มุมสุขภาพตา : #เลสิค

เรียงตาม

กระจกตาบางเกิดจากอะไร? อาการ ผลกระทบต่อสายตาและวิธีรักษา

กระจกตาบางคือภาวะที่กระจกตาซึ่งเป็นชั้นโปร่งใสด้านหน้าตาของดวงตามีความหนาน้อยกว่าปกติ ส่งผลต่อการมองเห็นและสุขภาพตา กระจกตาบางเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมตามวัย การขยี้ตาบ่อยๆ โรคทางพันธุกรรม หรือผลข้างเคียงจากการผ่าตัดตา เช่น เลสิก อาการของกระจกตาบางที่สังเกตได้ เช่น ตาพร่ามัว ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย มองเห็นภาพบิดเบี้ยว และสายตาเอียงสูงผิดปกติ กระจกตาบางคือภาวะที่ความหนาของกระจกตาลดลงกว่าปกติ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการโฟกัสแสงเข้าสู่ดวงตา ทำให้การมองเห็นมีความคมชัด หากกระจกตาบางเกินไป อาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสายตา เช่น สายตาผิดปกติ หรือมีผลกระทบต่อการรักษาดวงตาด้วยวิธีต่างๆ เช่น เลสิก การเข้าใจสาเหตุ อาการ และการดูแลกระจกตาบางอย่างถูกต้อง จึงช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนและดูแลสุขภาพตาได้ดีขึ้น       กระจกตาคืออะไร? สิ่งสำคัญต่อการมองเห็น กระจกตา (Cornea) คือชั้นโปร่งใสและโค้งอยู่ด้านหน้าสุดของดวงตา ครอบคลุมตาดำ มีหน้าที่ช่วยหักเหแสงให้เข้าสู่ดวงตา ทำให้เรามองเห็นชัดเจน และยังเป็นเกราะป้องกันเชื้อโรคโดยตรง โดยปกติความหนาของกระจกตาจะอยู่ที่ประมาณ 520-550 ไมครอน และสามารถบางลงได้ตามอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย       รู้จักกับกระจกตาบาง กระจกตาบางคือลักษณะของกระจกตาที่มีความหนาน้อยกว่า 500 ไมครอน (0.5 มิลลิเมตร) โดยทั่วไปไม่ถือเป็นโรคและไม่ต้องรักษา แต่กระจกตาบางจะส่งผลต่อการวินิจฉัยโรคบางอย่าง เช่น ต้อหิน เพราะทำให้วัดความดันตาต่ำกว่าความจริง รวมถึงส่งผลต่อการเลือกวิธีแก้ไขสายตา เช่น หากผู้ป่วยต้องการทำ LASIK และ มีระดับค่าสายตาที่มีผิดปกติสูง เช่น สั้น หรือ เอียงมาก โดยมีความหนาของกระจกตาน้อย เมื่อเปรียบเทียบกันกับเนื้อกระจกตาที่ต้องใช้ผ่าตัด หลังจากได้รับการตรวจจากผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เเพทย์ประเมินแล้วอาจจะไม่สามารถแก้ไขค่าสายตาได้หมด หรืออาจทำให้ กระจกตาเสี่ยงเป็นโรคกระจกตาอื่นๆหลังการแก้ไข เเพทย์อาจประเมินให้ผู้ป่วยทำการรักษาด้วยวิธีการอื่นๆ เช่น PRK ICL FemtoLASIK ReLEx SMILE Pro หรือ NanoLASIK  แทนการทำ LASIK แบบทั่วๆไป ซึ่งเป็นการเเก้ไขที่ใช้หรือรบกวนความหนาของกระจกตาน้อยกว่าเพราะฉะนั้น ก่อนทำเลสิกจึงต้องสังเกตและตรวจประเมินความหนาของกระจกตาอย่างละเอียด เพราะหากบางเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะสายตาเอียงผิดปกติ หรือกระจกตาย้วย ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็นได้ นอกจากนี้หลายคนยังสงสัยว่า “ใส่คอนแท็กต์เลนส์ ทำให้กระจกตาบางจริงไหม?” คำตอบคือ โดยทั่วไปการใส่คอนแท็กต์เลนส์อย่างถูกวิธี ไม่ได้ทำให้กระจกตาบางลง แต่หากใส่นานเกินไป ไม่ถอดล้างหรือดูแลอย่างถูกต้อง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือเกิดภาวะขาดออกซิเจนที่กระจกตา ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อบางลงได้เช่นกัน       กระจกตาบางเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง? กระจกตาบางเกิดได้จากหลายสาเหตุ การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้ช่วยให้สามารถป้องกันและดูแลสุขภาพตาได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย มีดังนี้   โรคทางพันธุกรรม แม้ว่าภาวะกระจกตาบางมักเกิดจากพฤติกรรมบางอย่าง แต่ในบางกรณี ความผิดปกตินี้อาจมีสาเหตุจากโรคพันธุกรรมที่ถ่ายทอดภายในครอบครัว หนึ่งในโรคที่พบบ่อย คือ กระจกตาย้วย (Keratoconus) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะกระจกตาบาง กระจกตาจะบางลงและโป่งยื่นออกมาคล้ายรูปกรวย ทำให้สายตาเอียงผิดปกติ และการมองเห็นแย่ลงเรื้อรัง มักเริ่มแสดงอาการในช่วงวัยรุ่นถึงอายุ 30 ปี โรคกระจกตาบางจากพันธุกรรมอื่นๆ (Corneal Dystrophies) เช่น Pellucid Marginal Degeneration (PMD) ซึ่งกระจกตาจะบางลงบริเวณขอบด้านล่าง   การบาดเจ็บหรือการผ่าตัดตา การผ่าตัดแก้ไขสายตาบางประเภท เช่น การทำเลสิก (LASIK) หรือ PRK อาจส่งผลให้กระจกตาบางลงได้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการเลเซอร์เนื้อกระจกตา ออกไปมากเกินความจำเป็น ทำให้ความหนาของกระจกตาที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น กระจกตาย้วยในอนาคต นอกจากนี้การบาดเจ็บที่กระจกตาซ้ำๆ รวมถึงการติดเชื้อที่รุนแรง เช่น แผลที่กระจกตาหรือกระจกตาอักเสบ ก็สามารถทำลายเนื้อเยื่อกระจกตาและทำให้เกิดการบางลงได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที   โรคอื่นๆ หรือการใช้ยา โรคทางภูมิคุ้มกันบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) หรือโรคเอสแอลอี (SLE) อาจส่งผลกระทบต่อกระจกตา ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่ภาวะกระจกตาบางได้ในระยะยาว เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเนื้อเยื่อของตาเอง ในขณะเดียวกัน การใช้ยาหยอดตาบางชนิด โดยเฉพาะยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หากใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจมีผลข้างเคียงต่อโครงสร้างของกระจกตา ทำให้เนื้อเยื่อกระจกตาอ่อนแอและบางลงได้เช่นกัน       อาการของภาวะกระจกตาบาง ภาวะกระจกตาบางมักพัฒนาอย่างช้าๆ จนอาจไม่สังเกตเห็นได้ในระยะแรก การเรียนรู้ที่จะสังเกตอาการเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที โดยอาการที่อาจพบมีดังนี้ การมองเห็นพร่ามัวหรือไม่ชัดเจน ค่าสายตาเปลี่ยนแปลงบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ มีค่าสายตาเอียงสูงกว่าปกติ มองเห็นภาพบิดเบี้ยว หรือมีลักษณะผิดรูปจากความจริง       วิธีการตรวจและวินิจฉัยกระจกตาบาง โดยปกติแล้วภาวะกระจกตาบางมักถูกตรวจพบในขั้นตอนการประเมินสายตาก่อนทำเลสิก ซึ่งแพทย์จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Keratometerตรวจวัดความโค้งของกระจกตาและค่าสายตาเอียง โดยการสะท้อนแสงบนกระจกตาเพื่อตรวจหารูปร่างและความโค้งที่ผิดปกติ ซึ่งความโค้งที่ผิดปกตินี้ อาจสัมพันธ์กับความบางของกระจกตา นอกจากนั้นยังมีการตรวจ Corneal Tophography หรือแผนภูมิดวงตาเพื่อประเมินค่าความหนาบางและความผิดปกติของกระจกตาอื่นๆด้วย โดยอาจจะมีการวัด Tomographic Biomechanical Index หรือ ค่าความเเข็งเเรงของกระจกตา เสริมเพื่อตรวจความเสี่ยงของโรค Corneal Ectasia