มุมสุขภาพตา : #Bangkok

เรียงตาม

ตาแห้งมีอาการอย่างไร วิธีรักษา ป้องกัน และนิสัยที่ช่วยลดอาการตาแห้ง

อาการตาแห้ง คือภาวะตาขาดความชุ่มชื้นเพราะการผลิตน้ำตาน้อยเกินไปหรือคุณภาพน้ำตาไม่ดี ทำให้เกิดอาการระคายเคืองและไม่สบายตาได้ ตาแห้งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น อายุที่มากขึ้นทำให้การผลิตน้ำตาน้อยลง การสวมใส่คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป การจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ รวมถึงผลข้างเคียงจากยาบางชนิด การรักษาตาแห้งทำได้หลายวิธี เช่น ยาหยอดตา น้ำตาเทียม การประคบอุ่น และการรักษาด้วยยาลดการอักเสบ รักษาอาการตาแห้งที่ Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ได้รับการดูแลจากจักษุแพทย์ พร้อมเทคโนโลยีทันสมัยและการรักษาที่เหมาะสมกับอาการ   ตาแห้งเป็นโรคที่ทำให้ตารู้สึกแห้งและระคายเคือง เนื่องจากการผลิตน้ำตาลดลงหรือคุณภาพของน้ำตาไม่ดีพอ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย หากดูแลอย่างถูกวิธี จะช่วยลดอาการและป้องกันภาวะตาแห้งในระยะยาว มาหาสาเหตุของอาการตาแห้ง วิธีรักษา รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้งได้ในบทความนี้     อาการตาแห้ง คืออะไร? ก่อนทำความรู้จักกับอาการตาแห้ง ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ‘น้ำตา’ กันก่อน โดยน้ำตามีความสำคัญต่อดวงตา เป็นตัวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างชัดเจน หล่อเลี้ยงเลี้ยงกระจกตาด้วยออกซิเจน และป้องกันการติดเชื้อและสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้ามาทำร้ายดวงตา ตาแห้ง เป็นอาการที่ปริมาณน้ำตาที่เข้ามาหล่อเลี้ยงผิวตามีไม่เพียงพอส่งผลให้ผิวตาอักเสบได้ โดยอาการของตาแห้งอาจเริ่มจากการแสบตา หรือรู้สึกระคายเคืองเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา รวมถึงอาจพบอาการตาแดง เจ็บ หรือมีการพร่ามัวที่ดีขึ้นเมื่อกะพริบตา นอกจากนี้ยังอาจรู้สึกฝืดๆ หนักๆ ที่ตา หรือลืมตาลำบาก และบางครั้งอาจมีอาการตาล้าหรือมีน้ำตาไหลมากผิดปกติ     ทำไมถึงมีอาการตาแห้งได้ ตาแห้งเป็นปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความสบายของดวงตาและการมองเห็น โดยเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานานเกินไป อาการภูมิแพ้ที่ตาซึ่งอาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่น ควัน หรือมลภาวะ อยู่ในที่ร้อน ลมแรง หรือความชื้นต่ำ ความผิดปกติของต่อมไขมันขอบตา การพบตัวไร (Demodex blepharitis) บริเวณโคนขนตา ซึ่งเกิดจากการอักเสบของต่อมน้ำตา การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้แพ้ ยาต้านซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิตบางชนิด ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล โดยเฉพาะในเพศหญิงที่อาจทำให้คุณภาพของน้ำตาลดลง     อาการตาแห้งเกิดจากอะไร มีปัจจัยอะไรบ้าง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการผลิตน้ำตาหรือการทำงานของต่อมน้ำตา หากมีลักษณะดังต่อไปนี้ จะทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ง่ายขึ้น สร้างน้ำตาได้น้อยกว่าปกติ  (Aqueous Tear Deficiency) กลุ่มคนที่มีความผิดปกติหรือปัจจัยที่ส่งผลให้สามารถสร้างน้ำตาได้น้อย ได้แก่   กลุ่มคนที่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome โรครูมาตอยด์ โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือภาวะที่ไม่พบสาเหตุชัดเจน