มุมสุขภาพตา : #สายตาสั้นในเด็ก

เรียงตาม

กระจกตาบางเกิดจากอะไร? อาการ ผลกระทบต่อสายตาและวิธีรักษา

กระจกตาบางคือภาวะที่กระจกตาซึ่งเป็นชั้นโปร่งใสด้านหน้าตาของดวงตามีความหนาน้อยกว่าปกติ ส่งผลต่อการมองเห็นและสุขภาพตา กระจกตาบางเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมตามวัย การขยี้ตาบ่อยๆ โรคทางพันธุกรรม หรือผลข้างเคียงจากการผ่าตัดตา เช่น เลสิก อาการของกระจกตาบางที่สังเกตได้ เช่น ตาพร่ามัว ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย มองเห็นภาพบิดเบี้ยว และสายตาเอียงสูงผิดปกติ กระจกตาบางคือภาวะที่ความหนาของกระจกตาลดลงกว่าปกติ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการโฟกัสแสงเข้าสู่ดวงตา ทำให้การมองเห็นมีความคมชัด หากกระจกตาบางเกินไป อาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสายตา เช่น สายตาผิดปกติ หรือมีผลกระทบต่อการรักษาดวงตาด้วยวิธีต่างๆ เช่น เลสิก การเข้าใจสาเหตุ อาการ และการดูแลกระจกตาบางอย่างถูกต้อง จึงช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนและดูแลสุขภาพตาได้ดีขึ้น       กระจกตาคืออะไร? สิ่งสำคัญต่อการมองเห็น กระจกตา (Cornea) คือชั้นโปร่งใสและโค้งอยู่ด้านหน้าสุดของดวงตา ครอบคลุมตาดำ มีหน้าที่ช่วยหักเหแสงให้เข้าสู่ดวงตา ทำให้เรามองเห็นชัดเจน และยังเป็นเกราะป้องกันเชื้อโรคโดยตรง โดยปกติความหนาของกระจกตาจะอยู่ที่ประมาณ 520-550 ไมครอน และสามารถบางลงได้ตามอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย       รู้จักกับกระจกตาบาง กระจกตาบางคือลักษณะของกระจกตาที่มีความหนาน้อยกว่า 500 ไมครอน (0.5 มิลลิเมตร) โดยทั่วไปไม่ถือเป็นโรคและไม่ต้องรักษา แต่กระจกตาบางจะส่งผลต่อการวินิจฉัยโรคบางอย่าง เช่น ต้อหิน เพราะทำให้วัดความดันตาต่ำกว่าความจริง รวมถึงส่งผลต่อการเลือกวิธีแก้ไขสายตา เช่น หากผู้ป่วยต้องการทำ LASIK และ มีระดับค่าสายตาที่มีผิดปกติสูง เช่น สั้น หรือ เอียงมาก โดยมีความหนาของกระจกตาน้อย เมื่อเปรียบเทียบกันกับเนื้อกระจกตาที่ต้องใช้ผ่าตัด หลังจากได้รับการตรวจจากผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด เเพทย์ประเมินแล้วอาจจะไม่สามารถแก้ไขค่าสายตาได้หมด หรืออาจทำให้ กระจกตาเสี่ยงเป็นโรคกระจกตาอื่นๆหลังการแก้ไข เเพทย์อาจประเมินให้ผู้ป่วยทำการรักษาด้วยวิธีการอื่นๆ เช่น PRK ICL FemtoLASIK ReLEx SMILE Pro หรือ NanoLASIK  แทนการทำ LASIK แบบทั่วๆไป ซึ่งเป็นการเเก้ไขที่ใช้หรือรบกวนความหนาของกระจกตาน้อยกว่าเพราะฉะนั้น ก่อนทำเลสิกจึงต้องสังเกตและตรวจประเมินความหนาของกระจกตาอย่างละเอียด เพราะหากบางเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะสายตาเอียงผิดปกติ หรือกระจกตาย้วย ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็นได้ นอกจากนี้หลายคนยังสงสัยว่า “ใส่คอนแท็กต์เลนส์ ทำให้กระจกตาบางจริงไหม?” คำตอบคือ โดยทั่วไปการใส่คอนแท็กต์เลนส์อย่างถูกวิธี ไม่ได้ทำให้กระจกตาบางลง แต่หากใส่นานเกินไป ไม่ถอดล้างหรือดูแลอย่างถูกต้อง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือเกิดภาวะขาดออกซิเจนที่กระจกตา ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อบางลงได้เช่นกัน       กระจกตาบางเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง? กระจกตาบางเกิดได้จากหลายสาเหตุ การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้ช่วยให้สามารถป้องกันและดูแลสุขภาพตาได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย มีดังนี้   โรคทางพันธุกรรม แม้ว่าภาวะกระจกตาบางมักเกิดจากพฤติกรรมบางอย่าง แต่ในบางกรณี ความผิดปกตินี้อาจมีสาเหตุจากโรคพันธุกรรมที่ถ่ายทอดภายในครอบครัว หนึ่งในโรคที่พบบ่อย คือ กระจกตาย้วย (Keratoconus) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะกระจกตาบาง กระจกตาจะบางลงและโป่งยื่นออกมาคล้ายรูปกรวย ทำให้สายตาเอียงผิดปกติ และการมองเห็นแย่ลงเรื้อรัง มักเริ่มแสดงอาการในช่วงวัยรุ่นถึงอายุ 30 ปี โรคกระจกตาบางจากพันธุกรรมอื่นๆ (Corneal Dystrophies) เช่น Pellucid Marginal Degeneration (PMD) ซึ่งกระจกตาจะบางลงบริเวณขอบด้านล่าง   การบาดเจ็บหรือการผ่าตัดตา การผ่าตัดแก้ไขสายตาบางประเภท เช่น การทำเลสิก (LASIK) หรือ PRK อาจส่งผลให้กระจกตาบางลงได้ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการเลเซอร์เนื้อกระจกตา ออกไปมากเกินความจำเป็น ทำให้ความหนาของกระจกตาที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอ เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น กระจกตาย้วยในอนาคต นอกจากนี้การบาดเจ็บที่กระจกตาซ้ำๆ รวมถึงการติดเชื้อที่รุนแรง เช่น แผลที่กระจกตาหรือกระจกตาอักเสบ ก็สามารถทำลายเนื้อเยื่อกระจกตาและทำให้เกิดการบางลงได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที   โรคอื่นๆ หรือการใช้ยา โรคทางภูมิคุ้มกันบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) หรือโรคเอสแอลอี (SLE) อาจส่งผลกระทบต่อกระจกตา ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่ภาวะกระจกตาบางได้ในระยะยาว เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเนื้อเยื่อของตาเอง ในขณะเดียวกัน การใช้ยาหยอดตาบางชนิด โดยเฉพาะยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หากใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจมีผลข้างเคียงต่อโครงสร้างของกระจกตา ทำให้เนื้อเยื่อกระจกตาอ่อนแอและบางลงได้เช่นกัน       อาการของภาวะกระจกตาบาง ภาวะกระจกตาบางมักพัฒนาอย่างช้าๆ จนอาจไม่สังเกตเห็นได้ในระยะแรก การเรียนรู้ที่จะสังเกตอาการเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาได้อย่างทันท่วงที โดยอาการที่อาจพบมีดังนี้ การมองเห็นพร่ามัวหรือไม่ชัดเจน ค่าสายตาเปลี่ยนแปลงบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ มีค่าสายตาเอียงสูงกว่าปกติ มองเห็นภาพบิดเบี้ยว หรือมีลักษณะผิดรูปจากความจริง       วิธีการตรวจและวินิจฉัยกระจกตาบาง โดยปกติแล้วภาวะกระจกตาบางมักถูกตรวจพบในขั้นตอนการประเมินสายตาก่อนทำเลสิก ซึ่งแพทย์จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Keratometerตรวจวัดความโค้งของกระจกตาและค่าสายตาเอียง โดยการสะท้อนแสงบนกระจกตาเพื่อตรวจหารูปร่างและความโค้งที่ผิดปกติ ซึ่งความโค้งที่ผิดปกตินี้ อาจสัมพันธ์กับความบางของกระจกตา นอกจากนั้นยังมีการตรวจ Corneal Tophography หรือแผนภูมิดวงตาเพื่อประเมินค่าความหนาบางและความผิดปกติของกระจกตาอื่นๆด้วย โดยอาจจะมีการวัด Tomographic Biomechanical Index หรือ ค่าความเเข็งเเรงของกระจกตา เสริมเพื่อตรวจความเสี่ยงของโรค Corneal Ectasia หรือโรคกระจกตาโป้งอีกด้วย แม้ว่าจะสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ เช่น มองเห็นไม่ชัดหรือค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย แต่การวินิจฉัยว่ามีกระจกตาบางจริงหรือไม่นั้น ต้องอาศัยการตรวจโดยจักษุแพทย์เท่านั้น เพราะการสังเกตอาการด้วยตนเองเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้น ไม่สามารถยืนยันผลได้ ดังนั้นหากสงสัยว่าตนเองมีกระจกตาบาง ควรเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการดูแลและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น   สรุป กระจกตาบางเป็นภาวะที่หลายคนไม่รู้ตัว แต่สามารถส่งผลกระทบต่อการมองเห็น เช่น ตาพร่ามัว ค่าสายตาเปลี่ยนบ่อย หรือภาพบิดเบี้ยว ซึ่งอาจเกิดจากพันธุกรรม โรคภูมิคุ้มกัน การผ่าตัดแก้ไขสายตา หรือการใช้ยาบางชนิด การตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกจึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่วางแผนทำเลสิก ควรเข้ารับการตรวจวัดความหนาและความโค้งของกระจกตาอย่างละเอียดที่ Bangkok Eye Hospital ด้วยเครื่องมือทันสมัยและแพทย์เฉพาะทาง เพื่อป้องกันและดูแลสุขภาพดวงตาได้อย่างมั่นใจ   คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกระจกตาบาง (FAQ) หลายคนที่เพิ่งเคยได้ยินเกี่ยวกับภาวะกระจกตาบางอาจมีข้อสงสัยมากมาย เพื่อช่วยให้เข้าใจมากขึ้น เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะกระจกตาบาง พร้อมคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันในบทความนี้   ทำอย่างไรให้กระจกตาหนาขึ้น ความหนาของกระจกตาไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากเป็นความผิดปกติที่เกิดจากโครงสร้างภายในชั้นกระจกตาเอง   ถ้าปล่อยให้กระจกตาบางแล้วไม่รักษา จะเป็นอย่างไร? สายตาพร่ามัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถแก้ไขด้วยแว่นหรือคอนแท็กต์เลนส์ปกติได้ กระจกตาโป่งยื่นออกมามากผิดปกติ ทำให้การมองเห็นแย่ลงอย่างถาวร ในบางกรณีรุนแรงมาก อาจเกิดภาวะกระจกตาบวมน้ำฉับพลัน (Acute Hydrops) หรือกระจกตาทะลุ ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินและอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้หากไม่ได้รับการปลูกถ่ายกระจกตา   สามารถป้องกันภาวะกระจกตาบางได้ไหม หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ เพราะการขยี้ตาเป็นประจำและรุนแรงสามารถทำให้กระจกตาบางลงและเป็นตัวกระตุ้นให้โรคกระจกตาย้วยแย่ลง ดูแลสุขภาพตาโดยรวม เช่น ไม่ใช้คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป และรักษาความสะอาดของดวงตา พบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคเกี่ยวกับกระจกตา เพื่อให้สามารถวินิจฉัยและเริ่มการรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะให้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีกว่า  
อ่านเพิ่มเติม

ภาวะสายตาสั้นในเด็ก อันตรายที่ต้องรีบรักษาก่อนสายเกินแก้

ภาวะสายตาสั้นในเด็กเกิดได้จากหลากหลายปัจจัยด้วยกัน ทั้งสาเหตุจากปัจจัยภายในและภายนอก ทั้งนี้ภาวะสายตาสั้นในเด็กเป็นอาการที่ไม่ควรละเลย เนื่องจากส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและส่งผลต่อการมองเห็นในอนาคต ในบทความนี้ทาง Bangkok Eye Hospital จะมาแนะนำแนวทางการรักษาภาวะสายตาสั้นในเด็กอย่างถูกวิธี   ภาวะสายตาสั้นในเด็ก คือ การที่เด็กไม่สามารถมองระยะไกลได้ชัดเจน ทำให้ต้องมีการหรี่ตา หรือเพ่งสายตา เพื่อให้มองเห็นภาพได้ชัดขึ้น ภาวะสายตาสั้นในเด็ก เกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งเกิดจากพันธุกรรม หรือสภาวะแวดล้อม สังเกตภาวะสายตาสั้นในเด็กได้จากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น เด็กเลือกนั่งแถวหน้าสุด เพื่อให้มองเห็นกระดานชัดเจน หรือเด็กดูโทรทัศน์ระยะใกล้กว่าปกติ การแก้ไขและควบคุมค่าสายตาสั้นในเด็ก แพทย์จะพิจารณาจ่ายยา พร้อมแนะนำให้ใช้แว่นสายตาเพื่อควบคุมและชะลอสายตาสั้นที่อาจเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ปัญหาภาวะสายตาสั้นในเด็กเป็นอาการที่ไม่ควรละเลย ควรเข้ารับการปรึกษากับจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนสายตาสั้นขึ้นเรื่อยๆ จนรักษาได้ยาก และอาจส่งผลต่อสุขภาพของเด็ก Bangkok Eye Hospital มีศูนย์รักษาตาเด็กโดยเฉพาะ มาพร้อมอุปกรณ์ที่ทันสมัย มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมดูแลแก้ไขทุกปัญหาเกี่ยวกับดวงตาของเด็ก     อาการสายตาสั้นในเด็ก พบบ่อยกว่าที่คิด อาการสายตาสั้นในเด็ก คือภาวะที่เด็กมีค่าสายตาผิดปกติ โดยเด็กจะมองเห็นภาพระยะไกลไม่ชัดเจน เป็นภาพเบลอ ทำให้ต้องเพ่งอยู่ตลอด ส่งผลต่อบุคลิกภาพและการดำเนินชีวิต โดยภาวะสายตาสั้นในเด็กพบได้มาก โดยอิงจากข้อมูลการวิจัยพบว่าหากพ่อแม่มีประวัติสายตาสั้น เด็กจะมีโอกาสเกิดภาวะสายตาสั้นสูงถึง 77.3% สายตาสั้นในเด็ก มีอาการอย่างไร เนื่องจากเด็กเป็นวัยที่ยังไม่รู้ว่าสายตาสั้นคืออะไร ทำให้พวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่าการมองเห็นผิดปกติ ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมลูกเพื่อดูความผิดปกติ โดยเด็กสายตาสั้นสังเกตได้จากลักษณะความผิดปกติ ดังต่อไปนี้เด็กสายตาสั้นมักมีพฤติกรรมขยี้ตา ระคายเคืองตาบ่อยๆ เด็กสายตาสั้นมักหรี่ตา หรือเพ่งสายตาในการจ้องวัตถุ เพื่อให้มองเห็นได้ชัดขึ้น เด็กสายตาสั้นจะจ้องวัตถุในระยะประชิดมากกว่าเด็กทั่วไป เช่น ดูโทรทัศน์ระยะใกล้ อ่านหนังสือระยะใกล้ หรือหยิบของเล่นมาดูใกล้ๆ เด็กสายตาสั้นจะมีอาการปวดเบ้าตา ตาล้าอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากมองเห็นไม่ชัดเจน เด็กสายตาสั้นจะมีอาการซุ่มซ่าม เดินชนสิ่งของอยู่บ่อยครั้ง     อาการสายตาสั้นในเด็ก มีสาเหตุจากอะไร สาเหตุภาวะสายตาสั้นในเด็ก สามารถแบ่งออกเป็น 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้ สายตาสั้นในเด็กจากพันธุกรรม จากการศึกษาข้อมูลวิจัยพบว่าเด็กที่มีพ่อแม่ที่มีประวัติสายตาสั้น มักมีโอกาสที่เด็กจะมีสายตาสั้นสูงถึง 77.3% หรือในกรณีที่พ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งมีภาวะสายตาสั้น เด็กจะมีโอกาสเกิดภาวะสายตาสั้นประมาณ 43.6% สายตาสั้นในเด็กจากปัจจัยแวดล้อม ปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลให้เกิดภาวะสายตาสั้นในเด็ก เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือเป็นระยะเวลานาน ดูโทรทัศน์เป็นระยะเวลานาน หรือการจ้องมองสิ่งของต่างๆ ในระยะประชิดเกินไป เช่น จ้องโทรศัพท์ในระยะใกล้ อ่านหนังสือระยะใกล้ เป็นต้น     การวินิจฉัยอาการสายตาสั้นในเด็กโดยแพทย์ อาการสายตาสั้นในเด็ก เป็นอาการที่สามารถพบได้โดยทั่วไป ทั้งนี้แพทย์จะทำการวินิจฉัยอาการสายตาสั้นในเด็ก โดยอิงจากขั้นตอน ดังต่อไปนี้ การทดสอบการมองเห็นโดยให้อ่านตัวอักษร หรือตัวเลขบนหน้าจอเพื่อทดสอบสายตา การตรวจตาเพิ่มเติมด้วยกล้องเป็นการตรวจหาความผิดปกติเพิ่มเติมด้วยการส่องไฟเข้าไปที่ดวงตา พร้อมใช้กล้องตรวจหาความผิดปกติ การตรวจค่าสายตาด้วยเครื่องวัดสายตาอัตโนมัติเป็นการตรวจหาค่าสายตา เพื่อให้ทราบค่าสายตาเบื้องต้น การทดสอบการหักเหของแสงเป็นการทดสอบด้วยการใช้เลนส์ ร่วมกับแท่งไฟลำแสงแคบ เพื่อปรับค่าความจำเป็นในการมองเห็น     แนวทางการรักษาสายตาสั้นในเด็ก แบบไม่ผ่าตัด ในปัจจุบันการรักษาภาวะสายตาสั้นในเด็กแบบไม่ผ่าตัด สามารถรักษาภาวะสายตาสั้นเพียงชั่วคราว โดยแบ่งวิธีการรักษาออกเป็น 2 วิธี ดังนี้ การสวมใส่แว่นตา สวมใส่แว่นตาเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน เป็นการรักษาสายตาสั้นในเด็กด้วยการสวมแว่นที่ประกอบกับเลนส์เว้าปรับตามระยะค่าสายตา เพื่อทำให้ภาพตกที่จอตาพอดี วิธีนี้เหมาะสำหรับเด็กทุกวัย เนื่องจากมีวิธีดูแลรักษาไม่ยุ่งยากเหมือนการสวมคอนแท็กต์เลนส์ การสวมใส่คอนแท็กต์เลนส์ สวมใส่คอนแท็กต์เลนส์เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน เป็นการสวมคอนแท็กต์เลนส์เข้าไปในดวงตา เพื่อให้เด็กมองเห็นได้ชัดเจน วิธีนี้จะมีความยุ่งยาก