|
ทำความเข้าใจกับต้อเนื้อ โรคที่เกิดจากเยื่อบุที่ปกคลุมดวงตาเจริญเติบโตผิดปกติ สาเหตุที่ทำให้เกิดต้อเนื้อ การรักษาที่สามารถทำได้หลายวิธี รวมถึงการป้องกันที่เหมาะสม เพื่อให้คุณสามารถดูแลดวงตาของคุณได้อย่างดีและป้องกันการสูญเสียการมองเห็นในอนาคต
ต้อเนื้อ (Pterygium) เกิดจากความผิดปกติของเยื่อเมือกบุตาที่มีลักษณะคล้ายรูปสามเหลี่ยม อาจเริ่มโตจากบริเวณหัวตาหรือหางตา โดยมักพบบริเวณหัวตามากกว่า ต้อเนื้อสามารถเกิดขึ้นได้ที่ตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง โดยจะมีอาการตาแดงและระคายเคือง หากต้อเนื้อลามไปบนกระจกตา อาจทำให้รบกวนการมองเห็นได้
สาเหตุที่ทำให้เกิดต้อเนื้อยังไม่รู้ชัดเจน แต่ส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้ชีวิตต่างๆ คือ
ใช้สายตามากเกินไป เช่น ใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เป็นเวลานาน
ดวงตาแห้งและระคายเคืองบ่อย
ดวงตาสัมผัสกับฝุ่นควัน มลภาวะ ลมร้อน ลมแห้ง และรังสียูวีมากกว่าปกติ
ดวงตาสัมผัสกับสารเคมีที่ทำให้เกิดการระคายเคืองเป็นเวลานาน
มีประวัติครอบครัวเป็นโรคต้อเนื้อ
โรคเบาหวาน
ต้อเนื้อในระยะแรก อาการยังไม่ชัด หรือไม่แสดงอาการให้ทราบ แต่เมื่อเข้าสู่ระยะหลังๆ อาการจะแสดงออก ดังนี้
ตาแดง บวม และระคายเคือง
รู้สึกตาแห้ง คัน และแสบ
รู้สึกเหมือนมีเม็ดทรายหรือกรวดในตา
มีก้อนเนื้อสีชมพูรูปทรงเหมือนสามเหลี่ยมงอกเข้าสู่ตาดำ
น้ำตาไหลออกมามาก
มองเห็นภาพไม่ชัด
จักษุแพทย์จะซักประวัติเพื่อหาสาเหตุที่อาจเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน การทำงานหน้าจอ หรือสัมผัสสารเคมีโดยไม่มีการป้องกัน รวมถึงประวัติครอบครัวที่มีโรคต้อเนื้อ เพราะโรคต้อเนื้อมักพบได้จากผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคต้อเนื้อมาก่อน
นอกจากนี้จักษุแพทย์สามารถวินิจฉัยต้อเนื้อได้โดยใช้กล้องตรวจตา และอุปกรณ์ตรวจตาพิเศษ ซึ่งช่วยถ่ายภาพลูกตาเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของต้อเนื้อ เช่น การขยายขนาดหรือการลุกลาม และจักษุแพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อแยกโรคอื่นๆ ที่อาจมีอาการคล้ายกับต้อเนื้อ เช่น มะเร็งของผิวดวงตา
การรักษาต้อเนื้อทำได้หลายวิธี โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็นการใช้ยาและการผ่าตัด ได้แก่
วิธีรักษาต้อเนื้อด้วยยาหยอดตา เช่น การใช้ขี้ผึ้งหรือน้ำตาเทียม หรือการควบคุมการอักเสบด้วยยาหยอดตาสเตียรอยด์ ยาต้านฮีสตามีน มีส่วนช่วยลดอาการคัน อาการระคายเคือง และตาแดงได้ แต่ไม่มียาหยอดตาตัวใดที่ทำให้ก้อนพังผืดต้อเนื้อหายไปได้
การใช้ยาในการรักษาต้อเนื้อจึงไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เพียงแต่จะช่วยลดอาการระคายเคืองบรรเทาลงเท่านั้น
การผ่าตัดเป็นวิธีที่ใช้ในการนำต้อเนื้อออก โดยทั่วไปมี 2 วิธีหลักที่แพทย์เลือกใช้ตามความเหมาะสมของผู้ป่วย เพื่อป้องกันการลุกลามและลดผลกระทบต่อการมองเห็น
การผ่าตัดลอกต้อเนื้อแบบปกติ เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็ว โดยลอกต้อเนื้อออกแล้วปล่อยให้เยื่อบุตาสร้างตัวขึ้นมาคลุมบริเวณที่ลอกออกเอง
วิธีนี้ไม่ค่อยเจ็บหรือระคายเคืองมากและไม่ต้องเย็บปิดแผล เนื่องจากร่างกายสามารถสร้างเยื่อบุตาขาวขึ้นมาทดแทนส่วนที่ถูกลอกออกไปได้เอง อย่างไรก็ตามข้อเสียของวิธีนี้คือมีโอกาสที่ต้อเนื้อจะกลับมาเกิดซ้ำได้สูงมากถึง 40-50%
การผ่าตัดลอกต้อเนื้อพร้อมปลูกเนื้อเยื่อ เป็นการลอกต้อเนื้อออกแล้วเย็บปิดด้วยเนื้อเยื่อบุตาขาวของผู้ป่วยหรือเนื้อเยื่อรก วิธีนี้ใช้เวลาผ่าตัดนานและอาจระคายเคืองหลังผ่าตัด แต่ปัจจุบันมีการใช้กาวไฟบริน (Fibrin Glue) ช่วยลดระยะเวลาผ่าตัดและลดการระคายเคืองหลังผ่าตัดได้