เช่น Primary Sjogren’s Syndrome กลุ่มคนที่ไม่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome เช่น ต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติตั้งแต่เกิด โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง การแพ้ยารุนแรง หรือการอักเสบที่ทำให้ท่อน้ำตาตัน กลุ่มคนที่ฮอร์โมนเปลี่ยน มักพบในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ส่งผลให้การผลิตน้ำตาและสารคัดหลั่งอื่นๆ ในร่างกายลดลง การกินยาบางประเภท เช่น ยาแก้หวัด ยาแก้แพ้ ยาลดความดันโลหิต หรือยาคลายเครียดบางชนิด ที่มีสารกันเสียเป็นส่วนประกอบ อาจทำให้ตาแห้งมากขึ้น เนื่องจากสารเหล่านี้สามารถลดการผลิตน้ำตาได้ น้ำตาระเหยเร็ว (Evaporative Dry Eyes)  ปัจจัยที่ส่งผลให้การระเหยของน้ำตาเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ ได้แก่   ต่อมไขมันที่เปลือกตาทำงานผิดปกติ เปลือกตาอักเสบที่เกิดจากความผิดปกติของชั้นไขมัน จะทำให้การสร้างน้ำตาชั้นน้ำมันลดลง ซึ่งทำให้เกิดการระเหยของน้ำตาได้เร็วขึ้น ความผิดปกติของเปลือกตา การปิดตาไม่สนิทหรือการกะพริบตาน้อยผิดปกติ ซึ่งทำให้การกระจายน้ำตาผิดปกติ และเพิ่มการระเหยของน้ำตา โดนสารเคมีหรือแพ้ยารุนแรง การอักเสบของเยื่อบุตาอาจทำให้เกิดแผลเป็น ซึ่งส่งผลต่อการสร้างน้ำตาชั้นเมือกที่ติดกับกระจกตา ทำให้การสร้างน้ำตาผิดปกติ การใช้สายตามาก พบมากในวัยทำงานจากพฤติกรรมจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ โดยไม่ค่อยกะพริบตา และการใส่คอนแท็กต์เลนส์ที่ดูดน้ำออกจากดวงตา ทำให้การผลิตน้ำตาลดลงและน้ำตาระเหยเร็ว     วิธีรักษาหรือวิธีแก้โรคตาแห้ง วิธีรักษาโรคตาแห้งจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละบุคคล โดยใช้วิธีต่างๆ รวมทั้งการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ ดังนี้ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตาแห้ง ควรหลีกเลี่ยงการโดนลมแรง ฝุ่นควัน หรือแสงจ้า โดยการใส่แว่นกันแดดและแว่นกันลม เพื่อป้องกันสิ่งแวดล้อมที่อาจทำให้ตาแห้งขึ้น นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการใส่คอนแท็กต์เลนส์เป็นเวลานานๆ เพื่อไม่ให้สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงจากดวงตาที่อาจทำให้อาการตาแห้งแย่ลงได้ ใช้น้ำตาเทียม ในการรักษาอาการตาแห้ง น้ำตาเทียมเป็นตัวช่วยที่ดี โดยมี 2 ชนิดให้เลือกใช้ ได้แก่   น้ำตาเทียมที่มีสารกันเสีย ในรูปแบบขวด ควรใช้ไม่เกิน 4-5 ครั้งต่อวัน อาจแบ่งการใช้ยาเพิ่มน้ำตาตามช่วงเวลาของวัน เช่น เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน ซึ่งเหมาะสำหรับอาการตาแห้งที่ไม่รุนแรง น้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสีย แบบกระเปาะ เปิดแล้วมีอายุ 24 ชั่วโมง หรือขวดที่มีระบบวาล์วพิเศษใช้ได้นาน 6 เดือน ใช้บ่อยได้ตามต้องการ เช่น ทุก 1-2 ชั่วโมง เหมาะกับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง  ใช้ยาหยอดตาเพิ่มปริมาณน้ำตา มียาหยอดตาที่ช่วยเพิ่มน้ำตาและรักษาอาการตาแห้งได้ โดยแต่ละชนิดจะช่วยรักษาตามอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้   ยา Diquafosol ช่วยเพิ่มการสร้างน้ำตาชั้นเมือกและชั้นน้ำเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตาและลดอาการแห้ง ยาปฏิชีวนะ Doxycycline ยาลดการอักเสบของเปลือกตาช่วยลดการอักเสบและอาการระคายเคืองที่เกิดจากตาแห้ง ยากลุ่ม Steroids