มุมสุขภาพตา : #เลสิกสายตายาว

เรียงตาม

ตาแห้งมีอาการอย่างไร วิธีรักษา ป้องกัน และนิสัยที่ช่วยลดอาการตาแห้ง

อาการตาแห้ง คือภาวะตาขาดความชุ่มชื้นเพราะการผลิตน้ำตาน้อยเกินไปหรือคุณภาพน้ำตาไม่ดี ทำให้เกิดอาการระคายเคืองและไม่สบายตาได้ ตาแห้งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น อายุที่มากขึ้นทำให้การผลิตน้ำตาน้อยลง การสวมใส่คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป การจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ รวมถึงผลข้างเคียงจากยาบางชนิด การรักษาตาแห้งทำได้หลายวิธี เช่น ยาหยอดตา น้ำตาเทียม การประคบอุ่น และการรักษาด้วยยาลดการอักเสบ รักษาอาการตาแห้งที่ Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ได้รับการดูแลจากจักษุแพทย์ พร้อมเทคโนโลยีทันสมัยและการรักษาที่เหมาะสมกับอาการ   ตาแห้งเป็นโรคที่ทำให้ตารู้สึกแห้งและระคายเคือง เนื่องจากการผลิตน้ำตาลดลงหรือคุณภาพของน้ำตาไม่ดีพอ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย หากดูแลอย่างถูกวิธี จะช่วยลดอาการและป้องกันภาวะตาแห้งในระยะยาว มาหาสาเหตุของอาการตาแห้ง วิธีรักษา รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้งได้ในบทความนี้     อาการตาแห้ง คืออะไร? ก่อนทำความรู้จักกับอาการตาแห้ง ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ‘น้ำตา’ กันก่อน โดยน้ำตามีความสำคัญต่อดวงตา เป็นตัวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างชัดเจน หล่อเลี้ยงเลี้ยงกระจกตาด้วยออกซิเจน และป้องกันการติดเชื้อและสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้ามาทำร้ายดวงตา ตาแห้ง เป็นอาการที่ปริมาณน้ำตาที่เข้ามาหล่อเลี้ยงผิวตามีไม่เพียงพอส่งผลให้ผิวตาอักเสบได้ โดยอาการของตาแห้งอาจเริ่มจากการแสบตา หรือรู้สึกระคายเคืองเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา รวมถึงอาจพบอาการตาแดง เจ็บ หรือมีการพร่ามัวที่ดีขึ้นเมื่อกะพริบตา นอกจากนี้ยังอาจรู้สึกฝืดๆ หนักๆ ที่ตา หรือลืมตาลำบาก และบางครั้งอาจมีอาการตาล้าหรือมีน้ำตาไหลมากผิดปกติ     ทำไมถึงมีอาการตาแห้งได้ ตาแห้งเป็นปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความสบายของดวงตาและการมองเห็น โดยเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานานเกินไป อาการภูมิแพ้ที่ตาซึ่งอาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่น ควัน หรือมลภาวะ อยู่ในที่ร้อน ลมแรง หรือความชื้นต่ำ ความผิดปกติของต่อมไขมันขอบตา การพบตัวไร (Demodex blepharitis) บริเวณโคนขนตา ซึ่งเกิดจากการอักเสบของต่อมน้ำตา การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้แพ้ ยาต้านซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิตบางชนิด ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล โดยเฉพาะในเพศหญิงที่อาจทำให้คุณภาพของน้ำตาลดลง     อาการตาแห้งเกิดจากอะไร มีปัจจัยอะไรบ้าง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการผลิตน้ำตาหรือการทำงานของต่อมน้ำตา หากมีลักษณะดังต่อไปนี้ จะทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ง่ายขึ้น สร้างน้ำตาได้น้อยกว่าปกติ  (Aqueous Tear Deficiency) กลุ่มคนที่มีความผิดปกติหรือปัจจัยที่ส่งผลให้สามารถสร้างน้ำตาได้น้อย ได้แก่   กลุ่มคนที่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome โรครูมาตอยด์ โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือภาวะที่ไม่พบสาเหตุชัดเจน เช่น Primary Sjogren’s Syndrome กลุ่มคนที่ไม่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome เช่น ต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติตั้งแต่เกิด โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง การแพ้ยารุนแรง หรือการอักเสบที่ทำให้ท่อน้ำตาตัน กลุ่มคนที่ฮอร์โมนเปลี่ยน มักพบในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ส่งผลให้การผลิตน้ำตาและสารคัดหลั่งอื่นๆ ในร่างกายลดลง การกินยาบางประเภท เช่น ยาแก้หวัด ยาแก้แพ้ ยาลดความดันโลหิต หรือยาคลายเครียดบางชนิด ที่มีสารกันเสียเป็นส่วนประกอบ อาจทำให้ตาแห้งมากขึ้น เนื่องจากสารเหล่านี้สามารถลดการผลิตน้ำตาได้ น้ำตาระเหยเร็ว (Evaporative Dry Eyes)  ปัจจัยที่ส่งผลให้การระเหยของน้ำตาเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ ได้แก่   ต่อมไขมันที่เปลือกตาทำงานผิดปกติ เปลือกตาอักเสบที่เกิดจากความผิดปกติของชั้นไขมัน จะทำให้การสร้างน้ำตาชั้นน้ำมันลดลง ซึ่งทำให้เกิดการระเหยของน้ำตาได้เร็วขึ้น ความผิดปกติของเปลือกตา การปิดตาไม่สนิทหรือการกะพริบตาน้อยผิดปกติ ซึ่งทำให้การกระจายน้ำตาผิดปกติ และเพิ่มการระเหยของน้ำตา โดนสารเคมีหรือแพ้ยารุนแรง การอักเสบของเยื่อบุตาอาจทำให้เกิดแผลเป็น ซึ่งส่งผลต่อการสร้างน้ำตาชั้นเมือกที่ติดกับกระจกตา ทำให้การสร้างน้ำตาผิดปกติ การใช้สายตามาก พบมากในวัยทำงานจากพฤติกรรมจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ โดยไม่ค่อยกะพริบตา และการใส่คอนแท็กต์เลนส์ที่ดูดน้ำออกจากดวงตา ทำให้การผลิตน้ำตาลดลงและน้ำตาระเหยเร็ว     วิธีรักษาหรือวิธีแก้โรคตาแห้ง วิธีรักษาโรคตาแห้งจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละบุคคล โดยใช้วิธีต่างๆ รวมทั้งการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ ดังนี้ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตาแห้ง ควรหลีกเลี่ยงการโดนลมแรง ฝุ่นควัน หรือแสงจ้า โดยการใส่แว่นกันแดดและแว่นกันลม เพื่อป้องกันสิ่งแวดล้อมที่อาจทำให้ตาแห้งขึ้น นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการใส่คอนแท็กต์เลนส์เป็นเวลานานๆ เพื่อไม่ให้สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงจากดวงตาที่อาจทำให้อาการตาแห้งแย่ลงได้ ใช้น้ำตาเทียม ในการรักษาอาการตาแห้ง น้ำตาเทียมเป็นตัวช่วยที่ดี โดยมี 2 ชนิดให้เลือกใช้ ได้แก่   น้ำตาเทียมที่มีสารกันเสีย ในรูปแบบขวด ควรใช้ไม่เกิน 4-5 ครั้งต่อวัน อาจแบ่งการใช้ยาเพิ่มน้ำตาตามช่วงเวลาของวัน เช่น เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน ซึ่งเหมาะสำหรับอาการตาแห้งที่ไม่รุนแรง น้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสีย แบบกระเปาะ เปิดแล้วมีอายุ 24 ชั่วโมง หรือขวดที่มีระบบวาล์วพิเศษใช้ได้นาน 6 เดือน ใช้บ่อยได้ตามต้องการ เช่น ทุก 1-2 ชั่วโมง เหมาะกับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง  ใช้ยาหยอดตาเพิ่มปริมาณน้ำตา มียาหยอดตาที่ช่วยเพิ่มน้ำตาและรักษาอาการตาแห้งได้ โดยแต่ละชนิดจะช่วยรักษาตามอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้   ยา Diquafosol