาการระคายเคืองที่เกิดจากการขาดน้ำตา ยา Cyclosporine ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressant) ชนิดหยอดตา ช่วยลดการอักเสบในตาและเพิ่มการผลิตน้ำตา โดยการปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยลดอาการตาแห้งได้ การทำความสะอาดเปลือกตา การทำความสะอาดเปลือกตาและประคบอุ่นด้วยแชมพูเด็กผสมเจือจางหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเปลือกตาช่วยลดการอุดตันของต่อมไขมันในเปลือกตา ทำให้ชั้นไขมันที่เคลือบน้ำตาทำงานได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันน้ำตาระเหยเร็วและลดอาการตาแห้ง ใช้ Autologous Serum การรักษาอาการตาแห้งชนิดรุนแรงโดยใช้สารที่ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อทำได้โดยการเจาะเลือดจากผู้ป่วยไปปั่นแยกเป็น Serum และนำมาหยอดร่วมกับการใช้น้ำตาเทียม ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบของเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ และส่งเสริมการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อให้กลับสู่สภาพปกติได้ดีขึ้น การอุดท่อระบายน้ำตาที่หัวตา (Punctal Plug) การรักษาอาการตาแห้งที่รุนแรงทำได้โดยการอุดช่องทางที่น้ำตาไหลออกจากตา (Punctum) ซึ่งมีทั้งชนิดอุดชั่วคราวและชนิดอุดถาวร โดยการใส่ Silicone Plug หรือ Punctal Cautery ซึ่งเป็นการจี้บริเวณช่องทางที่น้ำตาระบายออกจากตา วิธีนี้ช่วยให้ดวงตาเก็บน้ำตาไว้ได้นานขึ้น ลดการระเหยของน้ำตา และช่วยบรรเทาอาการตาแห้งได้ในกรณีที่อาการรุนแรงมาก     การปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้ง การป้องกันอาการตาแห้งทำได้ง่ายๆ ด้วยการปรับพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน ดังนี้    หยุดพักจากการใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือทุกๆ 20 นาที โดยการหลับตาสัก 20 วินาที หรือมองสิ่งที่อยู่ไกลประมาณ 20 ฟุต เพื่อให้ตาได้พักและผ่อนคลาย งดการใช้คอนแท็กต์เลนส์ต่อเนื่อง ควรสลับใส่แว่นในระหว่างวันเพื่อให้ดวงตาได้พัก ใช้งานคอมพิวเตอร์หรือมือถือในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อช่วยลดความเครียดของดวงตา เตือนตัวเองให้กะพริบตาบ่อยๆ เพื่อให้น้ำตาเคลือบตาและช่วยลดการระเหยของน้ำตา หากอยู่ในที่ที่มีอากาศแห้ง ร้อน หรือมีลมแรง ควรสวมแว่นกันแดดกันลมเพื่อปกป้องตาจากสภาพแวดล้อม กินอาหารที่ครบทุกหมู่ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ปลา หรืออาหารที่มีโอเมกา 3 ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบของตา  ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน สรุป ตาแห้งคืออาการที่น้ำตาผลิตไม่เพียงพอหรือระเหยเร็วเกินไป ทำให้ดวงตารู้สึกแห้ง ระคายเคือง และอาจเกิดการอักเสบได้ รักษาได้หลายวิธี เช่น ใช้น้ำตาเทียม ประคบอุ่น ใช้ยาเพื่อเพิ่มการสร้างน้ำตาหรือลดการอักเสบ และป้องกันตาแห้งได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ดวงตา รวมถึงการใช้ยาเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของดวงตา  สำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง รับการรักษาได้ที่ ศูนย์โรคจักษุประสาทวิทยา Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ซึ่งให้การดูแลปัญหาตาแห้งที่ส่งผลต่อการมองเห็นและระบบประสาท โดยจักษุแพทย์ในการวินิจฉัยและรักษาภาวะตาแห้งอย่างครบวงจร