โดยยานี้ช่วยบรรเทาการอักเสบของผิวตาและลดอาการระคายเคืองที่เกิดจากการขาดน้ำตา ยา Cyclosporine ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressant) ชนิดหยอดตา ช่วยลดการอักเสบในตาและเพิ่มการผลิตน้ำตา โดยการปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยลดอาการตาแห้งได้ การทำความสะอาดเปลือกตา การทำความสะอาดเปลือกตาและประคบอุ่นด้วยแชมพูเด็กผสมเจือจางหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเปลือกตาช่วยลดการอุดตันของต่อมไขมันในเปลือกตา ทำให้ชั้นไขมันที่เคลือบน้ำตาทำงานได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันน้ำตาระเหยเร็วและลดอาการตาแห้ง ใช้ Autologous Serum การรักษาอาการตาแห้งชนิดรุนแรงโดยใช้สารที่ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อทำได้โดยการเจาะเลือดจากผู้ป่วยไปปั่นแยกเป็น Serum และนำมาหยอดร่วมกับการใช้น้ำตาเทียม ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบของเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ และส่งเสริมการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อให้กลับสู่สภาพปกติได้ดีขึ้น การอุดท่อระบายน้ำตาที่หัวตา (Punctal Plug) การรักษาอาการตาแห้งที่รุนแรงทำได้โดยการอุดช่องทางที่น้ำตาไหลออกจากตา (Punctum) ซึ่งมีทั้งชนิดอุดชั่วคราวและชนิดอุดถาวร โดยการใส่ Silicone Plug หรือ Punctal Cautery ซึ่งเป็นการจี้บริเวณช่องทางที่น้ำตาระบายออกจากตา วิธีนี้ช่วยให้ดวงตาเก็บน้ำตาไว้ได้นานขึ้น ลดการระเหยของน้ำตา และช่วยบรรเทาอาการตาแห้งได้ในกรณีที่อาการรุนแรงมาก     การปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้ง การป้องกันอาการตาแห้งทำได้ง่ายๆ ด้วยการปรับพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน ดังนี้    หยุดพักจากการใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือทุกๆ 20 นาที โดยการหลับตาสัก 20 วินาที หรือมองสิ่งที่อยู่ไกลประมาณ 20 ฟุต เพื่อให้ตาได้พักและผ่อนคลาย งดการใช้คอนแท็กต์เลนส์ต่อเนื่อง ควรสลับใส่แว่นในระหว่างวันเพื่อให้ดวงตาได้พัก ใช้งานคอมพิวเตอร์หรือมือถือในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อช่วยลดความเครียดของดวงตา เตือนตัวเองให้กะพริบตาบ่อยๆ เพื่อให้น้ำตาเคลือบตาและช่วยลดการระเหยของน้ำตา หากอยู่ในที่ที่มีอากาศแห้ง ร้อน หรือมีลมแรง ควรสวมแว่นกันแดดกันลมเพื่อปกป้องตาจากสภาพแวดล้อม กินอาหารที่ครบทุกหมู่ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ปลา หรืออาหารที่มีโอเมกา 3 ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบของตา  ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน สรุป ตาแห้งคืออาการที่น้ำตาผลิตไม่เพียงพอหรือระเหยเร็วเกินไป ทำให้ดวงตารู้สึกแห้ง ระคายเคือง และอาจเกิดการอักเสบได้ รักษาได้หลายวิธี เช่น ใช้น้ำตาเทียม ประคบอุ่น ใช้ยาเพื่อเพิ่มการสร้างน้ำตาหรือลดการอักเสบ และป้องกันตาแห้งได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ดวงตา รวมถึงการใช้ยาเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของดวงตา  สำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง รับการรักษาได้ที่ ศูนย์โรคจักษุประสาทวิทยา Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ซึ่งให้การดูแลปัญหาตาแห้งที่ส่งผลต่อการมองเห็นและระบบประสาท โดยจักษุแพทย์ในการวินิจฉัยและรักษาภาวะตาแห้งอย่างครบวงจร
อ่านเพิ่มเติม
ศูนย์รักษาต้อหิน

อย่าปล่อยให้ต้อหินมาคุกคามดวงตาของคุณ! |โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ

อย่าปล่อยให้ต้อหินมาคุกคามดวงตาของคุณ!   ต้อหิน เป็นภัยเงียบที่คุกคามดวงตาของเรา หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน การตรวจวินิจฉัยต้อหินมีความแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น ที่ศูนย์รักษาโรคต้อหิน โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ เราพร้อมมอบการดูแลรักษาด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อปกป้องดวงตาของคุณจากภัยร้ายนี้   เทคโนโลยีในการตรวจวินิจฉัยต้อหิน •  Heidelberg Spectralis OCT : เทคโนโลยีเลเซอร์สแกนขั้วประสาทตา สร้างภาพ 3 มิติ วิเคราะห์ความผิดปกติของขั้วประสาทตา วิเคราะห์ความเสียหายของเส้นใยประสาทตาจากต้อหินได้อย่างแม่นยำ ติดตามการเปลี่ยนแปลงของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตรวจพบต้อหินได้แม้ในระยะเริ่มต้น     •  Humphrey Field Analyzer 3 (Visual Field Test) : การตรวจวัดลานสายตา   ประเมินขอบเขตการมองเห็นของผู้ป่วย ตรวจหาจุดบอดในลานสายตา ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงโรคต้อหิน   •  Ultra-Widefield Fundus Photography : การถ่ายภาพจอประสาทตา บันทึกภาพสีของจอประสาทตา ช่วยในการวินิจฉัย ติดตาม และประเมินผลการรักษา   ทำไมต้องเลือกศูนย์รักษาโรคต้อหิน โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ? ทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ : เรามีทีมจักษุแพทย์เฉพาะทางด้านต้อหิน ผู้มากประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษา วินิจฉัย และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เทคโนโลยีที่ทันสมัย : ศูนย์ฯ ของเราพร้อมด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ครบครัน ช่วยในการวินิจฉัยโรคต้อหินได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ บริการที่ครบวงจร : เรามีบริการตรวจวินิจฉัย รักษา และติดตามผลโรคต้อหินอย่างครบวงจร ในสถานที่เดียว   หากคุณมีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคต้อหิน เช่น อายุมากกว่า 40 ปี มีประวัติครอบครัวเป็นต้อหิน เป็นโรคเบาหวาน หรือใช้ยา Steroid เป็นประจำ ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกปี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-511-2111
ศูนย์เลสิก LASER VISION