และซับซ้อนกว่าการใส่แว่น เนื่องจากมีการสัมผัสดวงตาโดยตรง หากไม่รักษาความสะอาด อาจเสี่ยงต่อการอักเสบ ติดเชื้อ จึงเหมาะกับเด็กที่โตพอที่จะดูแลตัวเองและรักษาความสะอาดได้แล้ว และควรมีผู้ปกครองคอยสังเกตการสวมคอนแท็กต์เลนส์เป็นประจำ     ชะลอการเกิดสายตาสั้นในเด็ก ทำได้อย่างไร ถึงแม้ว่าภาวะสายตาสั้นในเด็กเป็นอาการที่เป็นแล้วไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้ แต่ก็มีวิธีชะลอการเกิดภาวะสายตาสั้นในเด็กได้ โดยปฏิบัติ ดังนี้   กำหนดเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้งให้เด็กได้ทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะสายตาสั้นในเด็ก กำหนดเวลาพักสายตาควรกำหนดเวลาพักสายตาด้วยการใช้สูตร 20-20-20 คือ 20 นาที สำหรับการเรียน อีก 20 วินาที สำหรับระยะเวลาการมองไปรอบๆ และอีก 20 ฟุต เป็นระยะทางที่ควรมองออกไปให้ไกลอย่างน้อย 20 ฟุต หรือ 6 เมตร การสวมแว่นกรองแสงหากเด็กๆ มีความจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ หรือใช้โทรศัพท์เป็นระยะเวลานาน ควรสวมแว่นกรองแสงเพื่อถนอมสายตา การใช้ยาหยอดตาการใช้ยาหยอดตาอะโทรปีน (Atropine) ที่มีความเข้มข้นต่ำสามารถชะลอการเกิดสายตาสั้นในเด็กได้ ควรหยอดยาก่อนนอนต่อเนื่องทุกวัน เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี รักษาสายตาสั้น สายตายาวในเด็ก ที่ศูนย์โรคตาเด็ก Bangkok Eye Hospital ดีอย่างไร หากสังเกตเห็นว่าเด็กมีอาการสายตาสั้นหรือสายตายาว แนะนำให้พาเด็กๆ เข้ามาปรึกษาและรักษาอาการเหล่านี้ได้ที่ศูนย์โรคตาเด็ก Bangkok Eye Hospitalที่นี่โดดเด่นด้านการรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ด้วยทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีจุดเด่นดังนี้   โรงพยาบาลมีทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มากประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาการผิดปกติ และแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เทคโนโลยีสำหรับการรักษาดวงตาสมัยใหม่ เครื่องมือได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อการรักษาดวงตาอย่างแม่นยำและปลอดภัย พร้อมให้การรักษาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ใส่ใจในการบริการ พร้อมบรรยากาศของโรงพยาบาลที่เป็นกันเอง สรุป ภาวะสายตาสั้นในเด็ก เป็นอาการที่สามารถพบได้โดยทั่วไป ทั้งนี้หากเกิดภาวะสายตาสั้นขึ้นแล้ว จะไม่สามารถรักษาหายเองได้ อีกทั้งภาวะสายตาสั้นในเด็กเป็นอาการที่ไม่ควรปล่อยไว้ เนื่องจากส่งผลต่อบุคลิกภาพและการมองเห็น สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านดวงตาในเด็ก ขอแนะนำศูนย์รักษาตาเด็ก Bangkok Eye Hospitalที่มีทีมแพทย์เฉพาะทางที่พร้อมดูแล ให้คำแนะนำ พร้อมเสนอแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับตัวเด็ก โดยคำนึงถึงความปลอดภัยมาก่อนเสมอ
calling
ติดต่อเรา : +662 511 2111