ช่วยเพิ่มการสร้างน้ำตาชั้นเมือกและชั้นน้ำเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตาและลดอาการแห้ง ยาปฏิชีวนะ Doxycycline ยาลดการอักเสบของเปลือกตาช่วยลดการอักเสบและอาการระคายเคืองที่เกิดจากตาแห้ง ยากลุ่ม Steroids โดยยานี้ช่วยบรรเทาการอักเสบของผิวตาและลดอาการระคายเคืองที่เกิดจากการขาดน้ำตา ยา Cyclosporine ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressant) ชนิดหยอดตา ช่วยลดการอักเสบในตาและเพิ่มการผลิตน้ำตา โดยการปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยลดอาการตาแห้งได้ การทำความสะอาดเปลือกตา การทำความสะอาดเปลือกตาและประคบอุ่นด้วยแชมพูเด็กผสมเจือจางหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเปลือกตาช่วยลดการอุดตันของต่อมไขมันในเปลือกตา ทำให้ชั้นไขมันที่เคลือบน้ำตาทำงานได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันน้ำตาระเหยเร็วและลดอาการตาแห้ง ใช้ Autologous Serum การรักษาอาการตาแห้งชนิดรุนแรงโดยใช้สารที่ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อทำได้โดยการเจาะเลือดจากผู้ป่วยไปปั่นแยกเป็น Serum และนำมาหยอดร่วมกับการใช้น้ำตาเทียม ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบของเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ และส่งเสริมการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อให้กลับสู่สภาพปกติได้ดีขึ้น การอุดท่อระบายน้ำตาที่หัวตา (Punctal Plug) การรักษาอาการตาแห้งที่รุนแรงทำได้โดยการอุดช่องทางที่น้ำตาไหลออกจากตา (Punctum) ซึ่งมีทั้งชนิดอุดชั่วคราวและชนิดอุดถาวร โดยการใส่ Silicone Plug หรือ Punctal Cautery ซึ่งเป็นการจี้บริเวณช่องทางที่น้ำตาระบายออกจากตา วิธีนี้ช่วยให้ดวงตาเก็บน้ำตาไว้ได้นานขึ้น ลดการระเหยของน้ำตา และช่วยบรรเทาอาการตาแห้งได้ในกรณีที่อาการรุนแรงมาก     การปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้ง การป้องกันอาการตาแห้งทำได้ง่ายๆ ด้วยการปรับพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน ดังนี้    หยุดพักจากการใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือทุกๆ 20 นาที โดยการหลับตาสัก 20 วินาที หรือมองสิ่งที่อยู่ไกลประมาณ 20 ฟุต เพื่อให้ตาได้พักและผ่อนคลาย งดการใช้คอนแท็กต์เลนส์ต่อเนื่อง ควรสลับใส่แว่นในระหว่างวันเพื่อให้ดวงตาได้พัก ใช้งานคอมพิวเตอร์หรือมือถือในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อช่วยลดความเครียดของดวงตา เตือนตัวเองให้กะพริบตาบ่อยๆ เพื่อให้น้ำตาเคลือบตาและช่วยลดการระเหยของน้ำตา หากอยู่ในที่ที่มีอากาศแห้ง ร้อน หรือมีลมแรง ควรสวมแว่นกันแดดกันลมเพื่อปกป้องตาจากสภาพแวดล้อม กินอาหารที่ครบทุกหมู่ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ปลา หรืออาหารที่มีโอเมกา 3 ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบของตา  ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน สรุป ตาแห้งคืออาการที่น้ำตาผลิตไม่เพียงพอหรือระเหยเร็วเกินไป ทำให้ดวงตารู้สึกแห้ง ระคายเคือง และอาจเกิดการอักเสบได้ รักษาได้หลายวิธี เช่น ใช้น้ำตาเทียม ประคบอุ่น ใช้ยาเพื่อเพิ่มการสร้างน้ำตาหรือลดการอักเสบ และป้องกันตาแห้งได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ดวงตา รวมถึงการใช้ยาเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของดวงตา  สำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง รับการรักษาได้ที่ ศูนย์โรคจักษุประสาทวิทยา Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ซึ่งให้การดูแลปัญหาตาแห้งที่ส่งผลต่อการมองเห็นและระบบประสาท โดยจักษุแพทย์ในการวินิจฉัยและรักษาภาวะตาแห้งอย่างครบวงจร