เทคโนโลยีเลสิคขั้นสูงล่าสุดของ Laser Vision เพื่อการมองเห็นที่คมชัด

Laser Vision ซึ่งเป็นผู้นำด้านการรักษาด้วยเลเซอร์สายตามากว่า 25 ปีในประเทศไทย ขณะนี้ได้ขยายบริการเปิดเป็น Bangkok Eye Hospital พร้อมนำเทคโนโลยี AI และ Robotic ล่าสุดมาใช้ในการตรวจวินิจฉัยและรักษาปัญหาสุขภาพตาแบบครบวงจรในที่เดียว ขั้นตอนการรักษาด้วยเลเซอร์สายตาที่ Laser Vision ประกอบด้วย Comprehensive Eye Examination: เนื่องจากดวงตาและกระจกตาของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน เราจึงใช้ AI และเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุด เพื่อตรวจวิเคราะห์สุขภาพตา สภาพกระจกตา และปัญหาสายตาที่ต้องแก้ไขโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกตาและการหักเหแสงจะเป็นผู้ตรวจวินิจฉัยด้วยตนเอง และจะอนุญาตให้รักษาด้วยเลเซอร์เฉพาะในกรณีที่ดวงตาและกระจกตาอยู่ในสภาพที่ปลอดภัย หากพบว่าไม่เหมาะสมกับการรักษาด้วยเลเซอร์ เรามีทางเลือกการรักษาอื่นๆ ที่เหมาะสมกับสภาพดวงตา หรือในกรณีที่ตรวจพบปัญหาสุขภาพตาอื่นๆ ท่านสามารถรับการรักษาจากจักษุแพทย์เฉพาะทางสาขาอื่นๆ ได้ทันทีที่นี่ วิธีการรักษาสายตาด้วยเลเซอร์ ผลลัพธ์ของการรักษาด้วยเลเซอร์ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพตา วิธีการ และเทคโนโลยีที่ใช้ ที่ Laser Vision เรามีเทคโนโลยีการรักษาด้วยเลเซอร์ที่ทันสมัยที่สุด 2 ชนิด คือ NanoRelex และ NanoLASIK ซึ่งเป็นเทคนิคแบบ Bladeless Technique ที่ไม่ต้องใช้ใบมีด ท่านสามารถเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพกระจกตาและปัญหาสายตาได้ ✅NanoRelex: เป็นเทคนิค SMILE ที่ไม่ต้องเปิดแผลที่กระจกตา มีหลักการทำงานคล้ายกับ ReLExSMILE แต่ใช้เทคโนโลยีที่แตกต่าง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่คมชัดยิ่งขึ้น ✅NanoLASIK: เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าสายตาสูง หรือกระจกตาบาง เป็นเทคนิคที่เปิดแผลที่กระจกตาเป็นรูปตัว C เพื่อรักษาด้วยเลเซอร์ ช่วยแก้ไขค่าสายตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีขั้นสูงใน NanoRelex และ NanoLASIK ทั้ง NanoRelex และ NanoLASIK ใช้ Ziemer FemtoLDV Platform จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีข้อดีดังนี้ 👁️‍🗨️Nanojoules-powered Femtosecond Laser: ใช้พลังงานต่ำที่สุดในบรรดาเลเซอร์ Femtosecond 👁️‍🗨️AI Technology: ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการรักษา และให้ผลลัพธ์ที่คมชัดยิ่งขึ้น 👁️‍🗨️Real-Time OCT Scan: ช่วยให้แพทย์เห็นข้อมูลสำคัญแบบเรียลไทม์ เพื่อปรับการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ลดโอกาสการเกิดแสงฟุ้งกระจายหลังผ่าตัด เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะตาแห้ง แสงฟุ้งกระจาย และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ฟื้นตัวเร็วขึ้น AI ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการรักษา และให้ผลลัพธ์ที่คมชัดยิ่งขึ้น ทำไมต้องเลือก Bangkok Eye Hospital? ℹ️ก่อตั้งและบริหารงานโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกตาและการหักเหแสง ที่มีประสบการณ์มากกว่า 26 ปีในประเทศไทย ให้บริการรักษาโรคตาแบบครบวงจร ทั้ง LASIK, ต้อกระจก, ต้อหิน, จอประสาทตา, ศัลยกรรมตกแต่งเปลือกตา และโรคทางระบบประสาทตา ℹ️มีประสบการณ์รักษาด้วยเลเซอร์มากกว่า 90,000 เคส รวมถึงเคสที่ซับซ้อน มั่นใจได้ในความปลอดภัย ℹ️ใช้เทคโนโลยี AI และ Robotic ล่าสุด ช่วยให้การตรวจวินิจฉัยรวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ℹ️มีที่ปรึกษาชาวเมียนมาร์คอยให้คำแนะนำ และดูแลตลอดการรักษา (โดยไม่มีค่าใช้จ่าย) เพื่อให้คนไข้ชาวเมียนมาร์ได้รับความสะดวกสบาย ℹ️ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีคนไข้ชาวเมียนมาร์กว่า 400 คน ที่เข้ารับการรักษาด้วย NanoRelex และ NanoLASIK และมีคนไข้จำนวนมากที่เข้ารับการรักษาโรคตาอื่นๆ "เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการมองเห็น นัดหมายวันนี้" ติดต่อ 📲Viber, Whatsapp (In-House Myanmar Consultant): +66965426179 🗨️ส่งข้อความ: https://bit.ly/laservisionmyanmarofficialpage
ศูนย์รักษาต้อกระจก
ศูนย์รักษาจอประสาทตา
ศูนย์เลสิก LASER VISION
ศูนย์รักษาต้อหิน
ศูนย์รักษากระจกตา
ศูนย์รักษาตาเด็ก
ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา
ศูนย์รักษาจักษุประสาทวิทยา

Understanding Pterygium: Causes, Symptoms, and Treatment Options

  How people notice and see Pterygium without knowing it is Pterygium   Have you ever looked in the mirror and noticed a small, fleshy growth on the white part of your eye, usually near the nose? It might appear slightly red, or you might feel like something’s stuck in your eye. This growth can slowly creep onto the clear, center part of your eye, known as the cornea, causing discomfort, dryness, or even blurred vision. Many people mistake these signs for simple irritation, dryness, or tired eyes, unaware that they might be dealing with a condition called pterygium.   1. What is Pterygium? Pterygium (pronounced tuh-RIJ-ee-um) is a common eye condition that looks like a triangular or wedge-shaped growth on the eye’s surface. It usually starts small but can slowly expand toward the cornea. Though it might look concerning, it’s not cancerous. For some, it’s just a minor cosmetic issue, but for others, it can cause vision problems or significant discomfort   2. Why does it happen? Pterygium happens mainly due to long-term exposure to UV light from the sun, which is why it’s often called "surfer’s eye." But you don’t have to be a surfer to get it - anyone who spends a lot of time outdoors, especially without proper eye protection, is at risk. Dust, wind, and dry environments can also irritate the eye and contribute to its development. Genetics can play a part, too, as pterygium is more common in certain families. Pinguecula and pterygium are often mistaken for each other. Pinguecula is a yellowish bump on the conjunctiva, while pterygium extends onto the cornea and can affect vision. Proper diagnosis is key.   3. What to do when you notice it? If you spot a growth on your eye or feel persistent discomfort, dryness, or redness, don’t ignore it. Make an appointment with an eye specialist, especially if it’s growing or starting to affect your vision. The doctor can diagnose pterygium with a simple eye exam and discuss whether it needs to be treated right away or monitored over time.   4. Treatment Options Observation and Protection: In mild cases, protecting your eyes from the sun with sunglasses and using lubricating eye drops can help keep symptoms in check. Medication: If the pterygium becomes red and inflamed, doctors may prescribe anti-inflammatory eye drops to reduce irritation.  Surgery: When pterygium grows too large, affects vision, or causes significant discomfort, surgery to remove the growth may be recommended. This involves removing the tissue and often placing a graft (a small piece of your own conjunctiva) to cover the area and reduce the chance of it coming back.   5. Advice from Bangkok Eye Hospital and Next Steps At Bangkok Eye Hospital, our experienced ophthalmologists often see patients who are unsure what’s causing their eye discomfort or unusual growths. It’s essential to address these concerns early to avoid complications. If surgery is necessary, one of the best innovations available today is using fibrin glue during pterygium surgery, which offers many benefits over traditional stitches.     To learn more about how fibrin glue can improve your recovery and comfort, check out our next article on this advanced treatment here. If you’re experiencing symptoms or want a consultation, don’t hesitate to reach out to Bangkok Eye Hospital - our team is here to guide you through every step of your eye care journey.
ศูนย์รักษาต้อกระจก
ศูนย์รักษาจอประสาทตา
ศูนย์เลสิก LASER VISION
ศูนย์รักษาต้อหิน
ศูนย์รักษากระจกตา
ศูนย์รักษาตาเด็ก
ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งรอบดวงตา
ศูนย์รักษาจักษุประสาทวิทยา

How to Keep Your Eyes Safe During Sports | Essential Eye Health Tips

  Whether you're an elite athlete or enjoy sports as a weekend hobby, your eyes are one of your most valuable assets. Good vision enhances your performance, while eye injuries can not only sideline you from the game but also affect your daily life. At Bangkok Eye Hospital, we’re dedicated to helping everyone—professional athletes and casual players alike—understand the importance of eye health in sports. This blog provides essential tips to keep your eyes safe and your vision sharp, no matter your level of activity.   Why Eye Health Matters in Sports: Performance Enhancement: Clear and precise vision is key to success in sports, from accurately judging distances to reacting quickly to fast-moving objects. Prevention from Injury: Protecting your eyes can prevent serious injuries that may not only impact your performance but also your overall quality of life. Long-Term Vision Safety: Taking care of your eyes today can prevent vision problems later in life, ensuring you can continue enjoying sports and other activities.   Common Sports-Related Eye Injuries: Blunt Trauma: Sports like basketball, football, and baseball can lead to injuries from impact, which can cause anything from minor bruising to serious conditions like retinal detachment. Serious Injuries: In contact sports like boxing, karate, or taekwondo, direct hits or accidental jabs from opponents can result in severe and dangerous injuries, including cuts, fractures, or even eye injuries that require immediate medical attention. UV Damage: Prolonged exposure to the sun during outdoor sports can lead to harmful effects on the eyes, increasing the risk of cataracts and other conditions. Tips for Keeping Your Eyes Healthy: Stay Hydrated: Proper hydration is important to keep your eyes moist and comfortable, reducing the risk of dry eyes during and after sports. Balanced Diet: Eating a diet rich in vitamins A, C, and E, along with Omega-3 fatty acids, supports eye health and can improve your visual performance. Avoid Touching Your Eyes: During sports, your hands can pick up dirt and bacteria, which can lead to eye infections if you rub your eyes. Always wash your hands thoroughly before touching your eyes.   Need Expert Eye Care? We are here for you. Comprehensive Eye Exams: Our specialists and well-trained medical teams offer detailed eye examinations tailored to your specific needs, whether you’re an athlete or enjoy sports recreationally. Personalized Vision Solutions: From prescription sports eyewear to LASIK surgery, we offer a range of treatment services designed to enhance your visual performance and protect your eyes. Innovative Eye Care Technologies: We operate on a cutting-edge smart hospital concept, integrating AI and advanced technologies to ensure the highest effectiveness in our treatment programs. Our commitment to innovation drives us to take patient care to the next level, providing you with the most advanced and personalized eye care available.   Your Eyes Deserve Expert Care — Call Now to Schedule Your Examination! Whatsapp: +66982255691 Email: info@bangkokeyehospital.com
ศูนย์รักษาตาเด็ก

