มุมสุขภาพตา : #สายตาสั้นในเด็ก

เรียงตาม

ตาแห้งมีอาการอย่างไร วิธีรักษา ป้องกัน และนิสัยที่ช่วยลดอาการตาแห้ง

อาการตาแห้ง คือภาวะตาขาดความชุ่มชื้นเพราะการผลิตน้ำตาน้อยเกินไปหรือคุณภาพน้ำตาไม่ดี ทำให้เกิดอาการระคายเคืองและไม่สบายตาได้ ตาแห้งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น อายุที่มากขึ้นทำให้การผลิตน้ำตาน้อยลง การสวมใส่คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป การจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ รวมถึงผลข้างเคียงจากยาบางชนิด การรักษาตาแห้งทำได้หลายวิธี เช่น ยาหยอดตา น้ำตาเทียม การประคบอุ่น และการรักษาด้วยยาลดการอักเสบ รักษาอาการตาแห้งที่ Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ได้รับการดูแลจากจักษุแพทย์ พร้อมเทคโนโลยีทันสมัยและการรักษาที่เหมาะสมกับอาการ   ตาแห้งเป็นโรคที่ทำให้ตารู้สึกแห้งและระคายเคือง เนื่องจากการผลิตน้ำตาลดลงหรือคุณภาพของน้ำตาไม่ดีพอ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย หากดูแลอย่างถูกวิธี จะช่วยลดอาการและป้องกันภาวะตาแห้งในระยะยาว มาหาสาเหตุของอาการตาแห้ง วิธีรักษา รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้งได้ในบทความนี้     อาการตาแห้ง คืออะไร? ก่อนทำความรู้จักกับอาการตาแห้ง ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ‘น้ำตา’ กันก่อน โดยน้ำตามีความสำคัญต่อดวงตา เป็นตัวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างชัดเจน หล่อเลี้ยงเลี้ยงกระจกตาด้วยออกซิเจน และป้องกันการติดเชื้อและสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้ามาทำร้ายดวงตา ตาแห้ง เป็นอาการที่ปริมาณน้ำตาที่เข้ามาหล่อเลี้ยงผิวตามีไม่เพียงพอส่งผลให้ผิวตาอักเสบได้ โดยอาการของตาแห้งอาจเริ่มจากการแสบตา หรือรู้สึกระคายเคืองเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา รวมถึงอาจพบอาการตาแดง เจ็บ หรือมีการพร่ามัวที่ดีขึ้นเมื่อกะพริบตา นอกจากนี้ยังอาจรู้สึกฝืดๆ หนักๆ ที่ตา หรือลืมตาลำบาก และบางครั้งอาจมีอาการตาล้าหรือมีน้ำตาไหลมากผิดปกติ     ทำไมถึงมีอาการตาแห้งได้ ตาแห้งเป็นปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความสบายของดวงตาและการมองเห็น โดยเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานานเกินไป อาการภูมิแพ้ที่ตาซึ่งอาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่น ควัน หรือมลภาวะ อยู่ในที่ร้อน ลมแรง หรือความชื้นต่ำ ความผิดปกติของต่อมไขมันขอบตา การพบตัวไร (Demodex blepharitis) บริเวณโคนขนตา ซึ่งเกิดจากการอักเสบของต่อมน้ำตา การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้แพ้ ยาต้านซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิตบางชนิด ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล โดยเฉพาะในเพศหญิงที่อาจทำให้คุณภาพของน้ำตาลดลง     อาการตาแห้งเกิดจากอะไร มีปัจจัยอะไรบ้าง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการผลิตน้ำตาหรือการทำงานของต่อมน้ำตา