อ่านเพิ่มเติม

เลสิกสายตาเอียง แก้ไขปัญหาภาพเบลอ ภาพไม่ชัด กับข้อควรรู้ก่อนทำ

สายตาเอียง ปัญหาสายตาที่ส่งผลให้การมองผิดเพี้ยน ไม่ชัดเจน การทำเลสิกสายตาเอียงจึงเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาสายตาสายตาเอียง มองไม่ชัด มองเห็นภาพเบลอ ภาพซ้อน มองเห็นได้ไม่ชัดทั้งจากระยะใกล้และระยะไกล มาดูว่ามีการทำเลสิกสายตาเอียงกี่ประเภท แต่ละประเภทเหมาะกับใคร พร้อมข้อควรรู้ก่อนและหลังทำเลสิก สายตาเอียง (Astigmatism) คือ ภาวะที่ทำให้การมองเห็นผิดเพี้ยนไป เนื่องจากการโค้งของกระจกตาที่ผิดปกติ ไม่โค้งเป็นทรงกลม ทำให้เกิดการหักเหแสงที่ผิดปกติ ทำให้มองเห็นไม่ชัด ภาพเบลอ หรือมีเงาซ้อน สายตาเอียงมักมีอาการ ตาเบลอ มองเห็นไม่ชัด เห็นเงาซ้อน มองเห็นภาพบิดเบี้ยวจากความจริง มองเห็นรายละเอียดสิ่งของไม่ชัดเจน ต้องหยีตาเพื่อมองเห็นชัดขึ้น มีปัญหาการมองเห็นเวลากลางคืน มีอาการปวดหัว ล้าสายตา การทำเลสิกสายตาเอียง คือการรักษาสายตาผิดปกติโดยใช้ใบมีดเปิดแยกชั้นกระจกตา และใช้เลเซอร์ปรับแก้ความโค้งของกระจกตาให้มีรูปทรงปกติให้ได้มากที่สุด จากนั้นปิดกระจกตาโดยไม่ต้องเย็บแผล การทำเลสิกสายตาเอียงแบ่งได้เป็น 7 ประเภทหลักๆ ได้แก่ ผ่าตัดเลสิกแบบใช้ใบมีด (LASIK) ผ่าตัดเลสิกแบบไร้ใบมีด (FemtoLASIK) ผ่าตัดเลสิกแบบแผลเล็ก ReLEx SMILE ผ่าตัดเลสิกแบบไร้ใบมีดพลังงานต่ำ (NanoLASIK) ผ่าตัดเลสิกแบบไร้ใบมีด แผลเล็ก พลังงานต่ำ NanoRelex ผ่าตัดเลสิกแบบไร้ใบมีด แผลเล็ก ความเร็วสูง (SMILE Pro) และการทำเลสิก PRK (Photorefractive Keratectomy) ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospital โดดเด่นด้านการรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ด้วยทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเทคโนโลยีเลสิกสายตาเอียงที่ทันสมัย ให้คำแนะนำและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม     สายตาเอียง คืออะไร สายตาเอียง (Astigmatism) คือ ภาวะที่ทำให้การมองเห็นผิดเพี้ยนไป เนื่องจากการโค้งของกระจกตาที่ผิดปกติ ไม่โค้งเป็นทรงกลม การหักเหแสงจึงผิดเพี้ยนไปด้วย ผู้ที่มีภาวะสายตาเอียงจึงมองเห็นภาพไม่ชัดเจน ภาพเบลอ มีเงาซ้อน ทั้งในระยะใกล้หรือระยะไกล สายตาเอียงพบได้บ่อยถึง 1 ใน 3 ของประชากร และเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกวัย โดยบางรายมีภาวะสายตาเอียงมาตั้งแต่เกิด หรือเพิ่งเป็นในช่วงวัยผู้ใหญ่ก็ได้เช่นกัน ซึ่งอาจเกิดจากการบาดเจ็บ โรคบางอย่าง อายุที่เพิ่มมากขึ้น หรือเกิดขึ้นควบคู่กับปัญหาสายตาสั้นหรือยาว อาการสายตาเอียง เป็นอย่างไร สายตาเอียง โดยทั่วไปแล้วจะมีอาการดังต่อไปนี้ ตาเบลอ มองเห็นไม่ชัด มองเห็นเงาซ้อน มองเห็นภาพบิดเบี้ยวจากความเป็นจริง มองเห็นรายละเอียดของสิ่งต่างๆ ได้ไม่ดี เมื่อมองแสงไฟ จะเห็นแสงจ้าแยงตา แตกเป็นเส้น หรือเห็นเป็นวงแหวนรอบๆ ต้องหยีตาเพื่อให้มองเห็นชัดขึ้น ปวดล้าสายตา เมื่อใช้สายตาเป็นเวลานาน เช่น จ้องจอคอมพิวเตอร์ หรืออ่านหนังสือ มีปัญหาในการมองเห็นตอนกลางคืน ปวดศีรษะ ขยี้ตาบ่อย ตาเหล่     สายตาเอียงมีกี่ประเภท สายตาเอียงมักมาพร้อมกับปัญหาทางสายตาอื่นๆ ซึ่งแบ่งประเภทของสายตาเอียงได้ ดังนี้ สายตาเอียงร่วมกับสายตาสั้น สายตาเอียงร่วมกับสายตาสั้น (Myopic Astigmatism)คือ การที่ส่วนโค้งทั้งสองของเลนส์ตาหรือกระจกตาโฟกัสแสงที่ด้านหน้าของจอประสาทตา เมื่อรูปร่างของกระจกตาผิดปกติ แสงจึงตกกระทบไม่ถึงจอประสาทตา และเกิดจุดโฟกัสมากกว่า 1 ทำให้มองวัตุระยะไกลไม่ชัดเจน และเกิดภาพเงาซ้อน ซึ่งสายตาเอียงร่วมกับสายตาสั้น ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ดังนี้ Simple Myopic Astigmatismคือแสงสร้างจุดโฟกัส 2 จุด โดยที่ 1 จุด อยู่ที่ด้านหน้าจอประสาทตา และอีก 1 จุดอยู่ในจุดที่ถูกต้อง คือ ตรงบริเวณจอประสาทตา Compound Myopic Astigmatismคือแสงโฟกัสทั้ง 2 อยู่ที่ด้านหน้าจอประสาทตา และอยู่คนละจุด สายตาเอียงร่วมกับสายตาสั้นไม่อันตราย แต่ส่งผลต่อการใช้ชีวิต รักษาได้ด้วยการใส่แว่น คอนแท็กต์เลนส์ หรือทำเลสิกสายตาเอียงเพื่อแก้ไขปัญหาการมองเห็นได้ สายตาเอียงร่วมกับสายตายาว สายตาเอียงร่วมกับสายตายาว (Hyperopic Astigmatism)เกิดขึ้นเมื่อแกนที่เรียกว่า principal meridian 1 หรือทั้ง 2 อันเป็นแกนสายตายาว เมื่อแสงสะท้อนเข้าสู่ดวงตา ทำให้เกิดจุดโฟกัสแสงด้านหลังของจอประสาทตา ทั้งยังเกิดจุดโฟกัสมากกว่า 1 ทำให้มองใกล้ไม่ชัดเจน เกิดภาพเบลอ เงา ภาพบิดเบี้ยว ซึ่งสายตาเอียงร่วมกับสายตายาว ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ดังนี้ Simple Hyperopic Astigmatismเกิดขึ้นเมื่อจุดโฟกัสแสงหนึ่งจุดตกกระทบโดยตรงไปยังจอประสาทตาและอีกหนึ่งจุดตกกระทบด้านหลัง ซึ่งแกนสายตาหนึ่งเป็นแกนสายตายาวแต่กำเนิด และอีกแกนหนึ่งเป็นปกติ Compound Hyperopic Astigmatism เกิดขึ้นเมื่อจุดโฟกัสแสงอยู่ด้านหลังจอประสาทตา โดยมีแกนสายตายาวทั้งสองแนวแกนโดยกำเนิด แต่ปริมาณไม่เท่ากัน สายตาเอียงร่วมกับสายตายาวไม่อันตราย เพียงจะส่งผลต่อการใช้ชีวิต ผู้ป่วยสามารถใส่แว่น ใส่คอนแท็กต์เลนส์ หรือทำเลสิกสายตาเอียงเพื่อแก้ไขปัญหาการมองเห็นได้เช่นเดียวกับสายตาเอียงร่วมกับสายตาสั้น สายตาเอียงแบบผสม สายตาเอียงแบบผสม (Mixed Astigmatism)เกิดขึ้นเมื่อแกน principal meridian โดยหนึ่งแกนเป็นแกนสายตายาว และอีกหนึ่งแกนเป็นแกนสายตาสั้น ทำให้การหักเหแสงตกกระทบที่ด้านหลังจอประสาทตา และอีกจุดหนึ่งที่ด้านหน้าจอประสาทตา ทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน และบิดเบือนค่อนข้างมาก สายตาเอียงแบบผสมไม่อันตรายแต่มีผลต่อการใช้ชีวิตค่อนข้างมาก การแก้ไขด้วยการตัดแว่นก็ถือว่าค่อนข้างยากที่จะแก้ไขให้สายตามองเห็นได้ปกติ แต่สามารถใส่คอนแท็กต์เลนส์ที่เรียกว่า Orthokeratology (Ortho-K) เพื่อปรับรูปร่างกระจกตาในขณะนอนหลับ ช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น หรือทำเลสิกสายตาเอียงเองก็ช่วยได้เช่นกัน สาเหตุสายตาเอียง เกิดจากอะไร สายตาเอียง เกิดจากความผิดปกติของความโค้งกระจกตา โดยปกติแล้วกระจกตาจะโค้งเป็นทรงกลม คล้ายลูกเบสบอล ในคนที่มีสายตาเอียงกระจกตาจะผิดรูป เป็นรูปไข่หรือทรงรี ทำให้จุดโฟกัสแสงผิดพลาด เกิดจุดโฟกัสมากกว่า 1 จุด ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน ทั้งระยะใกล้และไกล มักเกิดร่วมกับปัญหาสายตาสั้นและสายตายาว