3 สัญญาณเตือนว่าลูกน้อยอาจมีปัญหาสายตา

3 สัญญาณเตือนว่าลูกน้อยอาจมีปัญหาสายตา   หรี่ตาหรือเอียงคอมอง: ถ้าลูกชอบหรี่ตาหรือเอียงคอเวลาจะมองอะไรไกลๆ เช่น ดูทีวีหรือมองกระดาน อาจเป็นสัญญาณว่ามองไม่ค่อยชัด ชอบเอาของมาดูใกล้ๆ: ถ้าลูกชอบเอาหนังสือหรือของเล่นมาจ่อใกล้หน้า หรือต้องเข้าไปดูทีวีใกล้กว่าปกติ ก็อาจเป็นสัญญาณว่าลูกกำลังมีปัญหาสายตา ขยี้ตาบ่อยๆ: ถึงแม้บางทีเด็กๆ จะขยี้ตาเพราะง่วงหรือเมื่อยล้า แต่ถ้าขยี้ตาบ่อยเกินไป ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าลูกกำลังมีปัญหาสายตาได้เหมือนกัน   สัญญาณอื่นๆ ที่พ่อแม่ควรสังเกต   สมาธิสั้นเวลาต้องใช้สายตา: เช่น ดูทีวี อ่านหนังสือ หรือวาดรูป อ่านหนังสือแล้วชอบหลงบรรทัด: หรืออ่านข้ามๆ ไปบ้าง ไม่อยากทำกิจกรรมที่ต้องใช้สายตา: เช่น ต่อจิ๊กซอว์ ระบายสี หรือเล่นตัวต่อ   ถ้าคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นพฤติกรรมเหล่านี้ในตัวลูก อย่ารอช้า รีบพาลูกไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจเช็กสายตานะคะ การตรวจพบและรักษาปัญหาสายตาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการทางสายตาที่ดี และเติบโตอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีค่ะ ติดต่อ ศูนย์รักษาสายตาเด็ก - โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ โทร 02-023-9929, 02-511-2111
ศูนย์เลสิก LASER VISION