อ่านเพิ่มเติม
ศูนย์เลสิก LASER VISION
เทคโนโลยีเลสิคขั้นสูงล่าสุดของ Laser Vision เพื่อการมองเห็นที่คมชัด
Laser Vision ซึ่งเป็นผู้นำด้านการรักษาด้วยเลเซอร์สายตามากว่า 25 ปีในประเทศไทย ขณะนี้ได้ขยายบริการเปิดเป็น Bangkok Eye Hospital พร้อมนำเทคโนโลยี AI และ Robotic ล่าสุดมาใช้ในการตรวจวินิจฉัยและรักษาปัญหาสุขภาพตาแบบครบวงจรในที่เดียว ขั้นตอนการรักษาด้วยเลเซอร์สายตาที่ Laser Vision ประกอบด้วย Comprehensive Eye Examination: เนื่องจากดวงตาและกระจกตาของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน เราจึงใช้ AI และเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุด เพื่อตรวจวิเคราะห์สุขภาพตา สภาพกระจกตา และปัญหาสายตาที่ต้องแก้ไขโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกตาและการหักเหแสงจะเป็นผู้ตรวจวินิจฉัยด้วยตนเอง และจะอนุญาตให้รักษาด้วยเลเซอร์เฉพาะในกรณีที่ดวงตาและกระจกตาอยู่ในสภาพที่ปลอดภัย หากพบว่าไม่เหมาะสมกับการรักษาด้วยเลเซอร์ เรามีทางเลือกการรักษาอื่นๆ ที่เหมาะสมกับสภาพดวงตา หรือในกรณีที่ตรวจพบปัญหาสุขภาพตาอื่นๆ ท่านสามารถรับการรักษาจากจักษุแพทย์เฉพาะทางสาขาอื่นๆ ได้ทันทีที่นี่ วิธีการรักษาสายตาด้วยเลเซอร์ ผลลัพธ์ของการรักษาด้วยเลเซอร์ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพตา วิธีการ และเทคโนโลยีที่ใช้ ที่ Laser Vision เรามีเทคโนโลยีการรักษาด้วยเลเซอร์ที่ทันสมัยที่สุด 2 ชนิด คือ NanoRelex และ NanoLASIK ซึ่งเป็นเทคนิคแบบ Bladeless Technique ที่ไม่ต้องใช้ใบมีด ท่านสามารถเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพกระจกตาและปัญหาสายตาได้ ✅NanoRelex: เป็นเทคนิค SMILE ที่ไม่ต้องเปิดแผลที่กระจกตา มีหลักการทำงานคล้ายกับ ReLExSMILE แต่ใช้เทคโนโลยีที่แตกต่าง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่คมชัดยิ่งขึ้น ✅NanoLASIK: เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าสายตาสูง หรือกระจกตาบาง เป็นเทคนิคที่เปิดแผลที่กระจกตาเป็นรูปตัว C เพื่อรักษาด้วยเลเซอร์ ช่วยแก้ไขค่าสายตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีขั้นสูงใน NanoRelex และ NanoLASIK ทั้ง NanoRelex และ NanoLASIK ใช้ Ziemer FemtoLDV Platform จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีข้อดีดังนี้ 👁️‍🗨️Nanojoules-powered Femtosecond Laser: ใช้พลังงานต่ำที่สุดในบรรดาเลเซอร์ Femtosecond 👁️‍🗨️AI Technology: ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการรักษา และให้ผลลัพธ์ที่คมชัดยิ่งขึ้น 👁️‍🗨️Real-Time OCT Scan: ช่วยให้แพทย์เห็นข้อมูลสำคัญแบบเรียลไทม์ เพื่อปรับการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ลดโอกาสการเกิดแสงฟุ้งกระจายหลังผ่าตัด เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะตาแห้ง แสงฟุ้งกระจาย และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ฟื้นตัวเร็วขึ้น AI ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการรักษา และให้ผลลัพธ์ที่คมชัดยิ่งขึ้น ทำไมต้องเลือก Bangkok Eye Hospital? ℹ️ก่อตั้งและบริหารงานโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกตาและการหักเหแสง ที่มีประสบการณ์มากกว่า 26 ปีในประเทศไทย ให้บริการรักษาโรคตาแบบครบวงจร ทั้ง LASIK, ต้อกระจก, ต้อหิน, จอประสาทตา, ศัลยกรรมตกแต่งเปลือกตา และโรคทางระบบประสาทตา ℹ️มีประสบการณ์รักษาด้วยเลเซอร์มากกว่า 90,000 เคส รวมถึงเคสที่ซับซ้อน มั่นใจได้ในความปลอดภัย ℹ️ใช้เทคโนโลยี AI และ Robotic ล่าสุด ช่วยให้การตรวจวินิจฉัยรวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ℹ️มีที่ปรึกษาชาวเมียนมาร์คอยให้คำแนะนำ และดูแลตลอดการรักษา (โดยไม่มีค่าใช้จ่าย) เพื่อให้คนไข้ชาวเมียนมาร์ได้รับความสะดวกสบาย ℹ️ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีคนไข้ชาวเมียนมาร์กว่า 400 คน ที่เข้ารับการรักษาด้วย NanoRelex และ NanoLASIK และมีคนไข้จำนวนมากที่เข้ารับการรักษาโรคตาอื่นๆ "เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการมองเห็น นัดหมายวันนี้" ติดต่อ 📲Viber, Whatsapp (In-House Myanmar Consultant): +66965426179 🗨️ส่งข้อความ: https://bit.ly/laservisionmyanmarofficialpage
ศูนย์เลสิก LASER VISION
เตรียมตัวก่อนทำเลสิก NanoRelex ต้องทำอย่างไรบ้าง
เตรียมตัวก่อนทำเลสิก NanoRelex ต้องทำอย่างไรบ้าง ใครที่กำลังสนใจทำเลสิกด้วยเทคโนโลยี NanoRelex ของทาง Laser Vision อยู่ละก็ทางมาอ่านบทความนี้ได้เลย    เพราะ Laser Vision ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดในการเตรียมตัวก่อนทำเลสิกมาให้คุณไว้แล้ว มาดูสิว่าต้องทำอย่างไรบ้าง   อย่างแรก เดินทางมาที่คลินิก Laser Vision เพื่อพบ และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยดวงตา สุขภาพตาว่ามีลักษณะแบบไหน ปัจจุบันสายตาคุณเป็นอย่างไร เพื่อรับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงจะได้สอบถามข้อมูลต่าง ๆ  และทำความเข้าใจถึงขั้นตอนการทำเลสิกทั้งหมดจากแพทย์ได้เลย   ต่อมาการเตรียมตัวก่อนวันมาทำเลสิก NanoRelex ที่เป็นส่วนที่สำคัญมาก ๆ เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพักผ่อนก่อนวันทำเลสิกที่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนวันที่มาทำเลสิก เพื่อให้สายตาได้พักผ่อนเต็มที่ ต่อมางดใส่คอนแทคเลนส์อย่างน้อย 7 - 14 วันก่อนวันทำเลสิก งดดื่มแอลกอฮอล์ งดฉีดน้ำหอมและก็ไม่ควรแต่งหน้าในวันที่มาทำเลสิกด้วยนะ และอื่นๆ ตามคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ   อย่างที่สาม ไม่ควรขับรถยนต์มาเอง ควรพาคนในครอบครัว ญาติ เพื่อน ที่สามารถขับรถยนต์มาด้วย เนื่องจากหลังทำเลสิกเสร็จสายตาของคุณจะยังไม่พร้อมใช้งานได้ทันที ต้องมีการใส่ที่ครอบดวงตาเพื่อป้องกันเชื้อโรค ฝุ่น แสงแดด รวมถึงมือของเราที่อาจจะไปสัมผัสโดนบริเวณรอบดวงตานั้นเอง ดังนั้นจึงทำให้ไม่สามารถขับรถยนต์กลับบ้านเองได้     Laser Vision เชื่อว่าเพื่อนๆ เข้าใจเรื่องการเตรียมตัวก่อนทำเลสิกแบบ NanoRelex และบอกเลยว่าไม่ยาก ไม่วุ่นวายแน่นอน หากมีข้อมูล หรือคำถามตรงไหนสามารถโทรสอบถาม Laser Vision ได้เลยนะ      