หากมีลักษณะดังต่อไปนี้ จะทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ง่ายขึ้น สร้างน้ำตาได้น้อยกว่าปกติ  (Aqueous Tear Deficiency) กลุ่มคนที่มีความผิดปกติหรือปัจจัยที่ส่งผลให้สามารถสร้างน้ำตาได้น้อย ได้แก่   กลุ่มคนที่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome โรครูมาตอยด์ โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือภาวะที่ไม่พบสาเหตุชัดเจน เช่น Primary Sjogren’s Syndrome กลุ่มคนที่ไม่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome เช่น ต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติตั้งแต่เกิด โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง การแพ้ยารุนแรง หรือการอักเสบที่ทำให้ท่อน้ำตาตัน กลุ่มคนที่ฮอร์โมนเปลี่ยน มักพบในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ส่งผลให้การผลิตน้ำตาและสารคัดหลั่งอื่นๆ ในร่างกายลดลง การกินยาบางประเภท เช่น ยาแก้หวัด ยาแก้แพ้ ยาลดความดันโลหิต หรือยาคลายเครียดบางชนิด ที่มีสารกันเสียเป็นส่วนประกอบ อาจทำให้ตาแห้งมากขึ้น เนื่องจากสารเหล่านี้สามารถลดการผลิตน้ำตาได้ น้ำตาระเหยเร็ว (Evaporative Dry Eyes)  ปัจจัยที่ส่งผลให้การระเหยของน้ำตาเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ ได้แก่   ต่อมไขมันที่เปลือกตาทำงานผิดปกติ เปลือกตาอักเสบที่เกิดจากความผิดปกติของชั้นไขมัน จะทำให้การสร้างน้ำตาชั้นน้ำมันลดลง ซึ่งทำให้เกิดการระเหยของน้ำตาได้เร็วขึ้น ความผิดปกติของเปลือกตา การปิดตาไม่สนิทหรือการกะพริบตาน้อยผิดปกติ ซึ่งทำให้การกระจายน้ำตาผิดปกติ และเพิ่มการระเหยของน้ำตา โดนสารเคมีหรือแพ้ยารุนแรง การอักเสบของเยื่อบุตาอาจทำให้เกิดแผลเป็น ซึ่งส่งผลต่อการสร้างน้ำตาชั้นเมือกที่ติดกับกระจกตา ทำให้การสร้างน้ำตาผิดปกติ การใช้สายตามาก พบมากในวัยทำงานจากพฤติกรรมจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ โดยไม่ค่อยกะพริบตา และการใส่คอนแท็กต์เลนส์ที่ดูดน้ำออกจากดวงตา ทำให้การผลิตน้ำตาลดลงและน้ำตาระเหยเร็ว     วิธีรักษาหรือวิธีแก้โรคตาแห้ง วิธีรักษาโรคตาแห้งจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละบุคคล โดยใช้วิธีต่างๆ รวมทั้งการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ ดังนี้ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตาแห้ง ควรหลีกเลี่ยงการโดนลมแรง ฝุ่นควัน หรือแสงจ้า โดยการใส่แว่นกันแดดและแว่นกันลม เพื่อป้องกันสิ่งแวดล้อมที่อาจทำให้ตาแห้งขึ้น นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการใส่คอนแท็กต์เลนส์เป็นเวลานานๆ เพื่อไม่ให้สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงจากดวงตาที่อาจทำให้อาการตาแห้งแย่ลงได้ ใช้น้ำตาเทียม ในการรักษาอาการตาแห้ง น้ำตาเทียมเป็นตัวช่วยที่ดี โดยมี 2 ชนิดให้เลือกใช้ ได้แก่   น้ำตาเทียมที่มีสารกันเสีย ในรูปแบบขวด ควรใช้ไม่เกิน 4-5 ครั้งต่อวัน อาจแบ่งการใช้ยาเพิ่มน้ำตาตามช่วงเวลาของวัน เช่น เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน ซึ่งเหมาะสำหรับอาการตาแห้งที่ไม่รุนแรง น้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสีย แบบกระเปาะ เปิดแล้วมีอายุ 24 ชั่วโมง หรือขวดที่มีระบบวาล์วพิเศษใช้ได้นาน 6 เดือน ใช้บ่อยได้ตามต้องการ เช่น ทุก 1-2 ชั่วโมง เหมาะกับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง  ใช้ยาหยอดตาเพิ่มปริมาณน้ำตา มียาหยอดตาที่ช่วยเพิ่มน้ำตาและรักษาอาการตาแห้งได้ โดยแต่ละชนิดจะช่วยรักษาตามอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้   ยา Diquafosol ช่วยเพิ่มการสร้างน้ำตาชั้นเมือกและชั้นน้ำเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตาและลดอาการแห้ง ยาปฏิชีวนะ Doxycycline ยาลดการอักเสบของเปลือกตาช่วยลดการอักเสบและอาการระคายเคืองที่เกิดจากตาแห้ง ยากลุ่ม Steroids โดยยานี้ช่วยบรรเทาการอักเสบของผิวตาและลดอาการระคายเคืองที่เกิดจากการขาดน้ำตา ยา Cyclosporine ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressant) ชนิดหยอดตา ช่วยลดการอักเสบในตาและเพิ่มการผลิตน้ำตา โดยการปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยลดอาการตาแห้งได้ การทำความสะอาดเปลือกตา การทำความสะอาดเปลือกตาและประคบอุ่นด้วยแชมพูเด็กผสมเจือจางหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเปลือกตาช่วยลดการอุดตันของต่อมไขมันในเปลือกตา ทำให้ชั้นไขมันที่เคลือบน้ำตาทำงานได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันน้ำตาระเหยเร็วและลดอาการตาแห้ง ใช้ Autologous Serum การรักษาอาการตาแห้งชนิดรุนแรงโดยใช้สารที่ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อทำได้โดยการเจาะเลือดจากผู้ป่วยไปปั่นแยกเป็น Serum และนำมาหยอดร่วมกับการใช้น้ำตาเทียม ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบของเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ และส่งเสริมการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อให้กลับสู่สภาพปกติได้ดีขึ้น การอุดท่อระบายน้ำตาที่หัวตา (Punctal Plug) การรักษาอาการตาแห้งที่รุนแรงทำได้โดยการอุดช่องทางที่น้ำตาไหลออกจากตา (Punctum) ซึ่งมีทั้งชนิดอุดชั่วคราวและชนิดอุดถาวร โดยการใส่ Silicone Plug หรือ Punctal Cautery ซึ่งเป็นการจี้บริเวณช่องทางที่น้ำตาระบายออกจากตา วิธีนี้ช่วยให้ดวงตาเก็บน้ำตาไว้ได้นานขึ้น ลดการระเหยของน้ำตา และช่วยบรรเทาอาการตาแห้งได้ในกรณีที่อาการรุนแรงมาก     การปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้ง การป้องกันอาการตาแห้งทำได้ง่ายๆ ด้วยการปรับพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน ดังนี้    หยุดพักจากการใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือทุกๆ 20 นาที โดยการหลับตาสัก 20 วินาที หรือมองสิ่งที่อยู่ไกลประมาณ 20 ฟุต เพื่อให้ตาได้พักและผ่อนคลาย งดการใช้คอนแท็กต์เลนส์ต่อเนื่อง ควรสลับใส่แว่นในระหว่างวันเพื่อให้ดวงตาได้พัก ใช้งานคอมพิวเตอร์หรือมือถือในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อช่วยลดความเครียดของดวงตา เตือนตัวเองให้กะพริบตาบ่อยๆ เพื่อให้น้ำตาเคลือบตาและช่วยลดการระเหยของน้ำตา หากอยู่ในที่ที่มีอากาศแห้ง ร้อน หรือมีลมแรง ควรสวมแว่นกันแดดกันลมเพื่อปกป้องตาจากสภาพแวดล้อม กินอาหารที่ครบทุกหมู่ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ปลา หรืออาหารที่มีโอเมกา 3 ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบของตา  ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน สรุป ตาแห้งคืออาการที่น้ำตาผลิตไม่เพียงพอหรือระเหยเร็วเกินไป ทำให้ดวงตารู้สึกแห้ง ระคายเคือง และอาจเกิดการอักเสบได้ รักษาได้หลายวิธี เช่น ใช้น้ำตาเทียม ประคบอุ่น ใช้ยาเพื่อเพิ่มการสร้างน้ำตาหรือลดการอักเสบ และป้องกันตาแห้งได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ดวงตา รวมถึงการใช้ยาเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของดวงตา  สำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง รับการรักษาได้ที่ ศูนย์โรคจักษุประสาทวิทยา Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ซึ่งให้การดูแลปัญหาตาแห้งที่ส่งผลต่อการมองเห็นและระบบประสาท โดยจักษุแพทย์ในการวินิจฉัยและรักษาภาวะตาแห้งอย่างครบวงจร
อ่านเพิ่มเติม

ภาวะสายตาสั้นในเด็ก อันตรายที่ต้องรีบรักษาก่อนสายเกินแก้

ภาวะสายตาสั้นในเด็กเกิดได้จากหลากหลายปัจจัยด้วยกัน ทั้งสาเหตุจากปัจจัยภายในและภายนอก ทั้งนี้ภาวะสายตาสั้นในเด็กเป็นอาการที่ไม่ควรละเลย เนื่องจากส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและส่งผลต่อการมองเห็นในอนาคต ในบทความนี้ทาง Bangkok Eye Hospital จะมาแนะนำแนวทางการรักษาภาวะสายตาสั้นในเด็กอย่างถูกวิธี   ภาวะสายตาสั้นในเด็ก คือ การที่เด็กไม่สามารถมองระยะไกลได้ชัดเจน ทำให้ต้องมีการหรี่ตา หรือเพ่งสายตา เพื่อให้มองเห็นภาพได้ชัดขึ้น ภาวะสายตาสั้นในเด็ก เกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งเกิดจากพันธุกรรม หรือสภาวะแวดล้อม สังเกตภาวะสายตาสั้นในเด็กได้จากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น เด็กเลือกนั่งแถวหน้าสุด เพื่อให้มองเห็นกระดานชัดเจน หรือเด็กดูโทรทัศน์ระยะใกล้กว่าปกติ การแก้ไขและควบคุมค่าสายตาสั้นในเด็ก แพทย์จะพิจารณาจ่ายยา พร้อมแนะนำให้ใช้แว่นสายตาเพื่อควบคุมและชะลอสายตาสั้นที่อาจเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ปัญหาภาวะสายตาสั้นในเด็กเป็นอาการที่ไม่ควรละเลย ควรเข้ารับการปรึกษากับจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนสายตาสั้นขึ้นเรื่อยๆ จนรักษาได้ยาก และอาจส่งผลต่อสุขภาพของเด็ก Bangkok Eye Hospital มีศูนย์รักษาตาเด็กโดยเฉพาะ มาพร้อมอุปกรณ์ที่ทันสมัย มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมดูแลแก้ไขทุกปัญหาเกี่ยวกับดวงตาของเด็ก     อาการสายตาสั้นในเด็ก พบบ่อยกว่าที่คิด อาการสายตาสั้นในเด็ก คือภาวะที่เด็กมีค่าสายตาผิดปกติ โดยเด็กจะมองเห็นภาพระยะไกลไม่ชัดเจน เป็นภาพเบลอ ทำให้ต้องเพ่งอยู่ตลอด ส่งผลต่อบุคลิกภาพและการดำเนินชีวิต โดยภาวะสายตาสั้นในเด็กพบได้มาก โดยอิงจากข้อมูลการวิจัยพบว่าหากพ่อแม่มีประวัติสายตาสั้น