မျက်စိလေဆာပစ်ခြင်းအတွက် LASER VISION ရဲ့ Nano နည်းပညာအားသာချက်များ

မျက်မှန်လေးကို Bye Bye လုပ်ဖို့ မျက်စိလေဆာပစ်မယ်ဆိုရင် ရွေးချယ်မှုမှန်ကန်ဖို့လိုပါတယ်။      မျက်စိလေဆာပစ်ခြင်း - ကုသမှုပုံစံမျက်စိလေဆာပစ်ခြင်းဆိုတာ မျက်မှန်၊ မျက်ကပ်မှန်အသုံးပြုစရာမလိုတော့ဘဲ ကြည်လင်ပြတ်သားတဲ့အမြင်အာရုံကို ပြန်လည်ရယူပေးနိုင်တဲ့ကုသမှုနည်းလမ်းဖြစ်ပါတယ်။ ကုသမှုပုံစံကတော့ မျက်ကြည်လွှာအပေါ်မှာ လေဆာအသုံးပြုပြီး အမြင်မှုန်ဝါးခြင်းကိုဖြစ်စေတဲ့ မျက်ကြည်လွှာပုံသဏ္ဍာန်ကို ပြုပြင်ပေးလိုက်တာပဲဖြစ်ပါတယ်။ ရလဒ်အနေနဲ့ ကုသမှုအပြီးမှာတင် မျက်မှန်မပါဘဲကြည်လင်တဲ့အမြင်အာရုံကို ရရှိစေပါတယ်။   ကုသမှုခံယူလို့ရနိုင်၊ မရနိုင် ဘယ်လိုသိနိုင်မလဲ?ကုသမှုခံယူလို့ရနိုင်တဲ့ Eligible Candidate တွေဟာ အသေးစိတ်မျက်စိစမ်းသပ်စစ်ဆေးခြင်း (Complete Eye Examination) အဆင့်ဆင့်ကို ကျော်ဖြတ်ရပါတယ်။ နောက်ဆုံးမှာ ကုသမှုဆိုင်ရာဝါရင့် LASIK Surgeon ကြီးတွေကိုယ်တိုင်ထပ်မံစစ်ဆေးပြီးမှ ကုသမှုအတွက်သင့်လျော်မှု၊ အကောင်းဆုံးပြန်လည်ရရှိနိုင်မယ့် အမြင်အာရုံအနေအထား အစရှိတာတွေကို အတည်ပြုပေးတာဖြစ်ပါတယ်။   မျက်စိလေဆာကုသမှုရဲ့ မျိုးဆက်သစ်နည်းပညာများ ထိုင်းနိုင်ငံမှာ ပထမဆုံး Smart Eye Hospital ဖြစ်တဲ့ Bangkok Eye Hospital ရဲ့ LASER VISION မှာဆိုရင် ဒီအဆင့်တွေအားလုံးအတွက် သက်ဆိုင်ရာကျွမ်းကျင်ပညာရှင်တွေ ကိုယ်တိုင်စစ်ဆေးပေးပါတယ်။ ဒါ့အပြင် နောက်ဆုံးပေါ် AI နည်းပညာအထောက်အကူပါဝင်တဲ့ စက်ကိရိယာတွေကိုသာ ရွေးချယ်အသုံးပြုထားတာကြောင့် ဘေးကင်းလုံခြုံမှုနှင့် တိကျသေချာတဲ့ရလဒ်တစ်ခုကိုပါ အာမခံပေးနိုင်ပါတယ်။   LASER VISION ရဲ့ မျိုးဆက်သစ်နည်းပညာဖြစ်တဲ့ NanoLASIK နဲ့ NanoRelex ဟာလည်း မျက်စိလေဆာကုသခြင်းအတွက် အဆင့်မြင့်အနာဂတ်နည်းပညာတွေဖြစ်ပါတယ်။ သမာရိုးကျနည်းလမ်းများနှင့်မတူတဲ့ ကွာခြားချက်များ တိကျညင်သာပြီး သက်သောင့်သက်သာအဖြစ်ဆုံး မြန်ဆန်တဲ့ကုသမှုဖြစ်စေဖို့ Nanojoules-Powered Femtosecond Laser၊ ဒီလေဆာအမျိုးအစားဟာ ပြင်းအားအနည်းဆုံးဖြစ်အောင် လျှော့ချထားလို့ မျက်ကြည်လွှာအတွက် အထူးဘေးကင်းသင့်လျော်ပါတယ်။ ကုသမှုအဆင့်တိုင်းအတွက် AI အထောက်အကူပါဝင်ခြင်း၊ ဥပမာအားဖြင့် - မျက်လုံးရဲ့ လှုပ်ရှားမှုအလိုက် တွက်ချက်တုံ့ပြန်ပေးနိုင်မယ့် AI Eye Tracking နည်းစနစ် ကုသနေစဥ်တစ်လျှောက်လုံး အရေးကြီးတဲ့ကုသမှုဧရိယာတွေကို မြေပုံသဖွယ်တိုက်ရိုက်ကြည့်ရှုတွက်ချက်နိုင်စေမယ့် Real-Time OCT Scan အစရှိသဖြင့် မျက်လုံးအတွက် အထူးကောင်းမွန်သက်သောင့်သက်သာရှိစေနိုင်တဲ့ နည်းပညာတွေကို စနစ်တကျအသုံးပြုကုသတာဖြစ်ပါတယ်။   ကုသမှုခံယူပြီးသူများရဲ့ Feedbacks ဒီနည်းပညာကုသမှုခံယူပြီးသူများဟာ ကုသမှုအပြီးနောက်ရက်မှာတင် မျက်မှန်တပ်နေတဲ့ အခြားသောမိသားစုဝင်၊ ဆွေမျိုး၊ သူငယ်ချင်းများကို မျက်စိလေဆာပစ်ဖို့ ညွှန်းဆိုပေးတဲ့အထိ ပျော်ရွှင်စိတ်ကျေနပ်မှုကို တွေ့မြင်ရလေ့ရှိပါတယ်။ ကြည်လင်တဲ့အမြင်အာရုံကို ကုသမှုအပြီးမှာတင် စတင်ခံစားရပြီး နောက်တစ်နေ့မျက်လုံးအကာခွာချိန်မှာ 20/20 Vision အနေအထားအထိ ကြည်လင်ပြတ်သားနေခြင်းက Nano နည်းပညာများရဲ့ အဓိကအချက်ပါပဲ။  ကုသမှုအတွက် ဆက်သွယ်စုံစမ်းရန် (သို့) ရက်ချိန်းရယူရန် 💬 Messenger: https://bit.ly/laservisionmyanmarofficialpage    📱Viber (Myanmar Consultant): +66965426179   📍Address (Find Us Here) Bangkok Eye Hospital, 10/989, 33 ถนน ประเสริฐมนูกิจ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร 10240   Bangkok Eye Hospital, 10/989, 33 Prasertmanukit Road Nuanchan Subdistrict, Bueng Kum District, Bangkok 10240
calling
ติดต่อเรา : +662 511 2111