ศูนย์เลสิก LASER VISION
ทำไมทุกคนถึงเลือก NanoRelex
ทำไมทุกคนถึงเลือก NanoRelex สำหรับคนที่กำลังมองหาการทำเลสิกอยู่ตอนนี้ มักจะเจอโพสต์เกี่ยวกับ NanoRelex ขึ้นมาในหน้า Facebook หรือช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ อยู่บ่อย ๆ แน่เลย โดยเฉพาะ NanoRelex ของ Laser Vision    ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้คนมากมายไม่ว่าจะเป็นคนมีชื่อเสียง คนทั่วไป  จนหลายคนเกิดสงสัยว่า ทำไมทุกคนถึงทำเลสิกด้วยเทคโนโลยี NanoRelex ของ Laser Vision กันนะ วันนี้เราจะบอกทุกคนให้รู้เอง   1.NanoRelex นั้นมีประสิทธิภาพ และ คุณภาพสูง ซึ่งช่วยลดขั้นตอนการทำงานในการผ่าตัด เนื่องจากเทคโนโลยีตัวนี้มีความแม่นยำ และความปลอดภัยที่สูงมาก ลดระยะเวลาและช่วยให้คุณมองเห็นโลกที่สดใสขึ้นเพียงไม่กี่วินาที   2.การฟื้นฟูที่รวดเร็วหลังจากทำเลสิกด้วยเทคโนโลยี NanoRelex  ช่วยให้กระบวนการฟื้นตาจากการทำเลสิกเป็นเรื่องรวดเร็วมากขึ้นในระยะเวลาเพียง 1 วัน ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้รับบริการสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ทำให้การทำเลสิกแบบ NanoRelex ช่วยเรื่องของการประหยัดเวลาได้อย่างดีเยี่ยม   3.ความคุ้มค่าของสุขภาพตา ซึ่งที่ผ่านมาผู้รับบริการมองว่าการทำเลสิกด้วยเทคโนโลยี NanoRelex มีค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า และสมเหตุสมผลมากๆ เมื่อเทียบกับการรักษาตาอื่น ๆ ในระยะยาว   4.สุดท้าย… ผู้ที่เข้ามารับบริการไม่ต้องใช้แว่นตาและคอนแทคเลนส์อีกต่อไป โดยข้อ นี้ถือเป็นเหตุผลหลักหลายคนเลือกการทำเลสิกด้วยเทคโนโลยี NanoRelex เพื่อกลับมามีสายตาที่ดีโดยไม่ต้องใช้แว่นตา และคอนแทคเลนส์อีกต่อไป   ดังนั้นหากใครกำลังพิจารณาเรื่องการทำเลสิกอยู่ตอนนี้ Laser Vision แนะนำว่าควรทำ! เพราะเรื่องสุขภาพตาเรานั้นเป็นสิ่งที่คุ้มค่าต่อการลงทุน  โดนเฉพาะ NanoRelex ของ Laser vision ที่มีเพียบพร้อมด้านเทคโนโลยีการทำเลสิก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การบริการที่ละเอียดรอบคอบ และใส่ใจทุกรายละเอียด  หากคุณต้องได้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองแล้ว รับรองว่าจะได้เห็นโลกชัดขึ้นต่างจากเดิมแน่นอน  
ศูนย์เลสิก LASER VISION
ใส่แว่นแล้วปวดตา เกิดจากสาเหตุอะไร
ใส่แว่นแล้วปวดตา เกิดจากสาเหตุอะไร เพื่อนๆ ที่ใส่แว่นตาแล้วมีอาการปวดตา จนถึงขั้นปวดหัวหนักกันเลยนั้น หลายคนคงคิดว่าเกิดจากการทำงานหนักนั้นก็เป็นหนึ่งปัจจัยที่ถูกส่วนหนึ่ง แต่เพื่อนๆ อาจจะมองข้ามสิ่งสำคัญ สิ่งนั้นก็คือ “แว่นตา”   วันนี้ Laser Vision จะมาบอกให้ว่าทำไมใส่แว่นตาแล้วรู้สึกปวดตา   1. สภาพของแว่นตา : แน่นอนว่าสภาพแว่นตามีผลกับการมองเห็นของคุณ บางคนคุณภาพแว่นไม่ได้ดีเหมือนเดิม หรือเสื่อมสภาพตามการใช้งาน ทำให้คุณภาพของเลนส์แว่นเสื่อมสภาพ รวมถึงกรอบแว่น ขาแว่นที่ใส่แล้วหลวม ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่อสายตาทำให้เวลาใส่แว่นตาแล้วรู้สึกปวดตา   2. นอกจากนี้การเลือกใช้เลนส์แว่นตาไม่เหมาะสมกับสายตาก็เป็นอีกสาเหตุ เช่น ใส่เลนส์แว่นที่น้อยกว่าค่าสายตา หรือมากกว่าค่าสาย รวมถึงคุณภาพของเลนส์ของแต่ละยี่ห้อก็สำคัญ การเลือกเลนส์ที่เหมาะสมและดีส่งผลต่อการมองเห็นและสุขภาพตาเต็มๆ   3. อีกสิ่งที่ลืมไม่ได้คือ อาการผิดปกติที่สายตา ดังนั้นคุณควรไปตรวจสุขภาพตาประจำปีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร หรือใช้งานผิดวิธีไหม และรับคำแนะนำมาเพื่อจะได้นำมาปรับใช้  แต่ถ้าไม่อยากปวดตาจากการใส่แว่นแล้วละก็ Laser Vision แนะนำการทำเลสิกด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุด NanoRelex ที่มาพร้อมความแม่นยำ และความปลอดภัยสูงสุด ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที โลกที่คุณมองเห็นจะดีขึ้นแน่นอน     4. แต่ที่สำคัญเลยมาก ๆ ก็คือ การตรวจสุขภาพตาประจำปี  โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีปัญหาเรื่องสายตาเช่น คนใส่แว่น สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง และอื่นๆ ที่ต้องตรวจสุขภาพตาสม่ำเสมอเพื่อให้เรารู้ว่าเป็นอย่างไร เราใช้งานหนักและผิดวิธีไหม เพราะสุขภาพตาเป็นเรื่องที่ไม่ควรเสี่ยง   ส่วนใครไม่อยากใส่แว่น หรือไม่อยากกังวลกับการใช้แว่นแล้วเกิดปัญหา Laser Vision มีทางออก อย่างการทำเลสิกด้วยเทคโนโลยี NanoRelex ที่ทันสมัยที่สุดในเวลานี้ ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที โลกคุณจะสดใสขึ้นกว่าเดิม
ศูนย์เลสิก LASER VISION
ลงทุนสุขภาพตาสักครั้ง ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นด้วย NanoRelex
ลงทุนสุขภาพตาสักครั้ง ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นด้วย NanoRelex หลายคนที่กำลังลังเล และตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำเลสิกดีไหม? Laser Vision อยากบอกว่าเรื่องสุขภาพของดวงตาทุกคนคุ้มค่าต่อการลงทุนอย่างแน่นอน      โดยเฉพาะการทำเลสิกด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในเวลานี้อย่าง NanoRelex มาดูกันว่าทำไมการทำเลสิกแบบ NanoRelex ถุงทำให้คุณรู้สึกว่าคุ้มค่าต่อการลงทุนเรื่องสุขภาพตากัน เห็นผลลัพธ์ทันที หลังจากการทำเลสิก ผู้รับบริการทุกคนสามารถเห็นผลลัพธ์ทันที และสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันทีโดยไม่ต้องรอนาน ที่สำคัญแผลหายได้ในเวลาเพียง 1 วัน   1. ไม่ต้องใช้แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์อีกต่อไป ซึ่งเลสิกช่วยปรับปรุงสายตาในรูปแบบที่ไม่ต้องใช้แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์อีกต่อไป