ข้อดีของวิธีนี้คือ ลดโอกาสการเกิดซ้ำของต้อเนื้อให้เหลือเพียง 5-10% และช่วยให้แผลจากการผ่าตัดหายได้เร็วขึ้น ส่วนข้อเสียคือผู้ป่วยอาจรู้สึกระคายเคืองมากกว่า เนื่องจากไหมเย็บที่ใช้ในการปลูกเนื้อเยื่ออาจก่อให้เกิดความรู้สึกไม่สบายตาหลังการผ่าตัด
ต้อเนื้อไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่สามารถทำให้เกิดความระคายเคืองหรือไม่สบายตาได้ หากต้อเนื้อยังมีขนาดเล็ก สามารถรักษาได้ตามอาการ เช่น การใช้ยาหยอดตาเพื่อลดการระคายเคือง อย่างไรก็ตามหากต้อเนื้อลุกลามจนมีขนาดใหญ่และส่งผลต่อการมองเห็น ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการผ่าตัดรักษาโดยเร็ว
ข้อปฏิบัติหลังการลอกตาต้อเนื้อ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจกระตุ้นให้เยื่อบุตาขาวเสื่อมซ้ำ เพื่อป้องกันการเกิดต้อเนื้อใหม่ โดยดูแลตัวเองได้ดังนี้
หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งที่มีฝุ่น ควัน ลม และแสงแดดโดยตรง หากจำเป็นต้องอยู่กลางแจ้ง ควรสวมแว่นกันแดดที่ป้องกันรังสียูวีและกันลม
หากจำเป็นต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับแสงยูวีหรือสารเคมีที่ระคายเคืองตา ควรสวมเครื่องป้องกันดวงตา เช่น แว่นตานิรภัย หรือหน้ากากป้องกันเสมอ
ในกรณีที่ต้องทำงานที่ใช้สายตามาก ควรพักสายตาเป็นระยะ เพื่อช่วยลดความเมื่อยล้าและลดความเสี่ยงที่ต้อเนื้อจะขยายขนาด
ผู้ป่วยควรใช้ยาหยอดตาหรือขี้ผึ้งตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อบรรเทาอาการระคายเคือง
ไม่ควรขยี้ตา เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบของตาและนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้
ห้ามใช้ยาหยอดตาสเตียรอยด์ติดต่อกันเกินระยะเวลาที่แพทย์สั่งหรือซื้อมาใช้เอง เพราะอาจเสี่ยงเกิดต้อหินและสูญเสียการมองเห็นถาวรได้
เพื่อป้องกันต้อเนื้อและหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจทำให้เกิดขึ้น ควรปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้
หากมีอาการระคายเคืองตาจากตาแห้ง ให้ใช้น้ำตาเทียมได้ โดยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้
หากตาล้าหรือตาแห้งระหว่างวัน ให้พักสายตาโดยการหลับตา หรือเปลี่ยนระยะการมองบ่อยๆ
หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วง 10:00 - 14:00 น. เพื่อลดการโดนแสงยูวี ใส่แว่นที่สามารถป้องกันแสงยูวีและเพื่อป้องกันฝุ่น ลม ควัน
หลีกเลี่ยงสภาวะแวดล้อมที่มีลม ฝุ่น ความร้อน ควัน สิ่งสกปรก และความแห้ง
สังเกตดวงตาภายนอกและการมองเห็นของตนเองอยู่เสมอ หากพบสิ่งผิดปกติให้รีบเข้าพบจักษุแพทย์
ต้อเนื้อคือเยื่อบุตาขาวที่เจริญผิดปกติเข้ามาบริเวณตาดำ ทำให้ระคายเคืองและอาจบดบังการมองเห็นได้ อาการหลัก ได้แก่ ตาแดง ระคายเคือง มีอาการเจ็บเล็กน้อย และรู้สึกมีอะไรติดตา สาเหตุหลักมาจากการอยู่กลางแดด ฝุ่น ลม และแสงยูวี
วิธีรักษาต้อเนื้อ สามารถใช้ยาหยอดตาหรือผ่าตัดเอาเยื่อบุตาที่ผิดปกติออก ส่วนการป้องกันควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดด ฝุ่น ลม และแสงยูวี สวมแว่นกันแดด และใช้น้ำตาเทียมหากตาแห้ง
หากคุณมีต้อเนื้อ แนะนำเข้ามารับการรักษาที่ Bangkok Eye Hospital (โรงพยาบาลจักษุกรุงเทพ) โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านดวงตาที่นี่พร้อมให้บริการดูแลและรักษาโรคเกี่ยวกับดวงตาด้วยทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมด้วยเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย