มุมสุขภาพตา : #สายตายาว

เรียงตาม

ตาแห้งมีอาการอย่างไร วิธีรักษา ป้องกัน และนิสัยที่ช่วยลดอาการตาแห้ง

อาการตาแห้ง คือภาวะตาขาดความชุ่มชื้นเพราะการผลิตน้ำตาน้อยเกินไปหรือคุณภาพน้ำตาไม่ดี ทำให้เกิดอาการระคายเคืองและไม่สบายตาได้ ตาแห้งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น อายุที่มากขึ้นทำให้การผลิตน้ำตาน้อยลง การสวมใส่คอนแท็กต์เลนส์นานเกินไป การจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ รวมถึงผลข้างเคียงจากยาบางชนิด การรักษาตาแห้งทำได้หลายวิธี เช่น ยาหยอดตา น้ำตาเทียม การประคบอุ่น และการรักษาด้วยยาลดการอักเสบ รักษาอาการตาแห้งที่ Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ได้รับการดูแลจากจักษุแพทย์ พร้อมเทคโนโลยีทันสมัยและการรักษาที่เหมาะสมกับอาการ   ตาแห้งเป็นโรคที่ทำให้ตารู้สึกแห้งและระคายเคือง เนื่องจากการผลิตน้ำตาลดลงหรือคุณภาพของน้ำตาไม่ดีพอ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย หากดูแลอย่างถูกวิธี จะช่วยลดอาการและป้องกันภาวะตาแห้งในระยะยาว มาหาสาเหตุของอาการตาแห้ง วิธีรักษา รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้งได้ในบทความนี้     อาการตาแห้ง คืออะไร? ก่อนทำความรู้จักกับอาการตาแห้ง ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ‘น้ำตา’ กันก่อน โดยน้ำตามีความสำคัญต่อดวงตา เป็นตัวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างชัดเจน หล่อเลี้ยงเลี้ยงกระจกตาด้วยออกซิเจน และป้องกันการติดเชื้อและสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้ามาทำร้ายดวงตา ตาแห้ง เป็นอาการที่ปริมาณน้ำตาที่เข้ามาหล่อเลี้ยงผิวตามีไม่เพียงพอส่งผลให้ผิวตาอักเสบได้ โดยอาการของตาแห้งอาจเริ่มจากการแสบตา หรือรู้สึกระคายเคืองเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา รวมถึงอาจพบอาการตาแดง เจ็บ หรือมีการพร่ามัวที่ดีขึ้นเมื่อกะพริบตา นอกจากนี้ยังอาจรู้สึกฝืดๆ หนักๆ ที่ตา หรือลืมตาลำบาก และบางครั้งอาจมีอาการตาล้าหรือมีน้ำตาไหลมากผิดปกติ     ทำไมถึงมีอาการตาแห้งได้ ตาแห้งเป็นปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความสบายของดวงตาและการมองเห็น โดยเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟนเป็นเวลานานเกินไป อาการภูมิแพ้ที่ตาซึ่งอาจเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่น ควัน หรือมลภาวะ อยู่ในที่ร้อน ลมแรง หรือความชื้นต่ำ ความผิดปกติของต่อมไขมันขอบตา การพบตัวไร (Demodex blepharitis) บริเวณโคนขนตา ซึ่งเกิดจากการอักเสบของต่อมน้ำตา การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้แพ้ ยาต้านซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิตบางชนิด ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล โดยเฉพาะในเพศหญิงที่อาจทำให้คุณภาพของน้ำตาลดลง     อาการตาแห้งเกิดจากอะไร มีปัจจัยอะไรบ้าง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการผลิตน้ำตาหรือการทำงานของต่อมน้ำตา หากมีลักษณะดังต่อไปนี้ จะทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ง่ายขึ้น สร้างน้ำตาได้น้อยกว่าปกติ  (Aqueous Tear Deficiency) กลุ่มคนที่มีความผิดปกติหรือปัจจัยที่ส่งผลให้สามารถสร้างน้ำตาได้น้อย ได้แก่   กลุ่มคนที่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome โรครูมาตอยด์ โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือภาวะที่ไม่พบสาเหตุชัดเจน เช่น Primary Sjogren’s Syndrome กลุ่มคนที่ไม่เป็นโรค Sjogren’s Syndrome เช่น ต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติตั้งแต่เกิด โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง การแพ้ยารุนแรง หรือการอักเสบที่ทำให้ท่อน้ำตาตัน กลุ่มคนที่ฮอร์โมนเปลี่ยน มักพบในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ส่งผลให้การผลิตน้ำตาและสารคัดหลั่งอื่นๆ ในร่างกายลดลง การกินยาบางประเภท เช่น ยาแก้หวัด ยาแก้แพ้ ยาลดความดันโลหิต หรือยาคลายเครียดบางชนิด ที่มีสารกันเสียเป็นส่วนประกอบ อาจทำให้ตาแห้งมากขึ้น เนื่องจากสารเหล่านี้สามารถลดการผลิตน้ำตาได้ น้ำตาระเหยเร็ว (Evaporative Dry Eyes)  ปัจจัยที่ส่งผลให้การระเหยของน้ำตาเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ ได้แก่   ต่อมไขมันที่เปลือกตาทำงานผิดปกติ เปลือกตาอักเสบที่เกิดจากความผิดปกติของชั้นไขมัน จะทำให้การสร้างน้ำตาชั้นน้ำมันลดลง ซึ่งทำให้เกิดการระเหยของน้ำตาได้เร็วขึ้น ความผิดปกติของเปลือกตา การปิดตาไม่สนิทหรือการกะพริบตาน้อยผิดปกติ ซึ่งทำให้การกระจายน้ำตาผิดปกติ และเพิ่มการระเหยของน้ำตา โดนสารเคมีหรือแพ้ยารุนแรง การอักเสบของเยื่อบุตาอาจทำให้เกิดแผลเป็น ซึ่งส่งผลต่อการสร้างน้ำตาชั้นเมือกที่ติดกับกระจกตา ทำให้การสร้างน้ำตาผิดปกติ การใช้สายตามาก พบมากในวัยทำงานจากพฤติกรรมจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ โดยไม่ค่อยกะพริบตา และการใส่คอนแท็กต์เลนส์ที่ดูดน้ำออกจากดวงตา ทำให้การผลิตน้ำตาลดลงและน้ำตาระเหยเร็ว     วิธีรักษาหรือวิธีแก้โรคตาแห้ง วิธีรักษาโรคตาแห้งจะขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละบุคคล โดยใช้วิธีต่างๆ รวมทั้งการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ ดังนี้ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตาแห้ง ควรหลีกเลี่ยงการโดนลมแรง ฝุ่นควัน หรือแสงจ้า โดยการใส่แว่นกันแดดและแว่นกันลม เพื่อป้องกันสิ่งแวดล้อมที่อาจทำให้ตาแห้งขึ้น นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการใส่คอนแท็กต์เลนส์เป็นเวลานานๆ เพื่อไม่ให้สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงจากดวงตาที่อาจทำให้อาการตาแห้งแย่ลงได้ ใช้น้ำตาเทียม ในการรักษาอาการตาแห้ง น้ำตาเทียมเป็นตัวช่วยที่ดี โดยมี 2 ชนิดให้เลือกใช้ ได้แก่   น้ำตาเทียมที่มีสารกันเสีย ในรูปแบบขวด ควรใช้ไม่เกิน 4-5 ครั้งต่อวัน อาจแบ่งการใช้ยาเพิ่มน้ำตาตามช่วงเวลาของวัน เช่น เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน ซึ่งเหมาะสำหรับอาการตาแห้งที่ไม่รุนแรง น้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสีย แบบกระเปาะ เปิดแล้วมีอายุ 24 ชั่วโมง หรือขวดที่มีระบบวาล์วพิเศษใช้ได้นาน 6 เดือน ใช้บ่อยได้ตามต้องการ เช่น ทุก 1-2 ชั่วโมง เหมาะกับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง  ใช้ยาหยอดตาเพิ่มปริมาณน้ำตา มียาหยอดตาที่ช่วยเพิ่มน้ำตาและรักษาอาการตาแห้งได้ โดยแต่ละชนิดจะช่วยรักษาตามอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้   ยา Diquafosol ช่วยเพิ่มการสร้างน้ำตาชั้นเมือกและชั้นน้ำเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตาและลดอาการแห้ง ยาปฏิชีวนะ Doxycycline ยาลดการอักเสบของเปลือกตาช่วยลดการอักเสบและอาการระคายเคืองที่เกิดจากตาแห้ง ยากลุ่ม Steroids โดยยานี้ช่วยบรรเทาการอักเสบของผิวตาและลดอาการระคายเคืองที่เกิดจากการขาดน้ำตา ยา Cyclosporine ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressant) ชนิดหยอดตา ช่วยลดการอักเสบในตาและเพิ่มการผลิตน้ำตา โดยการปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยลดอาการตาแห้งได้ การทำความสะอาดเปลือกตา การทำความสะอาดเปลือกตาและประคบอุ่นด้วยแชมพูเด็กผสมเจือจางหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเปลือกตาช่วยลดการอุดตันของต่อมไขมันในเปลือกตา ทำให้ชั้นไขมันที่เคลือบน้ำตาทำงานได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันน้ำตาระเหยเร็วและลดอาการตาแห้ง ใช้ Autologous Serum การรักษาอาการตาแห้งชนิดรุนแรงโดยใช้สารที่ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อทำได้โดยการเจาะเลือดจากผู้ป่วยไปปั่นแยกเป็น Serum และนำมาหยอดร่วมกับการใช้น้ำตาเทียม ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบของเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ และส่งเสริมการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อให้กลับสู่สภาพปกติได้ดีขึ้น การอุดท่อระบายน้ำตาที่หัวตา (Punctal Plug) การรักษาอาการตาแห้งที่รุนแรงทำได้โดยการอุดช่องทางที่น้ำตาไหลออกจากตา (Punctum) ซึ่งมีทั้งชนิดอุดชั่วคราวและชนิดอุดถาวร โดยการใส่ Silicone Plug หรือ Punctal Cautery ซึ่งเป็นการจี้บริเวณช่องทางที่น้ำตาระบายออกจากตา วิธีนี้ช่วยให้ดวงตาเก็บน้ำตาไว้ได้นานขึ้น ลดการระเหยของน้ำตา และช่วยบรรเทาอาการตาแห้งได้ในกรณีที่อาการรุนแรงมาก     การปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการตาแห้ง การป้องกันอาการตาแห้งทำได้ง่ายๆ ด้วยการปรับพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน ดังนี้    หยุดพักจากการใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือทุกๆ 20 นาที โดยการหลับตาสัก 20 วินาที หรือมองสิ่งที่อยู่ไกลประมาณ 20 ฟุต เพื่อให้ตาได้พักและผ่อนคลาย งดการใช้คอนแท็กต์เลนส์ต่อเนื่อง ควรสลับใส่แว่นในระหว่างวันเพื่อให้ดวงตาได้พัก ใช้งานคอมพิวเตอร์หรือมือถือในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ เพื่อช่วยลดความเครียดของดวงตา เตือนตัวเองให้กะพริบตาบ่อยๆ เพื่อให้น้ำตาเคลือบตาและช่วยลดการระเหยของน้ำตา หากอยู่ในที่ที่มีอากาศแห้ง ร้อน หรือมีลมแรง ควรสวมแว่นกันแดดกันลมเพื่อปกป้องตาจากสภาพแวดล้อม กินอาหารที่ครบทุกหมู่ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ปลา หรืออาหารที่มีโอเมกา 3 ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบของตา  ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน สรุป ตาแห้งคืออาการที่น้ำตาผลิตไม่เพียงพอหรือระเหยเร็วเกินไป ทำให้ดวงตารู้สึกแห้ง ระคายเคือง และอาจเกิดการอักเสบได้ รักษาได้หลายวิธี เช่น ใช้น้ำตาเทียม ประคบอุ่น ใช้ยาเพื่อเพิ่มการสร้างน้ำตาหรือลดการอักเสบ และป้องกันตาแห้งได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ดวงตา รวมถึงการใช้ยาเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของดวงตา  สำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง รับการรักษาได้ที่ ศูนย์โรคจักษุประสาทวิทยา Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) ซึ่งให้การดูแลปัญหาตาแห้งที่ส่งผลต่อการมองเห็นและระบบประสาท โดยจักษุแพทย์ในการวินิจฉัยและรักษาภาวะตาแห้งอย่างครบวงจร
อ่านเพิ่มเติม

เลสิกสายตายาว ปรับปรุงคุณภาพการมองเห็น พร้อมข้อควรรู้ก่อนทำ

สายตายาว คือ ภาวะการมองเห็นผิดปกติ ความสามารถในการมองเห็นระยะไกลชัดเจน แต่มองเห็นสิ่งของในระยะใกล้ต่ำ หรืออาจเป็นได้ทั้ง 2 ระยะ สาเหตุของสายตายาว เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นและเกิดโดยกำเนิดผ่านทางพันธุกรรม ทำเลสิกสายตายาว คือ วิธีการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ในการปรับค่าสายตาให้กลับมาอยู่ที่ค่าปกติ โดยการเพิ่มระยะโฟกัส การทำเลสิกสายตายาวแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ Full Correction Lasik, Monovision Lasik, Presbylasik และ Laser Blended Vision (LBV) การทำเลสิกสายตายาวให้ปลอดภัย ควรเลือกทำกับโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน น่าเชื่อ พร้อมทั้งแพทย์ที่มีประสบการณ์ชำนาญทางด้านการทำเลสิกตาโดยเฉพาะ ทำเลสิกสายตายาว ที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospital มีเครื่องมือได้มาตรฐานสากล พร้อมทั้งเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการรักษาสายตายาว และจักษุแพทย์มากประสบการณ์ มีเทคนิคที่หลากหลายรูปแบบตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล   ปัจจุบันมีการทำเลสิกสายตายาวเพื่อปรับคุณภาพการมองเห็นให้ดียิ่งขึ้น มาดูกันว่าการทำเลสิกสายตายาว คืออะไร หากสนใจอยากปรับค่าสายให้กลับมาตามปกติ จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างทั้งก่อนและหลังทำเลสิก รวมทั้งประเภทเลสิกต่างๆ หาคำตอบได้ในบทความนี้     สายตายาว คืออะไร ภาวะสายตายาวเป็นภาวะผิดปกติทางการมองเห็น เกิดจากกระจกตาแบนเกินไปหรือกล้ามเนื้อตาและเลนส์แก้วภายในเสื่อมอายุ ผู้ที่มีภาวะนี้จะสามารถมองเห็นภาพชัดเจนเมื่ออยู่ในระยะไกล แต่จะมองเห็นภาพที่อยู่ใกล้ตัวไม่ชัดเจน ซึ่งในบางรายอาจมองเห็นไม่ชัดเจนทั้งในระยะใกล้และไกล โดยภาวะสายตายาวมักจะเกิดกับผู้สูงอายุที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป จะเรียกว่า สายตายาวตามวัย (Presbyopia) และในเด็กตั้งแต่เกิดผ่านทางพันธุกรรม เรียกว่า สายตายาวโดยกำเนิด (Farsightedness) อาการสายตายาว เป็นอย่างไร ใครที่สงสัยว่าตนเองหรือคนใกล้ตัวเริ่มมีภาวะสายตายาว สังเกตได้จากอาการเหล่านี้ ปวดศีรษะหรือปวดตา มีอาการตาล้าอยู่บ่อยๆ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้สายตาเพ่งหรือจ้องขณะมอง มองเห็นภาพซ้อน ต้องหรี่ตาเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน แสบตา น้ำตาไหล ตาไวต่อแสง มองเห็นในที่ที่มีแสงน้อยหรือตอนกลางคืนได้ยากลำบาก เด็กที่มีสายตายาวอาจมีอาการตาเข หรือตาเหล่จากการเพ่งจ้อง เด็กที่มีสายตายาวจะมีพฤติกรรมขยี้ตาบ่อย ส่งผลกระทบในชีวิตประจำวันเช่นการขับขี่ยานพาหนะ การอ่านหนังสือ การทำงาน ต่างๆ สายตายาว มีกี่ประเภท สายตายาวแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท สายตายาวตามวัยเกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น กล้ามเนื้อตาเริ่มเสื่อมสภาพทำให้ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปประสบปัญหาในการมองเห็นสายตายาว