ซึ่งช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องหาแว่นตาตอนหาไม่เจอ หรือดูแลคอนแทคเลนส์ทุกครั้ง หรือต้องยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ   2. ประหยัดเวลาและคุ้มค่าทุกการใช้จ่าย การทำเลสิกช่วยประหยัดเวลาในการดูแลสายตาและลดค่าใช้จ่ายในการซื้อแว่นตาใหม่ทุก ๆ ปี หรือ 2 ปี หรือคอนแทคเลนส์ในระยะยาว   นอกจากนี้ยังส่งผลต่อสุขภาพใจ ทำให้รู้สึกมีความมั่นใจ สามารถออกไปใช้ชีวิตได้ไร้กังวล ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย เล่นฟุตบอลกับเพื่อนโดยที่ไม่ต้องถอดแว่นเล่น    แน่นอนว่าทั้งหมดนี้คุณอาจไม่เข้าใจทั้งหมด ดังนั้น Laser Vision อยากให้ทุกคนมาพบกับสิ่งที่คุ้มค่าต่อการลงทุนอย่างการทำเลสิกด้วยเทคโนโลยี NanoRelex ที่ล้ำหน้า และทันสมัยที่สุดในตอนนี้ เพื่อช่วยให้คุณมองเห็นโลกที่สดใส และมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าที่เคยเป็น  
ศูนย์รักษาต้อกระจก
ศูนย์เลสิก LASER VISION
ศูนย์รักษากระจกตา
โรคเกี่ยวกับดวงตาที่มีโอกาสเกิดกับพนักงานออฟฟิศ
โรคเกี่ยวกับดวงตาที่มีโอกาสเกิดกับพนักงานออฟฟิศ ไหนใครบ้างที่ทำงานอยู่หน้าจอคอมนานๆ บ้าง Laser Vision เชื่อว่ามีเยอะแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ๆ ที่เป็น Graphic Designer , Developer, Editor และอาชีพอื่นๆ ปัญหาที่มักจะเกิดตามมาก็คือสายตาล้า อ่อนเพลีย และบางคนก็คิดว่าไม่เป็นไร นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ โรคเกี่ยวกับดวงตา ดังนั้น Laser Vision จะมาบอกให้ฟังเองว่าโรคเกี่ยวกับดวงตาที่อาจเกิดขึ้นกับพนักงานออฟฟิศมีโรคอะไรบ้าง   1. โรคตาสัมผัส หรือตาแห้ง เกิดจากการใช้สายตาติดต่อกันเป็นเวลานานๆ อย่างเช่น นั่งทำงานอยู่หน้าจอคอม ส่งผลให้เรารู้สึกคัน ระคายตาเหมือนมีอะไรติดอยู่ และเริ่มมีอาการแพ้แสง และลม บางครั้งมีอาการตามัวด้วย   2. ต้อกระจกตาเป็นพิษ ปกติจะพบได้กลุ่มผู้สูงวัย แต่กลุ่มพนักงานออฟฟิศก็สามารถเกิดได้เช่นกัน ช่วงแรกจะรู้สึกตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน ตอนขับรถเวลากลางคืนเห็นแสงกระจาย และอื่นๆ   3. โรคจอประสาทเสื่อม โรคนี้มักพบได้ง่ายในกลุ่มผู้สูงอายุ แต่แน่นว่าพนักงานออฟฟิศก็มีโอกาสเช่นกัน เพราะเกิดจากการใช้สายตาหนัก และเกิดจากการสูบบุหรี่ ช่วงแรกของอาการอาจไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นควรหมั่นตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกปี   4. โรคซีวีเอส หรือชื่อเต็มๆ ก็คือ คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม เป็นโรคที่พบได้ง่ายในกลุ่มที่ใช้งานคอมพิวเตอร์นานๆ แต่ละคนก็จะแสดงอาการมากน้อยแต่ต่างกันออกไป ช่วงแรกจะเริ่มมีอาการแพ้แสง ปวดกระบอกตา ตาแห้ง หรือตาพร่ามัว   ทั้งหมดนี้ก็เป็นโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่เป็นพนักงานออฟฟิศ ดังนั้นอย่าลืมดูแลสุขภาพตา พักสายตาระหว่างทำงานทุกๆ ชั่วโมง ไม่ใช้โทรศัพท์ให้ห้องมืดๆ ออกกำลังกาย ทานของที่มีประโยชน์ก็ช่วยให้สุขภาพตาเราดีได้นะ    
calling
ติดต่อเรา : +662 511 2111