เด็กจะมีโอกาสเกิดภาวะสายตาสั้นสูงถึง 77.3% สายตาสั้นในเด็ก มีอาการอย่างไร เนื่องจากเด็กเป็นวัยที่ยังไม่รู้ว่าสายตาสั้นคืออะไร ทำให้พวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่าการมองเห็นผิดปกติ ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมลูกเพื่อดูความผิดปกติ โดยเด็กสายตาสั้นสังเกตได้จากลักษณะความผิดปกติ ดังต่อไปนี้เด็กสายตาสั้นมักมีพฤติกรรมขยี้ตา ระคายเคืองตาบ่อยๆ เด็กสายตาสั้นมักหรี่ตา หรือเพ่งสายตาในการจ้องวัตถุ เพื่อให้มองเห็นได้ชัดขึ้น เด็กสายตาสั้นจะจ้องวัตถุในระยะประชิดมากกว่าเด็กทั่วไป เช่น ดูโทรทัศน์ระยะใกล้ อ่านหนังสือระยะใกล้ หรือหยิบของเล่นมาดูใกล้ๆ เด็กสายตาสั้นจะมีอาการปวดเบ้าตา ตาล้าอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากมองเห็นไม่ชัดเจน เด็กสายตาสั้นจะมีอาการซุ่มซ่าม เดินชนสิ่งของอยู่บ่อยครั้ง     อาการสายตาสั้นในเด็ก มีสาเหตุจากอะไร สาเหตุภาวะสายตาสั้นในเด็ก สามารถแบ่งออกเป็น 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้ สายตาสั้นในเด็กจากพันธุกรรม จากการศึกษาข้อมูลวิจัยพบว่าเด็กที่มีพ่อแม่ที่มีประวัติสายตาสั้น มักมีโอกาสที่เด็กจะมีสายตาสั้นสูงถึง 77.3% หรือในกรณีที่พ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งมีภาวะสายตาสั้น เด็กจะมีโอกาสเกิดภาวะสายตาสั้นประมาณ 43.6% สายตาสั้นในเด็กจากปัจจัยแวดล้อม ปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลให้เกิดภาวะสายตาสั้นในเด็ก เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือเป็นระยะเวลานาน ดูโทรทัศน์เป็นระยะเวลานาน หรือการจ้องมองสิ่งของต่างๆ ในระยะประชิดเกินไป เช่น จ้องโทรศัพท์ในระยะใกล้ อ่านหนังสือระยะใกล้ เป็นต้น     การวินิจฉัยอาการสายตาสั้นในเด็กโดยแพทย์ อาการสายตาสั้นในเด็ก เป็นอาการที่สามารถพบได้โดยทั่วไป ทั้งนี้แพทย์จะทำการวินิจฉัยอาการสายตาสั้นในเด็ก โดยอิงจากขั้นตอน ดังต่อไปนี้ การทดสอบการมองเห็นโดยให้อ่านตัวอักษร หรือตัวเลขบนหน้าจอเพื่อทดสอบสายตา การตรวจตาเพิ่มเติมด้วยกล้องเป็นการตรวจหาความผิดปกติเพิ่มเติมด้วยการส่องไฟเข้าไปที่ดวงตา พร้อมใช้กล้องตรวจหาความผิดปกติ การตรวจค่าสายตาด้วยเครื่องวัดสายตาอัตโนมัติเป็นการตรวจหาค่าสายตา เพื่อให้ทราบค่าสายตาเบื้องต้น การทดสอบการหักเหของแสงเป็นการทดสอบด้วยการใช้เลนส์ ร่วมกับแท่งไฟลำแสงแคบ เพื่อปรับค่าความจำเป็นในการมองเห็น     แนวทางการรักษาสายตาสั้นในเด็ก แบบไม่ผ่าตัด ในปัจจุบันการรักษาภาวะสายตาสั้นในเด็กแบบไม่ผ่าตัด สามารถรักษาภาวะสายตาสั้นเพียงชั่วคราว โดยแบ่งวิธีการรักษาออกเป็น 2 วิธี ดังนี้ การสวมใส่แว่นตา สวมใส่แว่นตาเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน เป็นการรักษาสายตาสั้นในเด็กด้วยการสวมแว่นที่ประกอบกับเลนส์เว้าปรับตามระยะค่าสายตา เพื่อทำให้ภาพตกที่จอตาพอดี วิธีนี้เหมาะสำหรับเด็กทุกวัย เนื่องจากมีวิธีดูแลรักษาไม่ยุ่งยากเหมือนการสวมคอนแท็กต์เลนส์ การสวมใส่คอนแท็กต์เลนส์ สวมใส่คอนแท็กต์เลนส์เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน เป็นการสวมคอนแท็กต์เลนส์เข้าไปในดวงตา เพื่อให้เด็กมองเห็นได้ชัดเจน วิธีนี้จะมีความยุ่งยาก และซับซ้อนกว่าการใส่แว่น เนื่องจากมีการสัมผัสดวงตาโดยตรง หากไม่รักษาความสะอาด อาจเสี่ยงต่อการอักเสบ ติดเชื้อ จึงเหมาะกับเด็กที่โตพอที่จะดูแลตัวเองและรักษาความสะอาดได้แล้ว และควรมีผู้ปกครองคอยสังเกตการสวมคอนแท็กต์เลนส์เป็นประจำ     ชะลอการเกิดสายตาสั้นในเด็ก ทำได้อย่างไร ถึงแม้ว่าภาวะสายตาสั้นในเด็กเป็นอาการที่เป็นแล้วไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้ แต่ก็มีวิธีชะลอการเกิดภาวะสายตาสั้นในเด็กได้ โดยปฏิบัติ ดังนี้   กำหนดเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้งให้เด็กได้ทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะสายตาสั้นในเด็ก กำหนดเวลาพักสายตาควรกำหนดเวลาพักสายตาด้วยการใช้สูตร 20-20-20 คือ 20 นาที สำหรับการเรียน อีก 20 วินาที สำหรับระยะเวลาการมองไปรอบๆ และอีก 20 ฟุต เป็นระยะทางที่ควรมองออกไปให้ไกลอย่างน้อย 20 ฟุต หรือ 6 เมตร การสวมแว่นกรองแสงหากเด็กๆ มีความจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ หรือใช้โทรศัพท์เป็นระยะเวลานาน ควรสวมแว่นกรองแสงเพื่อถนอมสายตา การใช้ยาหยอดตาการใช้ยาหยอดตาอะโทรปีน (Atropine) ที่มีความเข้มข้นต่ำสามารถชะลอการเกิดสายตาสั้นในเด็กได้ ควรหยอดยาก่อนนอนต่อเนื่องทุกวัน เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี รักษาสายตาสั้น สายตายาวในเด็ก ที่ศูนย์โรคตาเด็ก Bangkok Eye Hospital ดีอย่างไร หากสังเกตเห็นว่าเด็กมีอาการสายตาสั้นหรือสายตายาว แนะนำให้พาเด็กๆ เข้ามาปรึกษาและรักษาอาการเหล่านี้ได้ที่ศูนย์โรคตาเด็ก Bangkok Eye Hospitalที่นี่โดดเด่นด้านการรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ด้วยทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีจุดเด่นดังนี้   โรงพยาบาลมีทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มากประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาการผิดปกติ และแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เทคโนโลยีสำหรับการรักษาดวงตาสมัยใหม่ เครื่องมือได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อการรักษาดวงตาอย่างแม่นยำและปลอดภัย พร้อมให้การรักษาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ใส่ใจในการบริการ พร้อมบรรยากาศของโรงพยาบาลที่เป็นกันเอง สรุป ภาวะสายตาสั้นในเด็ก เป็นอาการที่สามารถพบได้โดยทั่วไป ทั้งนี้หากเกิดภาวะสายตาสั้นขึ้นแล้ว จะไม่สามารถรักษาหายเองได้ อีกทั้งภาวะสายตาสั้นในเด็กเป็นอาการที่ไม่ควรปล่อยไว้ เนื่องจากส่งผลต่อบุคลิกภาพและการมองเห็น สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านดวงตาในเด็ก ขอแนะนำศูนย์รักษาตาเด็ก Bangkok Eye Hospitalที่มีทีมแพทย์เฉพาะทางที่พร้อมดูแล ให้คำแนะนำ พร้อมเสนอแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับตัวเด็ก โดยคำนึงถึงความปลอดภัยมาก่อนเสมอ
calling
ติดต่อเรา : +662 511 2111