หรือโรคกระจกตาโป้งอีกด้วย แม้ว่าจะสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ เช่น มองเห็นไม่ชัดหรือค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย แต่การวินิจฉัยว่ามีกระจกตาบางจริงหรือไม่นั้น ต้องอาศัยการตรวจโดยจักษุแพทย์เท่านั้น เพราะการสังเกตอาการด้วยตนเองเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น ไม่สามารถยืนยันผลได้ ดังนั้นหากสงสัยว่าตนเองมีกระจกตาบาง ควรเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการดูแลและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น   สรุป กระจกตาบางเป็นภาวะที่หลายคนไม่รู้ตัว แต่สามารถส่งผลกระทบต่อการมองเห็น เช่น ตาพร่ามัว ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย หรือภาพบิดเบี้ยว ซึ่งอาจเกิดจากพันธุกรรม โรคภูมิคุ้มกัน การผ่าตัดแก้ไขสายตา หรือการใช้ยาบางชนิด การตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกจึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่วางแผนทำเลสิก ควรเข้ารับการตรวจวัดความหนาและความโค้งของกระจกตาอย่างละเอียดที่ Bangkok Eye Hospital ด้วยเครื่องมือทันสมัยและแพทย์เฉพาะทาง เพื่อป้องกันและดูแลสุขภาพดวงตาได้อย่างมั่นใจ   คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกระจกตาบาง (FAQ) หลายคนที่เพิ่งเคยได้ยินเกี่ยวกับภาวะกระจกตาบางอาจมีข้อสงสัยมากมาย เพื่อช่วยให้เข้าใจมากขึ้น เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะกระจกตาบาง พร้อมคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันในบทความนี้   ทำอย่างไรให้กระจกตาหนาขึ้น ความหนาของกระจกตาไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากเป็นความผิดปกติที่เกิดจากโครงสร้างภายในชั้นกระจกตาเอง   ถ้าปล่อยให้กระจกตาบางแล้วไม่รักษา จะเป็นอย่างไร? สายตาพร่ามัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถแก้ไขด้วยแว่นหรือคอนแท็กต์เลนส์ปกติได้ กระจกตาโป่งยื่นออกมามากผิดปกติ ทำให้การมองเห็นแย่ลงอย่างถาวร ในบางกรณีรุนแรงมาก อาจเกิดภาวะกระจกตาบวมน้ำฉับพลัน (Acute Hydrops) หรือกระจกตาทะลุ ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินและอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้หากไม่ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา   สามารถป้องกันภาวะกระจกตาบางได้ไหม หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ เพราะการขยี้ตาเป็นประจำและรุนแรงสามารถทำให้กระจกตาบางลงและเป็นตัวกระตุ้นให้โรคกระจกตาย้วยแย่ลง ดูแลสุขภาพตาโดยรวม เช่น ไม่ใช้คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป และรักษาความสะอาดของดวงตา พบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคเกี่ยวกับกระจกตา เพื่อให้สามารถวินิจฉัยและเริ่มการรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะให้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีกว่า  
อ่านเพิ่มเติม
ศูนย์เลสิก LASER VISION

เลสิก (LASIK) คืออะไร? ขั้นตอน ข้อดี และการดูแลหลังทำ แก้ไขปัญหาสายตาให้มองเห็นชัดเจน |Bangkok Eye Hospital