โดยสาเหตุของสายตาเอียงเกิดจาก กรรมพันธุ์ ตาเหล่ การบาดเจ็บบริเวณดวงตา ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดดวงตา ภาวะกระจกตาย้วย (Keratoconus)     การวินิจฉัยสายตาเอียงโดยแพทย์ การวินิจฉัยสายตาเอียง ต้องทำโดยจักษุแพทย์หรือนักนักทัศนมาตร เพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับปัญหาสายตา ผู้มีปัญหาสายตาจะได้รับการตรวจ ดังนี้ การตรวจวัดระดับการมองเห็น (Visual Acuity Test)เพื่อทดสอบความสามารถและความชัดเจนในการมองเห็น โดยการอ่านตัวเลขหรือตัวอักษรบนแผนภูมิสเนลแลน (Snellen Chart) ซึ่งตัวอักษรจะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ การวัดค่าความโค้งกระจกตา (Keratometer Test) แพทย์จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า เราโทมิเตอร์เพื่อตรวจวัดระดับความโค้งของกระจกตาและแสงสะท้อนที่กระทบกระจกตา การทดสอบการหักเหของแสงที่เข้าสู่ดวงตาแพทย์จะใช้ โฟรอพเตอร์ (Phoropter) เพื่อวัดข้อผิดพลาดในการหักเหของแสง การโฟกัสของดวงตา โดยผู้ป่วยจะมองเลนส์หลายๆ ชุด และอ่านแผนภูมิเพื่อวัดค่าเลนส์ที่สามารถแก้ไขปัญหาข้อผิดพลาดในการหักเหของแสงได้ ทำเลสิกสายตาเอียง คืออะไร การทำเลสิกสายตาเอียง คือการรักษาสายตาผิดปกติ โดยการใช้เลเซอร์ปรับแก้ความโค้งของกระจกตา ให้มีรูปทรงปกติให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะสายตาสั้น ยาว เอียง ก็ทําเลสิกได้ โดยจักษุแพทย์จะทำการใช้ใบมีดไมโครเคอราโตม (Microkeratome) เพื่อแยกชั้นกระจกตา และใช้เลเซอร์ Excimer Laser เพื่อปรับความโค้งกระจกตา และปิดกระจกตากลับไปตำแหน่งเดิม และกระจกตาจะสมานตัวเองได้โดยไม่ต้องเย็บแผล     ประเภทการทำเลสิกสายตาเอียง และการแก้ไขอื่นๆ หลายคนอาจไม่ทราบว่าการทำเลสิกสายตาเอียงนั้นมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็วิธีการและจุดเด่น รวมถึงเหมาะกับปัญหาสายตาที่แตกต่างกันออกไป มาดูการทำเลสิกสายตาเอียงมี 5 ประเภทหลัก ดังนี้ 1. ผ่าตัดเลสิกแบบใช้ใบมีด การผ่าตัดเลสิกสายตาเอียงแบบใช้ใบมีด (Microkeratome Lasik) คือ การผ่าตัดโดยใช้ใบมีดตัดแยกชั้นกระจกตา จากนั้นยิงเลเซอร์เข้าไปเพื่อแก้ไขปัญหาความผิดปกติของสายตา มีความแม่นยำสูง ปลอดภัย ระคายเคืองน้อย ใช้เวลาพักฟื้นน้อย กลับมามองเห็นชัดเจนได้อย่างรวดเร็ว วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสายตาเอียงไม่เกิน 500 และสั้นไม่เกิน 1,200 - 1,300 ราคาเริ่มต้นที่ 30,000 - 45,000 บาท วิธีนี้ราคาเริ่มต้นที่ 50,000 - 70,000 บาท 2. ผ่าตัดเลสิกแบบไร้ใบมีด การผ่าตัดเลสิกสายตาเอียงแบบไม่ใช้ใบมีด เรียกว่า Bladeless Femto LASIK คือการผ่าตัดโดยใช้แสงเลเซอร์แทนการใช้ใบมีด โดยมีสแกนไปตามความโค้งของกระจกตา ความเร็ว 500 กิโลเฮิร์ต โดยที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อดวงตา จากนั้นใช้เลเซอร์อีกตัวเจียระไนกระจกตา การผ่าตัดวิธีนี้มีความแม่นยำสูง ลดความคลาดเคลื่อนในการแยกชั้นกระจกตา และความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อน วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีสายตาเอียงไม่เกิน 600 และสายตาสั้นระหว่าง 100 - 1,000 3. ผ่าตัดเลสิกแบบแผลเล็ก ReLEx SMILE คือ การเลสิกสายตาที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีมาจากการทำเลสิกแบบดั้งเดิม