เมื่อต้องใช้สายตาจึงต้องยื่นวัตถุระยะห่างมากขึ้น สายตายาวตั้งแต่กำเนิดเป็นภาวะที่เกิดโดยกำเนิด ไม่รู้ตัว เด็กที่มีสายตายาวจะไม่สามารถสื่อสารหรือบอก ได้ถึงความผิดปกติในการมองเห็นของตน ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมของเด็กเพื่อสังเกตอาการ     สาเหตุสายตายาว เกิดจากอะไร สายตายาวเกิดขึ้นเมื่อมีความผิดปกติที่รูปร่างของกระจกตา (ชั้นใสด้านหน้าของดวงตา) หรือเลนส์ตา (ส่วนภายในของดวงตาที่ช่วยในการโฟกัสภาพ) ความผิดปกตินี้ทำให้แสงโฟกัสไปที่จุดด้านหลังจอประสาทตา แทนที่จะตกลงบนจอประสาทตาโดยตรง ส่งผลให้การมองเห็นวัตถุที่อยู่ใกล้เกิดความพร่ามัว ผู้ที่มีสายตายาวส่วนใหญ่มักมีภาวะนี้ตั้งแต่กำเนิด แต่อาจไม่แสดงอาการหรือมีปัญหาการมองเห็นจนกว่าจะมีอายุมากขึ้น โดยคนที่มีประวัติสายตายาวในครอบครัวมีโอกาสที่จะเป็นสายตายาวได้มากกว่าคนทั่วไป การวินิจฉัยสายตายาวโดยแพทย์ ปัญหาสายตายาวหากปล่อยทิ้งไว้ อาจส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้น ควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและหาวิธีรักษาที่เหมาะสม วินิจฉัยโดยวิธีต่างๆ ดังนี้ ส่องตรวจในตา (Ophthalmoscopy) วัดความดันลูกตา (Tonometry) การวัดค่าสายตา (Refraction) ตรวจด้วยเครื่องตรวจตา (Slit Lamp) เพื่อทดสอบความสามารถในการมองเห็น ถ่ายภาพกระจกตา (Corneal Topography) วัดความหนาของกระจกตาในการทำเลสิกสายตายาว วัดกำลังสายตา (Phoropter) วัดความโค้งของกระจกตา (Keratometer) หลังจากที่วินิจฉัย จักษุแพทย์จะอธิบายถึงปัญหาสายตายาวและแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้รักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดและคนไข้สามารถกลับใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ทำเลสิกสายตายาว คืออะไร การทำเลสิกสายตายาวคือ การเพิ่มระยะโฟกัสโดยใช้เลเซอร์แก้ไขค่าสายตาให้กลับมองเห็นในระยะไกลได้ชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสายตายาว ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ขาดความมั่นใจ ทำให้อ่านหนังสือ หรือทำงานลำบาก นอกจากนี้ การสวมใส่แว่นอาจเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ไม่ได้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมผาดโผน ออกกำลังกาย หรือต้องขับรถบ่อยๆ เป็นต้น     ประเภทการทำเลสิกสายตายาว การทำ LASIK สายตายาวมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันออกไป สามารถศึกษาเพื่อสอบถามจักษุแพทย์เพิ่มเติมในการพิจารณาวินิจฉัยเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมกับตนเองได้ ดังนี้ 1. Full Correction Lasik Full Correction Lasik เป็นวิธีการรักษาด้วยเลเซอร์แบบดั้งเดิม เน้นการแก้ไขความผิดปกติของผู้ที่มีปัญหาสายตายาวแต่กำเนิด เพื่อให้สามารถกลับมองเห็นได้ชัดเจนระยะไกล ซึ่งวิธีนี้อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสายตายาวจากอายุที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากยังจำเป็นที่้ต้องใช้แว่นสายตาสำหรับการมองเห็นในระยะใกล้ 2. Monovision Lasik Monovision Lasik เป็นเทคโนโลยีการรักษาด้วยเลเซอร์นี้จะปรับแต่งการมองเห็นของตาแต่ละข้างให้แตกต่างกัน โดยปรับสายตาข้างที่ถนัด (Dominance Eye) ให้เหมาะกับการมองเห็นระยะไกล และปรับตาข้างที่ไม่ถนัดให้มีสายตาสั้นเล็กน้อยเพื่อรองรับการมองเห็นในระยะใกล้ ซึ่งคนไข้จำเป็นต้องใช้เวลาปรับตัวหลังจากทำเลสิกสายตายาววิธีนี้ เนื่องจากสมองต้องใช้เวลาในการประมวลผลให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งสองระยะ ในช่วงแรกประสิทธิภาพในการมองเห็นตอนกลางคืนอาจลดลงบ้างเล็กน้อย และจะค่อยๆ กลับมาเต็มประสิทธิภาพหลังจากร่างกายปรับตัวได้ 3. Presbylasik เทคโนโลยี Presbymax เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาสายตายาว ทั้งความผิดปกติที่มีมาแต่กำเนิดและภาวะสายตายาวที่เกิดตามวัย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นของดวงตาข้างเดียวกันในระยะต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องสวมใส่แว่นตา 4. Laser Blended Vision (LBV) Laser Blended Vision (LBV) เป็นเทคโนโลยีที่แก้ไขปัญหาสายตาได้หลายรูปแบบพร้อมกัน ทั้งสายตายาวตามวัย สายตาสั้น สายตาเอียง และสายตายาวแต่กำเนิด ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถมองเห็นได้ชัดเจนในทุกระยะด้วยตาข้างเดียวโดยไม่ต้องใช้แว่นสายตา ทำเลสิกสายตายาววิธีนี้ใช้เทคโนโลยีเลสิกแบบไร้ใบมีด หรือเลเซอร์ในการรักษาทุกขั้นตอน เข้าไปปรับแต่งความโค้งของกระจกตาแบบพิเศษที่เรียกว่า Spherical Aberration เพื่อเพิ่มระยะโฟกัสให้มากขึ้น (Depth of Focus) จากนั้นจึงใช้เลเซอร์ปรับแต่งความโค้งของกระจกตาทั้งสองข้างให้แตกต่างกันเล็กน้อย ซึ่งวิธีการรักษาจะแบ่งการปรับแต่งตามความถนัดของตาแต่ละข้าง ดังนี้ ตาข้างที่ถนัด (Dominant)จะปรับความโค้งเพียงเล็กน้อยเพื่อช่วยการมองเห็นระยะกลางโดยไม่กระทบการมองระยะไกล ตาข้างที่ไม่ถนัด (Non Dominant)จะปรับความโค้งมากกว่าเพื่อเน้นการมองเห็นในระยะใกล้และระยะกลาง การเตรียมตัวก่อนทำเลสิกสายตายาว ก่อนทำเลสิกสายตายาวหากทราบการเตรียมตัวอย่างเหมาะสม จะช่วยให้การทำเลสิกผ่านไปอย่างราบรื่น สำหรับคนที่ใส่คอนแท็กต์เลนส์ แนะนำให้สวมแว่นแทนก่อนทำเลสิกอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ควรเตรียมลางาน 2-3 วัน เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ เดินทางโดยใช้รถสาธารณะในวันที่มาตรวจ เพราะหลังจากทำแล้วจะมีอาการตาพร่ามัว 6-8 ชั่วโมง แนะนำให้มีผู้ติดตามมาด้วย และควรพกแว่นกันแดด ควรสระผม สวมเสื้อที่มีกระดุมติดหน้าเพื่อให้สะดวกต่อการถอดและสวมใส่ และงดการฉีดน้ำหอม การดูแลตัวเองหลังทำเลสิกสายตายาว หลังจากทำเลสิกสายตายาว ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้ หลังจากทำเลสิก 24 ชั่วโมงแรก ควรนอนหลับพักผ่อนให้ได้มากที่สุด หมั่นหยอดตาตามที่แพทย์แนะนำ สัปดาห์แรกให้ระวังไม่ให้น้ำเข้าตา เช็ดหน้าแทนการล้างหน้า และระมัดระวังบริเวณรอบดวงตา โดยทางโรงพยาบาลจะแนะนำวิธีเช็ดให้ ภายในเดือนแรกจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติได้ แต่ควรเว้นบางกิจกรรม เช่น ว่ายน้ำ หรือการเข้าซาวน่า หลังจาก 1 เดือนเป็นต้นไป สามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติแบบเต็มที่ เลือกโรงพยาบาลทำเลสิกสายตายาวอย่างไรให้ปลอดภัย การเลือกโรงพยาบาลทำเลสิกสายตายาวเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อความปลอดภัยในการรักษา สามารถพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ สถานพยาบาลต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้อง พร้อมแสดงเลขที่ใบอนุญาตอย่างชัดเจน มีจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองจากแพทยสภา โดยเฉพาะในด้านจักษุวิทยาและการผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติทางสายตา มีอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยได้มาตรฐานระดับสากล พร้อมบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ โรงพยาบาลที่มีเทคนิคและทางเลือกในการรักษาที่หลากหลายและครอบคลุม ค่าใช้จ่ายในการรักษาสมเหตุสมผลกับบริการ มีเคสรีวิวจากผู้ที่เคยเข้ารับบริการที่น่าเชื่อถือ เดินทางสะดวก รองรับจำนวนคนไข้เพียงพอ     ทำเลสิกสายตายาวที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospital ดีอย่างไร หากต้องการทำเลสิกสายตายาว แนะนำให้เข้ามาปรึกษาและรักษาอาการเหล่านี้ได้ที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospital ที่นี่โดดเด่นด้านการรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ด้วยทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีจุดเด่นดังนี้ โรงพยาบาลมีทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มากประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอาการผิดปกติ และแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เทคโนโลยีสำหรับการรักษาดวงตาสมัยใหม่ เครื่องมือได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อการรักษาดวงตาอย่างแม่นยำและปลอดภัย พร้อมให้การรักษาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา ไปจนถึงการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ ใส่ใจในการบริการ พร้อมบรรยากาศของโรงพยาบาลที่เป็นกันเอง สรุป สายตายาว คือความผิดปกติของการมองเห็นวัตถุในระยะยาว โดยพบภาวะนี้ได้ทั้งวัยเด็กและวัยสูงอายุ ซึ่งแพทย์ทำการวินิจฉัยถึงสาเหตุของสายตายาวได้หลายวิธีเพื่อหาวิธีรักษาที่เหมาะสมอย่างเช่น การทำ LASIK สายตายาว เนื่องจากเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามควรศึกษาข้อมูลให้พร้อมในการดูแลตนเองทั้งก่อนและหลังทำ และควรเลือกโรงพยาบาลที่ปลอดภัย น่าเชื่อถือ และได้มาตรฐาน สำหรับผู้ที่สนใจบริการเลสิกสายตายาว ที่ศูนย์เลเซอร์วิชั่น Bangkok Eye Hospitalมีเครื่องมือได้มาตรฐานสากล และจักษุแพทย์มากประสบการณ์ พร้อมดูแลด้วยเทคโนโลยีและเทคนิคในการรักษาหลากหลายรูปแบบ ให้คุณภาพในการมองเห็นของแต่ละท่านกลับมามีประสิทธิภาพ ดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างสมบูรณ์
ศูนย์รักษาตาเด็ก

การควบคุมภาวะสายตาสั้นในเด็ก

การควบคุมภาวะสายตาสั้นในเด็ก เนื่องจากสายตาสั้นในเด็กเป็นภาวะที่ไม่สามารถทำให้หายขาดได้แต่สามารถควบคุมให้เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดหรือเพิ่มขึ้นช้าลง ทางการเเพทย์จึงใช้คำว่าควบคุมแทนคำว่ารักษา แน่นอนว่าลักษณะดวงตาและสภาวะสายตาของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับการวินิจฉัยจากจักษุเเพทย์ก่อน เพื่อประเมินเข้ารับการใช้ยาหรือใส่คอนเเทคเลนส์เพื่อควบคุมสายตาสั้นสำหรับเด็ก   คุณสมบัติและลักษณะเบื้องต้นของเด็กที่ควรเข้ารับการควบคุมสายตาสั้น มีอายุตั้งแต่ 6 ถึง 12 ปีและได้รับการวินิจฉัยว่ามีสายตาสั้นตั้งแต่อายุน้อยๆ เด็กกลุ่มอายุนี้มีโอกาสที่จะตอบสนองต่อการควบคุมสายตาสั้นได้ดีเนื่องจากดวงตายังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ เด็กที่มีภาวะสายตาสั้นขึ้นอย่างรวดเร็ว(เพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งร้อยต่อปี) เด็กที่มีคุณพ่อหรือคุณแม่สายตาสั้นมาก เนื่องจากมีโอกาสสูงที่เด็กจะมีสายตาสั้นมากเช่นกัน   ทำไมเด็กๆ จึงควรที่จะได้รับการวินิจฉัยและเข้ารับการควบคุมสายตาสั้น นอกจากอาการมองไม่ชัดแล้วสำหรับเด็กๆที่มีสายตาสั้นยังมีความเสื่ยงอื่นๆที่จะมีภาวะเเทรกซ้อนร่วมด้วย เช่น โรคจอประสาทตาหลุดหรือโรคต้อหิน โรคมาร์แฟนซินโดรม    ปัจจัยอื่นๆที่ควรพิจารณาก่อนเข้ารับการควบคุมสายตาสั้นโดยจักษุเเพทย์ ความส่ํมาเสมอเเละวินัยของเด็ก - เนื่องจากวิธีการควบคุมสายตาสั้นโดยใช้คอนแทคเลนส์หรือการให้ยาต้องมีความส่ํมาเสมอเพื่อให้เห็นผลการรักษา ความเข้าใจในผลข้างเคียง - เนื่องจากการใช้ยาหยอดตาจะมีผลข้างเคียงบางอย่างเช่นมองเห็นใกล้ๆไม่ชัด ซึ่งในบางครั้งเด็กๆอาจจะทนไม่ได้   ท้ายที่สุดแล้วแพทย์และผู้ปกครองควรตัดสินใจร่วมกันเพื่อนพิจารณาการควมคุมสายตาสั้นในเด็กเพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงที่สุด  
ศูนย์เลสิก LASER VISION

หลังทำเลสิคสายตาสั้น เมื่อมีสายตายาวจะสามารถรักษาด้วยวิธีเลสิกได้อีกหรือไม่

หลังทำเลสิคสายตาสั้น เมื่อมีสายตายาวจะสามารถรักษาด้วยวิธีเลสิกได้อีกหรือไม่ หลังทำเลสิคสายตาสั้น เมื่อมีสายตายาวจะสามารถรักษาด้วยวิธีเลสิกได้อีกหรือไม่?      สายตายาวตามอายุเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกๆคน ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ แม้แต่ในผู้ที่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการมองเห็นมาก่อนเลยก็ตาม      สายตายาวตามอายุ เกิดขึ้นในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป สาเหตุเกิดจากเลนส์แก้วตาแข็งขึ้น ประกอบกับกล้ามเนื้อยึดเลนส์ตาเริ่มเสื่อมสภาพ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นภาพในระยะใกล้ได้ชัดเจน      ในกลุ่มผู้ที่มีภาวะสายตาสั้น และได้รับการแก้ไขโดยวิธีการเลสิกไปแล้ว เมื่ออายุประมาณ 40 ปีมีสายตายาวอายุ ทำให้มองใกล้ไม่ชัด สามารถใช้แว่นสายตายาวช่วยในการอ่านหนังสือ หรือช่วยในการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ แต่หากไม่อยากใส่แว่น สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีเลสิกสายตาได้เช่นกัน การรักษาสายตายาวด้วยวิธี NV LASIK ซึ่งทำให้สามารถมองเห็นในระยะไกลได้ชัดในตาข้างหนึ่ง และมองเห็นใกล้ได้ชัดในตาอีกข้างหนึ่ง เนื่องจากสายตายาวตามอายุเกิดจากความเสื่อมของเลนส์แก้วตา ดังนั้น การรักษาด้วยวิธีนี้จะอยู่ได้ 3- 5 ปีขึ้นอยู่กับสภาพสายตาของคนไข้แต่ละคน การรักษาสายตายาวตามอายุด้วยวิธีการเปลี่ยนเลนส์ (Refractive Lens Exchange-RLE) โดยจะนำเลนส์แก้วตาที่เสื่อมสภาพออก และใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไป **ผู้ที่มีภาวะสายตาสั้นมักเกิดความเข้าใจผิดว่าเมื่อมีภาวะสายตายาวตามอายุร่วมด้วยสายตาจะกลับมาเป็นปกติ ในความเป็นจริง สายตายาวตาอายุเกิดจากความเสื่อมของกล้ามเนื้อตา(เสื่อมตามภาวะร่างกายที่อายุมากขึ้น) ภาวะเสื่อมดังกล่าวอาจทำให้การมองในระยะใกล้ๆได้ดีขึ้น แต่ในระยะที่ใกล้นั้นก็ใกล้กว่าระยะของคนสายตาปกติทั่วๆไป **ผู้ที่มีภาวะสายตาสั้นและไม่ได้รับการแก้ไข เมื่ออายุ 40 ปีมีภาวะสายตายาวตามอายุร่วมด้วย จะทำให้มองไม่ชัดทั้งใกล้และไกล
calling
ติดต่อเรา : +662 511 2111