เลสิก หรือ LASIK คือการผ่าตัดแก้ไขสายตาด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทันสมัยด้วยการยิงเลเซอร์ที่กระจกตา ช่วยคืนการมองเห็นให้กลับมาเป็นปกติได้ การทำเลสิก สามารถแก้ไขปัญหาสายตาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง และสายตาสั้นร่วมกับสายตายาวตามวัย เลสิกตามีหลายประเภท เลือกได้ตามความเหมาะสม ได้แก่ PRK เลสิกแบบใบมีด เฟมโตเลสิก เลสิกแบบไร้ใบมีด เลสิกไร้ใบมีดสำหรับสายตายาวตามอายุ และเลสิกแบบแผลเล็ก ทำเลสิกที่ ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ที่นี่ให้บริการด้วยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีเทคโนโลยีเลสิกที่ทันสมัยและหลากหลาย เลือกได้ตามความเหมาะสม โรงพยาบาลสะอาด ได้มาตรฐาน มั่นใจได้ในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ   ในปัจจุบัน ปัญหาสายตาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน ดังนั้นการทำเลสิกจึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาสายตาอย่างถาวร   บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเทคโนโลยีการผ่าตัดเลสิกที่มีหลากหลายประเภท พร้อมรวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการรักษา รวมถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุดและสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข โดยไม่ต้องพึ่งพาแว่นสายตาหรือคอนแท็กต์เลนส์อีกต่อไป     การทำเลสิก (LASIK) คืออะไร? การทำเลสิก (LASIK หรือ Laser In Situ Keratomileusis) เป็นวิธีการผ่าตัดแก้ไขสายตาด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทันสมัย ซึ่งชื่อนี้ใช้เรียกโดยรวมสำหรับการปรับค่าสายตาด้วยการยิงเลเซอร์ที่กระจกตา โดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เลเซอร์เจียระไนกระจกตาให้ได้ความโค้งที่เหมาะสม เปรียบเสมือนการปรับแต่งเลนส์ให้มีความโค้งที่พอดี ส่งผลให้แสงตกกระทบจอประสาทตาได้อย่างถูกต้อง ทำให้การมองเห็นชัดเจนขึ้นโดยธรรมชาติ     เลสิกตารักษาสายตาผิดปกติอะไรบ้าง การทำเลสิกในปัจจุบันสามารถแก้ไขปัญหาสายตาผิดปกติได้หลายรูปแบบ โดยแต่ละอาการมีสาเหตุและลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนี้ สายตาสั้น (Myopia)เป็นภาวะที่คนไข้มองเห็นวัตถุที่อยู่ไกลไม่ชัด แต่จะมองเห็นวัตถุที่อยู่ใกล้ได้ชัดเจน สาเหตุเกิดจากกระจกตาที่โค้งมากเกินไป หรือกระบอกตายาวเกินไป ทำให้ภาพตกกระทบก่อนถึงจอประสาทตา สายตายาว (Hyperopia)เป็นอาการที่คนไข้มองเห็นวัตถุที่อยู่ใกล้ได้ไม่ชัด ซึ่งมีสาเหตุมาจากกระจกตาโค้งน้อยกว่าปกติ (แบน) หรือกระบอกตาสั้นเกินไป นอกจากนี้ ในกรณีที่เป็นสายตายาวตามวัย มักเกิดจากกล้ามเนื้อตาที่เสื่อมสภาพลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น สายตาเอียง (Astigmatism)เป็นภาวะที่คนไข้มองเห็นภาพไม่ชัดเจน เนื่องจากมีการหักเหของแสงที่ตกกระทบโฟกัสที่จอประสาทตาไม่สม่ำเสมอในระนาบเดียวกัน ส่งผลให้มองเห็นภาพบิดเบี้ยวหรือไม่คมชัด สายตาสั้นร่วมกับสายตายาวตามวัยเป็นภาวะที่เกิดจากการที่คนไข้มีสายตาสั้นอยู่แล้ว (กระจกตาโค้งเกินไปหรือกระบอกตายาวเกินไป) และเมื่อมีอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อที่ใช้หักเหแสงของกระจกตาเริ่มเสื่อมลง จึงไม่มีกำลังมากพอที่จะบีบกระจกตาให้โป่งออกเป็นเลนส์นูนได้เหมือนเดิม ทำให้มีปัญหาทั้งการมองระยะไกลและระยะใกล้ ซึ่งการทำเลสิกก็สามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้เช่นกัน     ประเภทของเลสิกตา ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ ทำให้การทำเลสิกมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล โดยแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ดังนี้ เฟมโตเลสิก (FemtoLASIK) เป็นนวัตกรรมการรักษาสายตา ด้วยการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์สองระบบที่ทำงานร่วมกัน ระบบแรกคือ Femtosecond Laser เพื่อเตรียมชั้นกระจกตา และตามด้วย Excimer Laser ที่ทำหน้าที่ปรับแต่งเนื้อกระจกตาให้ได้รูปทรงที่เหมาะสม การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยค่าใช้จ่าย Lasik ราคาประมาณ 118,000 บาท เป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับดวงตาเงื่อนไขสุขภาพดวงตาของแต่ละท่าน ข้อดีและจุดเด่น แก้ไขปัญหาสายตาได้อย่างครอบคลุม ตั้งแต่สายตาสั้นระดับสูง สายตายาว และอาการเอียง การใช้เลเซอร์ทั้งระบบช่วยเพิ่มความแม่นยำในการรักษา ผู้ป่วยรู้สึกสบายตัวระหว่างการรักษา เนื่องจากใช้เพียงยาชาชนิดหยอด ระยะเวลาการฟื้นตัวรวดเร็ว ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติในเวลาไม่นาน มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ำ เนื่องจากไม่ใช้เครื่องมือกล ข้อจำกัดและสิ่งที่ควรระวัง อาจพบรอยเปลี่ยนแปลงบริเวณผิวกระจกตา แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นตามเวลา ต้องระมัดระวังการกระแทกบริเวณตาในช่วงแรก เพื่อป้องกันปัญหาแทรกซ้อน อาจพบอาการตาแห้งในระยะแรกมากกว่าการผ่าตัดบางประเภท คนที่เหมาะกับเลสิกประเภทนี้ ผู้ที่มีข้อจำกัดทางกายภาพของดวงตา เช่น กระจกตาบาง หรือเปลือกตาแคบ ผู้ที่ต้องการความมั่นใจสูงสุดในเรื่องความปลอดภัย ผู้ที่พร้อมลงทุนเพื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัยและผลลัพธ์ที่แม่นยำ   เลสิกแบบไร้ใบมีด (NanoLASIK) เป็นการพัฒนาต่อยอดจากเทคโนโลยีFemtoLASIKโดยใช้เครื่อง Femtosecond Laser Ziemer FEMTO Z8 รุ่นใหม่ที่มีความละเอียดสูงและใช้พลังงานระดับนาโนจูล ในการแยกชั้นกระจกตา ก่อนใช้ Excimer Laser ปรับแต่งความโค้งของกระจกตาตามค่าสายตาที่ออกแบบไว้ การทำเลสิกประเภทนี้ใช้เลเซอร์ในทุกขั้นตอนโดยไม่ต้องใช้ใบมีด จึงมีความแม่นยำและความปลอดภัยสูง ข้อดีและจุดเด่น แยกชั้นกระจกตาด้วยเลเซอร์พลังงานต่ำระดับนาโนจูล ทำให้แผลหายเร็วและลดอาการข้างเคียง เช่น แสบตา ตาบวม มีระบบสแกนลายม่านตาที่แม่นยำสูง สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของลูกตาได้ถึง 1,050 ครั้งต่อวินาที ใน 6 ทิศทาง มีโปรแกรมการรักษาที่ประหยัดเนื้อกระจกตา และปรับให้เข้ากับสภาพตาแต่ละบุคคล เหมาะสำหรับผู้ที่มีสายตาสั้นมาก ใช้เทคโนโลยี Optimized Aspheric ที่รักษาความโค้งของกระจกตาให้เป็นธรรมชาติ ช่วยลดแสงกระจายในเวลากลางคืน ข้อจำกัดและสิ่งที่ควรระวัง ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ในการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ต้องผ่านการประเมินและวางแผนการรักษาอย่างละเอียด มีข้อจำกัดในการรักษาตามสภาพตาของแต่ละบุคคล คนที่เหมาะกับเลสิกประเภทนี้ ผู้ที่มีสายตาสั้นมากและต้องการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด ผู้ที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุดและมีความกังวลเรื่องการใช้ใบมีด ผู้ที่ต้องการลดอาการข้างเคียงและระยะเวลาการฟื้นตัว ผู้ที่มีปัญหาเรื่องแสงรบกวนในเวลากลางคืนและต้องการผลการรักษาที่เป็นธรรมชาติ เลสิกไร้ใบมีดสำหรับสายตายาวตามอายุ (Nano NV LASIK) Nano NV LASIKเป็นนวัตกรรมเลสิกที่พัฒนาต่อยอดจากเทคโนโลยีNanoLASIKที่โดดเด่นด้วยการรักษาสายตายาวตามวัย (Presbyopia) ร่วมกับสายตาผิดปกติอื่น ๆ ด้วยหลักการ Blended Vision โดยปรับให้ตาแต่ละข้างมีความสามารถในการมองเห็นที่ต่างกัน ทำให้สามารถมองเห็นได้ทั้งระยะใกล้และไกลได้อย่างเป็นธรรมชาติ วิธีนี้ใช้เลเซอร์ Femtosecond Ziemer FEMTO Z8 รุ่นใหม่ที่มีความเร็วสูงและพลังงานระดับนาโนจูล ช่วยแยกชั้นกระจกตาได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย ข้อดีและจุดเด่น เทคโนโลยี Blended Vision ปรับสมดุลการมองเห็นของตาทั้งสองข้าง เพื่อให้มองเห็นได้ครบทุกระยะ เลเซอร์พลังงานระดับนาโนจูลช่วยลดการรบกวนเนื้อกระจกตา ทำให้แผลหายเร็วและลดอาการข้างเคียง เช่น แสบตา ตาบวม มีระบบสแกนลายม่านตาที่ทันสมัย สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของลูกตาได้ถึง 1,050 ครั้งต่อวินาที ใน 6 ทิศทาง ทำให้การยิงเลเซอร์แม่นยำแม้มีการกลอกตา โปรแกรม Optimized Aspheric ช่วยรักษารูปทรงของกระจกตาให้เป็นธรรมชาติ ลดปัญหาแสงกระจายในเวลากลางคืน ข้อจำกัดและสิ่งที่ควรระวัง อาจทำให้ความคมชัดของภาพลดน้อยลงบ้าง โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความละเอียดมาก เช่น งานเย็บปักถักร้อย สำหรับผู้ที่ต้องการความคมชัดมาก ๆ เช่น นักกีฬา หรือผู้ที่ต้องทำงานระยะใกล้เป็นประจำ อาจต้องเลือกวิธีการรักษาแบบให้ตาทั้งสองข้างมองไกลชัดเจน และใช้แว่นสำหรับอ่านหนังสือเมื่อต้องทำงานระยะใกล้ ในกรณีที่ไม่สามารถปรับตัวกับการรักษาได้ อาจต้องทำการเติมเลเซอร์เพิ่มเติม เพื่อปรับให้สามารถมองเห็นชัดในระยะไกลทั้งสองข้าง คนที่เหมาะกับเลสิกประเภทนี้ ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปที่มีปัญหาสายตายาวตามวัยร่วมกับสายตาผิดปกติอื่น ๆ ผู้ที่ต้องการความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องพึ่งพาแว่นหลายคู่ ผู้ที่ประกอบอาชีพที่ต้องมองทั้งระยะใกล้และไกล แต่ไม่ได้ต้องการความคมชัดสูงมาก ผู้ที่มีความเข้าใจในข้อจำกัดของการรักษาและพร้อมให้เวลากับการปรับตัวในช่วงแรก   เลสิกแบบแผลเล็ก (NanoRelex) NanoRelexเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดในการผ่าตัดเลสิกที่ใช้เทคโนโลยี Femtosecond Laser ร่วมกับระบบ AI ในการรักษาสายตาสั้น เอียง และสายตายาว โดยใช้เลเซอร์พลังงานระดับนาโนจูลสร้างแผลขนาดเล็กเพียง 2-3 มิลลิเมตร พร้อมระบบ OCT Scan ที่ช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นกระจกตาได้แบบ Real-Time ขณะผ่าตัด และสามารถปรับแต่งเนื้อเยื่อภายในชั้น Stroma ของกระจกตาด้วยการคำนวณชิ้นเนื้อกระจกตาแบบ 3 มิติ ตามค่าสายตาของแต่ละบุคคล ข้อดีและจุดเด่น ใช้เลเซอร์พลังงานระดับนาโนจูล ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด มีระบบ AI และกล้อง OCT Scan ช่วยในการวิเคราะห์และเพิ่มความแม่นยำในการรักษา แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กเพียง 