เป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่ใช้เลเซอร์เฟมโตตัดเนื้อเยื่อกระจกตาเป็นแผ่นบางๆ คล้ายแพนเค้ก เรียกว่า Lenticule และทำการเปิดแผลขนาดเล็ก 2-4 มม. เพื่อนำ Lenticule ออกมา มีความแม่นยำ ไม่เจ็บขณะผ่าตัด แผลขนาดเล็ก หายไว รบกวนเส้นประสาทที่บริเวณกระจกตาน้อย จึงลดอาการเคืองตา หรืออาการอื่นๆ ที่จะตามมาหลังผ่าตัด วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีค่าสายตาสั้นไม่เกิน 1,000 เอียงไม่เกิน 500 และผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้นร่วมกับสายตาเอียง ราคาประมาณ 85,000 - 140,000 บาท 4. ผ่าตัดเลสิก NanoLASIK ผ่าตัดเลสิกแบบไร้ใบมีดพลังงานต่ำ NanoLASIK คือการเลสิกสายตาที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งสายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียงได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบมีด แต่จะเปลี่ยนมาใช้เชเซอร์ในการสร้างแผ่นกระจกตาแทน มั่นใจได้ในผลลัพธ์การรักษาที่แม่นยำ รวดเร็ว และปลอด นอกจากนี้ NanoLASIK ทำงานในระดับพลังงานนาโนจูลที่ต่ำ ช่วยลดโอกาสระคายเคืองตาหลังทำเลสิกและช่วยให้ฟื้นฟูหลังทำได้เร็วมากยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยการทำ NanoLASIK เหมาะกับผู้ที่มีกระจกตาบางและไม่สามารถทำเลสิกแบบดั้งเดิมได้ 5. ผ่าตัดเลสิก NanoRelex ผ่าตัดเลสิกแบบไร้ใบมีด แผลเล็ก พลังงานต่ำ NanoRelex คือเทคโนโลยีการทำเลสิกใหม่ล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อรักษาปัญหาสายตาสั้นและสายตาเอียงด้วยการใช้พลังของเทคโนโลยี Femtosecond Laser ปรับเปลี่ยนเนื้อเยื่อกระจกตา โดยการเอาเนื้อเยื่อกระจกตาส่วนเกินออกผ่านรอยกรีดขนาดเล็กเพียง 2-3 มม. ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบมีด พร้อมลดโอกาสเกิดความเสี่ยงตาแห้งหลังทำเลสิกได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย 6. ผ่าตัดเลสิก SMILE Pro ผ่าตัดเลสิกแบบไร้ใบมีด แผลเล็ก ความเร็วสูง SMILE Pro คือการผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติด้วย Femtosecond Laser เป็นตัวช่วยในการแยกชั้นเนื้อเยื่อกระจกตาออกเป็นแผ่นบางๆ จากนั้นจะดึงแผ่นเนื้อเยื่อกระจกตาเหล่านั้นออกผ่านแผนที่มีขนาดเล็กเพียง 2 - 4 มม. เพื่อช่วยปรับรูปร่างและความโค้งของกระจกตาให้กลับมาคล้ายปกติ และช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าสายตาสั้นไม่เกิน 1000 สายตาเอียงไม่เกิน 500 หรือมีสายตาสั้นร่วมกับสายตาเอียง 7. การทำเลสิก PRK (Photorefractive Keratectomy) PRK (Photorefractive Keratectomy) คือ วิธีผ่าตัดแก้ไขปัญหาความผิดปกติของสายตาในช่วงแรกๆ แต่ยังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน เป็นการผ่าตัดที่ไม่เปิดฝากระจกตา แต่จะกำจัดเซลล์ชั้นนอกของกระจกตาออก และใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ปรับรูปร่างกระจกตา ผลข้างเคียงน้อย ไม่ต้องเย็บแผล และเป็นวิธีเดียวที่อนุญาตให้ผู้ที่ต้องการสอบเป็นนักบินสามารถทำได้ ราคาไม่แพง เริ่มต้นประมาณ 35,000 - 40,000 บาทขึ้นไป วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีอาการตาแห้งหรือกระจกตาบาง ผู้ที่มีสายตาเอียงไม่เกิน 200 และสายตาสั้นได้ถึง 500 การเตรียมตัวก่อนทำเลสิกสายตาเอียง ก่อนการเลสิกสายตาเอียงต้องมีการเตรียมตัว เตรียมความพร้อมก่อนทำ เพื่อให้ผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี ป้องกันปัญหาที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้น การเตรียมตัวก่อนทำเลสิกสายตาเอียงทำได้ดังนี้ หาข้อมูลและปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม งดใส่คอนแท็กต์เลนส์อย่างน้อย 3 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด งดแต่งหน้า งดใช้น้ำหอม ครีมบำรุงบริเวณรอบดวงตา งดดื่มชา กาแฟ ควรพาญาติหรือผู้ดูแลมาด้วย เนื่องจากหลังทำเลสิกตาเอียง การมองเห็นจะยังคงไม่ชัดเจน เตรียมแว่นกันแดดเพื่อป้องกันดวงตาจากแสง UV     การดูแลตัวเองหลังทำเลสิกสายตาเอียง หลังการทำเลสิกสายตาเอียง ควรดูแลตนเองให้ถูกต้องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และป้องกันการเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ โดยการดูแลตัวเองหลังทำเลสิกสายตาเอียง มีดังนี้ หากมีอาการปวดตา สามารถใช้ยาบรรเทาอาการปวดได้ ควรใช้ยาหยอดตาเพื่อป้องกันอาการตาแห้ง ใช้สำลีน้ำอุ่นเช็ดรอบดวงตาเบาๆ เช้า-เย็น เป็นเวลา 2 สัปดาห์ งดแต่งหน้าหรือทาครีมบริเวณรอบดวงตา งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ พักผ่อนสายตา งดการใช้สายตาหานักๆ เลี่ยงกิจกรรมที่ใช้กำลัง อย่างน้อย 1 เดือน สวมที่ครอบตาก่อนนอน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น และป้องกันการขยี้ตา ระวังน้ำหรือฝุ่นเข้าดวงตา ควรสวมแว่นกันแดดหากอยู่ในบริเวณที่มีแสงจ้า หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ ทำเลสิกสายตาเอียงที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospital ดีอย่างไร หากต้องการทำเลสิกสายตาเอียง แนะนำให้เข้ามาปรึกษาและรักษาอาการเหล่านี้ได้ที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospital ที่นี่โดดเด่นด้านการรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ด้วยทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีจุดเด่นดังนี้ โรงพยาบาลมีทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มากประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาการผิดปกติ และแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เทคโนโลยีสำหรับการรักษาดวงตาสมัยใหม่ เครื่องมือได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อการรักษาดวงตาอย่างแม่นยำและปลอดภัย พร้อมให้การรักษาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ใส่ใจในการบริการ พร้อมบรรยากาศของโรงพยาบาลที่เป็นกันเอง สรุป สายตาเอียงเป็นปัญหาสายตาที่ส่งผลต่อการมองเห็นที่ไม่ชัดเจน ภาพเบลอ ทั้งในระยะใกล้และไกล มักเกิดควบคู่กับปัญหาสายตาสั้นหรือสายตายาว เนื่องจากความโค้งของกระจกตาที่ผิดปกติ เกิดจุดโฟกัสแสงมากกว่าหนึ่งจุด สายตาเอียงเกิดได้กับทุกคน ทุกวัย ทำเลสิกสายตาเอียงเพื่อทำการรักษาได้ โดยใช้เลเซอร์ปรับความโค้งของกระจกตาให้การมองเห็นกลับมาเป็นปกติ แนะนำมาที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospitalศูนย์รักษาตาครบวงจร ดูแลรักษาปัญหาสายตาผิดปกติ ด้วยทีมจักษุแพทย์ที่เชี่ยวชาญ มีเทคโนโลยีการเลสิกสายตาเอียงที่ทันสมัย มุ่งเน้นการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และบริการที่ประทับใจ
calling
ติดต่อเรา : +662 511 2111