2-3 มิลลิเมตร ใช้ระยะเวลาผ่าตัดสั้น ลดอาการตาแห้งและการเคืองตาหลังการรักษา กระจกตายังคงรูปร่างและความแข็งแรง ทำให้แผลหายเร็ว ข้อจำกัดและสิ่งที่ควรระวัง แก้ปัญหาสายตายาว สายตาเอียงได้ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาสายตายาว หลังทำ 1-2 สัปดาห์อาจมีอาการมองเห็นเป็นหมอก แต่อาการจะดีขึ้นเอง คนที่เหมาะกับเลสิกประเภทนี้ ผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้น เอียง ผู้ที่ต้องการความแม่นยำในการรักษาสูง ผู้ที่มีเวลาพักฟื้นน้อย     การเตรียมตัวก่อนทำเลสิกตา เพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย ผู้เข้ารับการทำเลสิกควรปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้ งดใส่คอนแท็กต์เลนส์ก่อนวันผ่าตัด ทำความสะอาดร่างกาย ล้างหน้า และสระผมในวันผ่าตัด งดแต่งหน้าในวันที่ทำการผ่าตัด สวมเสื้อผ้าที่ติดกระดุมด้านหน้าเพื่อความสะดวกในการเปลี่ยน งดใช้น้ำหอมหรือสเปรย์ดับกลิ่นทุกชนิด งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แจ้งประวัติการใช้ยาประจำให้จักษุแพทย์ทราบ เพื่อพิจารณาว่าต้องหยุดยาหรือไม่ ควรมีผู้ติดตามมาด้วยในวันผ่าตัด และไม่ควรขับรถมาเอง เพื่อความสะดวกและปลอดภัย     สิ่งที่ห้ามทำหลังจากทำเลสิกตา เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น หลังการทำเลสิกผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลตนเอง ดังนี้ ห้ามขยี้ตาเด็ดขาด หากรู้สึกคัน ให้ล้างมือให้สะอาดและใช้นิ้วชี้แตะเบา ๆ ที่หัวตาหรือหางตาแทน ห้ามล้างหน้าหรือให้น้ำเข้าตา ห้ามว่ายน้ำหรือดำน้ำ งดการแต่งหน้าบริเวณรอบดวงตา หยอดยาตามที่จักษุแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ใส่ฝาครอบตาก่อนนอนให้ครบ 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว หากต้องใช้สายตามาก ควรพักสายตาเป็นระยะ ใครที่ไม่สามารถทำเลสิกตาได้ ผู้ที่มีสายตาสั้นเกิน 1,400 ไม่ควรทำเลสิก เนื่องจากอาจพบข้อจำกัดในการรักษาที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย นอกจากนี้ ผู้ที่มีความผิดปกติของกระจกตา เช่น กระจกตาบางหรือหนาเกินไป ก็อาจไม่เหมาะสมกับการทำเลสิก ดังนั้น การตรวจประเมินสภาพดวงตาอย่างละเอียดโดยจักษุแพทย์และขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการรักษาที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทำเลสิกที่ศูนย์เลเซอร์วิชชั่น Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ดีอย่างไร หากต้องการทำเลสิก แนะนำให้เข้ามาปรึกษาและรักษาอาการเหล่านี้ได้ที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospitalที่นี่โดดเด่นด้านการรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ด้วยทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีจุดเด่นดังนี้   โรงพยาบาลมีทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มากประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาการผิดปกติ และแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เทคโนโลยีสำหรับการรักษาดวงตาสมัยใหม่ เครื่องมือได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อการรักษาดวงตาอย่างแม่นยำและปลอดภัย พร้อมให้การรักษาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ใส่ใจในการบริการ พร้อมบรรยากาศของโรงพยาบาลที่เป็นกันเอง สรุป ในปัจจุบัน การทำเลสิกถือเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้ที่มีปัญหาสายตาผิดปกติ เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่หลากหลายให้เลือกใช้ โดยเริ่มตั้งแต่วิธีดั้งเดิมอย่าง PRK และ LASIK ไปจนถึงนวัตกรรมล่าสุดอย่างSMILE Pro, NanoRelex และ Nano NV LASIK ทำให้ผู้ป่วยสามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพสายตาและความต้องการของตนเอง เพื่อให้กลับมามองเห็นได้ชัดเจนโดยไม่ต้องพึ่งพาแว่นสายตาอีกต่อไป เข้ามาทำเลสิกรักษาอาการสายตาสั้น ยาว เอียง ได้ที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ)ที่นี่ให้บริการโดยจักษุแพทย์มากความสามารถ มีความเชี่ยวชาญและประสบการณืด้านการรักษาดวงตาอย่างยาวนาน ที่นี่มีเทคโนโลยีการทำเลสิกที่ทันสมัย มั่นใจได้ในความปลอดภัยและผลลัพธ์หลังการรักษา
ศูนย์เลสิก LASER VISION

หลังทำเลสิคสายตาสั้น เมื่อมีสายตายาวจะสามารถรักษาด้วยวิธีเลสิกได้อีกหรือไม่

หลังทำเลสิคสายตาสั้น เมื่อมีสายตายาวจะสามารถรักษาด้วยวิธีเลสิกได้อีกหรือไม่ หลังทำเลสิคสายตาสั้น เมื่อมีสายตายาวจะสามารถรักษาด้วยวิธีเลสิกได้อีกหรือไม่?      สายตายาวตามอายุเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกๆคน ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ แม้แต่ในผู้ที่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการมองเห็นมาก่อนเลยก็ตาม      สายตายาวตามอายุ เกิดขึ้นในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป สาเหตุเกิดจากเลนส์แก้วตาแข็งขึ้น ประกอบกับกล้ามเนื้อยึดเลนส์ตาเริ่มเสื่อมสภาพ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นภาพในระยะใกล้ได้ชัดเจน      ในกลุ่มผู้ที่มีภาวะสายตาสั้น และได้รับการแก้ไขโดยวิธีการเลสิกไปแล้ว เมื่ออายุประมาณ 40 ปีมีสายตายาวอายุ ทำให้มองใกล้ไม่ชัด สามารถใช้แว่นสายตายาวช่วยในการอ่านหนังสือ หรือช่วยในการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ แต่หากไม่อยากใส่แว่น สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีเลสิกสายตาได้เช่นกัน การรักษาสายตายาวด้วยวิธี NV LASIK ซึ่งทำให้สามารถมองเห็นในระยะไกลได้ชัดในตาข้างหนึ่ง และมองเห็นใกล้ได้ชัดในตาอีกข้างหนึ่ง เนื่องจากสายตายาวตามอายุเกิดจากความเสื่อมของเลนส์แก้วตา ดังนั้น การรักษาด้วยวิธีนี้จะอยู่ได้ 3- 5 ปีขึ้นอยู่กับสภาพสายตาของคนไข้แต่ละคน การรักษาสายตายาวตามอายุด้วยวิธีการเปลี่ยนเลนส์ (Refractive Lens Exchange-RLE) โดยจะนำเลนส์แก้วตาที่เสื่อมสภาพออก และใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไป **ผู้ที่มีภาวะสายตาสั้นมักเกิดความเข้าใจผิดว่าเมื่อมีภาวะสายตายาวตามอายุร่วมด้วยสายตาจะกลับมาเป็นปกติ ในความเป็นจริง สายตายาวตาอายุเกิดจากความเสื่อมของกล้ามเนื้อตา(เสื่อมตามภาวะร่างกายที่อายุมากขึ้น) ภาวะเสื่อมดังกล่าวอาจทำให้การมองในระยะใกล้ๆได้ดีขึ้น แต่ในระยะที่ใกล้นั้นก็ใกล้กว่าระยะของคนสายตาปกติทั่วๆไป **ผู้ที่มีภาวะสายตาสั้นและไม่ได้รับการแก้ไข เมื่ออายุ 40 ปีมีภาวะสายตายาวตามอายุร่วมด้วย จะทำให้มองไม่ชัดทั้งใกล้และไกล
calling
ติดต่อเรา : +662 511 2111